ฟ้า พูลวรลักษณ์ : หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (164) : หากนอนดึก

ฟ้า พูลวรลักษณ์

ตัวฉัน หากนอนดึก ฉันจะทำสิ่งต่อไปนี้

๑ อ่านหนังสือ

๒ เล่นเกม

ความน่าสนใจอยู่ที่ว่า เกมที่ฉันเล่น ฉันคิดกติกาเอง

เล่นแบบง่ายๆ เช่น ใช้ไพ่หนึ่งสำรับ สมุดหนึ่งเล่ม และปากกาสองด้าม ด้ามหนึ่งสีแดง ด้ามหนึ่งสีน้ำเงิน ใช้คลื่นแห่งความน่าจะเป็น และเล่นกับคลื่นนั้น บางคนเข้าใจผิดคิดว่าฉันกำลังดูดวง แต่ไม่ใช่ คนที่เล่นเกมที่กำหนดกติกาเอง เหมือนกำลังสู้กับทั้งจักรวาล มันจึงสนุกยิ่งนัก และเป็นสิ่งมูลฐานที่สุด เหมือนฉันกำลังค้นหาอนุภาคมูลฐาน โดยลงทุนน้อยที่สุด

สงครามเกิดจากอะไร มันเกิดจาก

๑ ความโลภ

๒ ความทะเยอทะยาน

๓ ความกลัว

๔ ความอิจฉา

๕ ความรักหน้า

๖ ความโง่เขลา

๗ ความแตกต่างของความเร็ว

ความแตกต่างของความเร็ว เช่น บางคนขับรถด้วยความเร็ว ๑๐๐ ก.ม. ต่อ ช.ม. หากเขามาเจอคนที่ขับรถที่มีความเร็ว ๙๐ ก.ม. ต่อ ช.ม. ก็ยังเกาะกลุ่มไปด้วยกันได้ หากมาเจอคนที่ขับด้วยความเร็ว ๕๐ ก.ม. ต่อ ช.ม. ก็ขัดแย้ง แต่ยังไม่เท่ามาเจอคนที่ขับด้วยความเร็ว ๑๐ ก.ม. ต่อ ช.ม. ความแตกต่างนี้ พาไปสู่สงคราม มันเรียบง่ายแค่นี้เอง

กลุ่มอนุรักษ์ คือคนที่ขับยานพาหนะด้วยความเร็วน้อย จนถึงน้อยที่สุด

กลุ่มหัวก้าวหน้า คือคนที่ขับยานพาหนะด้วยความเร็วสูง จนถึงสูงที่สุด

พวกเขามองโลกไม่เหมือนกัน และจะทนกันไม่ได้

แปลกดี แตกต่างกันที่ความเร็ว ทันใดนั้นก็เกิดสงคราม ถ้าเช่นนั้น สงครามก็เป็นนิรันดร เพราะถึงยังไง ความเร็วของเราก็ไม่เท่ากันอยู่แล้ว

นานมาแล้ว ที่ฉันเป็นคนชอบเดินทาง การเดินทางมาก และมีอิสระ จะไปที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ ทำให้ฉันเร็ว เพราะการเดินทางใน space มีค่าเท่ากับการเดินทางใน time เนื่องจากกาลอวกาศ เป็นเนื้อเดียวกัน ฉันจึงเหมือนคนเดินทางได้ในกาลเวลา

เช่น ห้าวันนี้ฉันอยู่อิตาลี อีกสิบวันฉันไปมาเลเซีย อีกเจ็ดวันฉันอยู่ภูเก็ต อีกเจ็ดวันฉันไปแม่ฮ่องสอน อีกสิบวันฉันกลับกรุงเทพฯ อีกสิบวันฉันอยู่เวียดนาม

ภาพและเหตุการณ์ที่มากระทบฉัน เปลี่ยนเร็วมาก ต่อให้ฉันช้าแค่ไหน ฉันก็เร็ว

ชีวิตมีต้นทุน ที่ไม่ใช่เงิน แต่มีค่าเสมอเหมือนเงิน

เช่น เพื่อนคนหนึ่งเป็นจิตรกรมาหลายสิบปี แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็ลงทุนหนึ่งแสนบาท ไปซื้อของเล่นมาขายในห้าง เปิดเป็นบู๊ธเล็กๆ แห่งหนึ่ง ฉันไม่เห็นด้วยเลย เพราะมันเป็นการต่อสู้ที่มีต้นทุนน้อยมาก เขาควรเอาเงินหนึ่งแสนไปจ้าง PR มาเปิดแสดงงานในแกลเลอรี่แห่งใดแห่งหนึ่ง เพราะขอเพียงเขาขายรูปได้หนึ่งหรือสองรูป ก็คุ้มทุนแล้ว มิหนำซ้ำจะได้สูจิบัตรงาน ทำให้สามารถนำภาพที่เหลือไปวางขายตามแกลเลอรี่อื่นๆ ได้ เท่ากับลงทุนครั้งเดียว แต่ใช้ประโยชน์ได้หลายครั้ง มันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า แต่ต้นทุนจริงๆ ไม่ใช่เงินหนึ่งแสนบาท หากแต่เป็นประสบการณ์ในการเขียนภาพของเขาหลายสิบปี คิดเป็นเงินหลายสิบล้านบาท เท่ากับเขากำลังทำการค้า ที่มีต้นทุนหลายสิบล้าน

แต่การไปขายของเล่น ด้วยต้นทุนหนึ่งแสนบาท เขาจะมีต้นทุนแค่นั้นเอง เพราะเขาไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน และเขาจะเจอคู่แข่งที่ทุนสูงกว่าเขามาก ฉันหมายถึงคู่แข่งที่เป็นพ่อค้าแม่ค้ามาหลายสิบปี มีประสบการณ์สูงกว่า ชำนาญกว่า ขยันกว่า เท่ากับเริ่มต้นก็แพ้แล้ว หากบอกว่าเขาเพียงอยากมาสนุก อยากหาประสบการณ์บางอย่างของชีวิต ก็ไม่จริงอีก เพราะเขากำลังเดือดร้อน ไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ไม่มีเงินจ่ายค่ากับข้าว ที่จริงเขากำลังดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด

ฉันจึงบอกเพื่อนว่า หากคุณจะทำอะไรก็ตาม ที่เป็นการแข่งขันในโลกที่ดิ้นรนต่อสู้กันอย่างหนักนี้ คุณควรเริ่มด้วยสิ่งที่คุณรู้ สิ่งที่คุณมีต้นทุน

เช่น หากคุณอยากทำธุรกิจเกี่ยวกับผู้สูงอายุ คุณควรเป็นคนสนใจสิ่งนี้มาตั้งแต่เด็ก เป็นคนที่คลุกคลี รักและห่วงใยผู้สูงอายุมานาน

หากคุณต้องการทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องสำอาง คุณควรเป็นใครคนหนึ่งที่ชอบใช้สิ่งนี้ตั้งแต่เป็นเด็กสาว ใช้เวลาเป็นร้อยเป็นพันชั่วโมง ในการแต่งหน้า เสริมสวย

ประสบการณ์เหล่านั้นคือต้นทุนมหาศาล

ฉันเป็นคนชอบเดินเล่นมาตลอดชีวิต ต้นทุนในการเดินของฉันจึงสูงมาก หากคิดเป็นเงินก็หลายสิบล้าน ไม่ใช่เพราะมันทำให้ฉันขาแข็งแรง อันนั้นมีส่วน แต่ไม่มากเท่าสิ่งที่มากระทบจิตของฉัน

เช่น หากฉันเดินไปบนทางราบเป็นเส้นตรง สองข้างทางมีต้นไม้ใหญ่ คนภายนอกจะมองเห็นฉันเดินไป บนถนนที่หากมองด้วยตาเปล่า ก็มองไปได้ไกลเป็นหลายกิโลเมตร และอุทานว่าไม่เห็นมีอะไรเลย เดินไปทำไมให้แดดร้อน ให้เหนื่อย ในเมื่อมองด้วยตาเปล่าก็เห็นหมดแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ภาพที่ฉันเห็น เพราะแต่ละก้าวที่ฉันเดิน ภาพที่กระทบจิตของฉัน เกิดความอุดมสมบูรณ์มากมาย เพราะเกิดภาพในอดีตที่ฉันเคยเดินมาเปรียบเทียบ ฉันมองเห็นอะไรมากมาย เกิดความรู้สึก ความนึกคิดมากมาย มันเกิดขึ้น เพราะฉันมีต้นทุนสูง

๑๐

คุณเดินแข่งความเร็วกับฉันได้ แต่แข่งความอุดมสมบูรณ์ในจิตไม่ได้ ยกเว้นว่าคุณเป็นคนชอบเดิน และเคยเดิน มาช้านาน