ขอบคุณข้อมูลจาก | สิ่งแวดล้อม |
---|---|
ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 21 - 27 เมษายน 2560 |
ผู้เขียน | ทวีศักดิ์ บุตรตัน [email protected] |
เผยแพร่ |
“ผีเสื้อ” ในสายตาของหลายๆ คน อาจมองเป็นเรื่องเล็กๆ จิ๊บจ๊อย ไม่เห็นจะเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับชีวิตความเป็นอยู่ประจำวันเลย แต่สำหรับนักสิ่งแวดล้อม นักธรรมชาติวิทยาและนักพฤกษศาสตร์ กลับยกย่อง “ผีเสื้อ” เป็น 1 ในแมลงแสนสวยที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศน์มากที่สุด
ระบบนิเวศน์สมบูรณ์มากน้อยแค่ไหน “ผีเสื้อ” นี่แหละคือตัวชี้วัดชั้นเยี่ยม
ผีเสื้อเป็นแมลงที่ช่วยผสมเกสรดอกไม้
ดอกไม้กับผีเสื้อต่างพึ่งพาซึ่งกันและกัน
ดอกไม้บางชนิดจะผสมเกสรได้ด้วยผีเสื้อชนิดเดียวเท่านั้น
ส่วนผีเสื้อได้ประโยชน์จากน้ำหวานของดอกไม้
ธรรมชาติสร้างสรรค์ “ดอกไม้และผีเสื้อ” อย่างกลมกลืน
ผีเสื้อส่วนใหญ่อายุสั้นอยู่ได้เพียง 1-2 สัปดาห์ แต่ธรรมชาติปั้นแต่งให้เป็นผีเสื้อด้วยกระบวนการอันละเอียดลออในหลายขั้นตอน ทุกขั้นตอนสุ่มเสี่ยงต่อภัยอันตรายทั้งจากศัตรูและลมฟ้าอากาศ
เริ่มจากการวางไข่ เพื่อสืบต่อเผ่าพันธุ์ ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ผีเสื้อตัวหนึ่งวางไข่ได้ราวๆ 150 ฟอง แต่มีศัตรูจ้องเขมือบ เช่น แมลง นก หรืออาจลมกระโชกปลิวกระเด็น เหลือแค่ 2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่รอด
ไข่ผีเสื้อฟักตัวราว 3-5 วันกลายเป็นตัวหนอน ระยะนี้มีศัตรูจ้องทำลายเช่นกัน
ระหว่างเป็นตัวหนอน ธรรมชาติรังสรรค์ให้พึ่งพาต้นไม้ด้วยการกินใบจนตัวโตเต็มที่แล้วเข้าสู่ระยะดักแด้
ขณะอยู่ในดักแด้ ตัวหนอนต้องผ่านอุปสรรคอีกมากมายเนื่องจากไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ขณะที่บรรดาสัตว์และแมลงต่างรอจ้องเขมือบกินอีกรอบ
ตัวหนอนในดักแด้โตเต็มที่จะดันเปลือกดักแด้จนฉีกขาด ธรรมชาติก็ให้ปีกผีเสื้อที่ยับยู่ยี่ คลี่แผ่ออกมาด้วยการปั๊มของเหลวหรือที่เรียกว่า Hemolymph ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเลือดและน้ำเหลืองเข้าไปในเส้นปีกจนปีกแข็งสามารถบินได้
ผีเสื้อบินโฉบเฉี่ยวในป่า เกาะกินน้ำหวานจากดอกไม้ เกสรดอกไม้เกาะตามขาของผีเสื้อ เมื่อบินไปเกาะดอกไม้อื่นๆ เกสรเกาะตามด้วย ทำให้เกิดการผสมพันธุ์ สร้างระบบนิเวศน์ให้เกิดความสมบูรณ์
บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านระบบนิเวศน์ จึงเฝ้าติดตามความเป็นไปของผีเสื้อ
ถ้าผีเสื้อมีจำนวนประชากรลดลงหรือสายพันธุ์สูญหายไปจากระบบนิเวศน์ นั่นเป็นสัญญาณอันตรายทั้งสิ่งแวดล้อมและคน
ที่ประเทศอังกฤษ กลุ่มเฝ้าติดตาม “ผีเสื้อ” สำรวจพบว่า ผีเสื้อจำนวน 6 ชนิด ได้แก่ the heath fritillary, grizzled skipper, wall, grayling, white-letter hairstreak, white admiral มีปริมาณลดลงอย่างน่าใจหาย
ผีเสื้อทั้ง 6 ชนิดดังกล่าวมีจำนวนลดลงมากที่สุดเท่าที่มีการบันทึกในรอบ 41 ปี และยังเป็นสถิติปีที่เลวร้ายที่สุดของผีเสื้อเป็นปีที่ 4
นอกจากนี้ ผีเสื้อจำนวน 57 ชนิดที่สำรวจคราวนี้ พบว่าประชากรผีเสื้อ 40 ชนิด มีจำนวนลดลงด้วย
ศาสตราจารย์ทอม แบร์เรตัน หัวหน้าคณะเฝ้าติดตามของกลุ่มอนุรักษ์ผีเสื้อ บอกว่าผลสำรวจนี้กำลังบ่งชี้ว่าแมลงในธรรมชาติกำลังเผชิญกับภาวะเสี่ยงอันตราย
“ผลสำรวจผีเสื้อแสดงให้เห็นว่า เราล้มเหลวในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ”
แบร์เรตันบอกว่า ผีเสื้อเป็นตัววัดสิ่งแวดล้อมที่ดีเลิศ เมื่อผลออกมาอย่างนี้ ชีวิตสัตว์ป่าและมนุษย์เป็นเรื่องน่าห่วงใยอย่างยิ่ง ปัญหาอยู่ที่ว่า จากนี้ไปเราจะจัดการสร้างสมดุลให้กับสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร
“อากาศอุ่นขึ้นในฤดูหนาว ผมคิดว่าเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตการณ์” แบร์เรตันชี้
อย่างที่ทราบกันว่า เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น หน้าหนาวก็หนาวน้อยลง ทำให้สิ่งแวดล้อมเปลี่ยน การขยายพันธุ์และแพร่ระบาดของเชื้อโรคมีมากขึ้น
เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ อากาศเย็นลง มีผลกระทบต่อวงจรชีวิตของสัตว์และแมลงเหมือนกัน
ดร.มาร์ก โบธัม ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบนิเวศน์ แห่งศูนย์เพื่อระบบนิเวศน์และน้ำ หนี่งในทีมผู้สำรวจผีเสื้อแห่งอังกฤษบอกว่า การเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศมีผลต่อพัฒนาการของสิ่งมีชีวิต สัตว์มีจำนวนลดลงอายุสั้นลง
อากาศวิปริตแปรปรวน ส่งผลกระทบต่อวงจรชีวิต “ผีเสื้อ” มีแนวโน้มว่าบางชนิดอาจสูญพันธุ์
เวลานี้ สภาวะภูมิอากาศของอังกฤษวิปริตในทุกช่วงฤดู
ในหน้าร้อน เกิดคลื่นความร้อน อุณหภูมิสูงขึ้น
เมื่อถึงหน้าหนาว อากาศอบอุ่นขึ้น แต่ในบางพื้นที่กลับมีลมกระโชก หนาวเย็นมากขึ้น และเกิดฝนตกหนักรุนแรง
คณะสำรวจผีเสื้อลงพื้นที่ทั่วอังกฤษเพื่อตรวจสอบปริมาณผีเสื้อชนิดต่างๆ 1,800 จุด มาเป็นเวลา 37 ปีแล้ว
ผลสำรวจพบว่า ช่วงอากาศวิปริต โดยเฉพาะฝนตกหนักๆ มีผลกระทบต่อการเจริญพันธุ์ของผีเสื้ออย่างมาก เพราะฝนถล่มลงมาทำลายดักแด้ของผีเสื้อชนิดต่างๆ อย่างมาก
ส่วนอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาว มีผลลบต่อการขยายพันธุ์ของผีเสื้อในอังกฤษ
เมื่ออากาศร้อนขึ้น เชื้อโรคแพร่ระบาดเร็วขึ้น คุกคามการแพร่พันธุ์ของผีเสื้อโดยตรง
ในผลการสำรวจสรุปตอนท้ายว่า อากาศวิปริตแปรปรวน ไม่ว่าจะร้อนมากขึ้น เย็นจัด หรือฝนตกหนัก ล้วนมีผลกับการเติบโตของผีเสื้อในทุกระยะ ตั้งแต่วางไข่ ฟักตัว เป็นหนอนหรือดักแด้ จนกระทั่งกลายเป็นผีเสื้อแสนสวย