ในประเทศ : ฝ่ายค้าน อ่อนแอ! “เพื่อไทย” แตกก๊ก “ก้าวไกล” ระส่ำ “ประชาชาติ” ส่อแพแตก

ฟากฝั่งฝ่ายค้านที่ดูเรียบนิ่ง กลับมีความเคลื่อนไหวเปรียบเป็น “คลื่นใต้น้ำ” อยู่ตลอด

โดยเฉพาะพรรคพี่ใหญ่ขั้วฝ่ายค้าน อย่างพรรคเพื่อไทย ที่มีความเคลื่อนไหวแบ่งเป็น 2 ก๊ก

ระหว่างก๊กที่สนับสนุนและไม่สนับสนุน “หญิงหน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค ที่มีมานับปี

ซึ่ง “หญิงหน่อย” ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าพรรคตัวจริง จากบทบาทที่มีในพรรคและเป็นอดีตแคนดิเดตนายกฯ ลำดับที่ 1 ของพรรคด้วย เข้าสำนวนบุญมีแต่กรรมบัง เพราะไม่ได้เป็น ส.ส.เข้าสภา แม้จะเป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 1 ก็ตาม

อีกทั้งการที่ “เลขาฯ ป๊อป” น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เด็กในคาถานั่งเป็นเลขาธิการพรรค ที่เป็นตำแหน่งแม่บ้านพรรค

ก็ยิ่งทำให้อำนาจ “หญิงหน่อย” เฟื่องฟู

 

รวมทั้งบทบาทของ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขั้ว “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่ไม่ค่อยชนกับใคร ก็เป็นอีกอุปสรรคในการเป็น “ผู้นำฝ่ายค้านในสภา”

จะเห็นได้ว่าการขึ้นเป็นผู้นำฝ่ายค้าน เกือบ 1 ปีที่ผ่านมา “สมพงษ์” เลือกที่จะไม่ชนกับใครมากนัก

ซึ่งช่วง 1 ปีมานี้ “เจ๊แดง” ก็เก็บตัวเงียบ ไม่ได้ออกมาแสดงอิทธิฤทธิ์ทางการเมืองในพรรคเพื่อไทยมากนัก

เพราะ “เจ๊แดง” เองก็ส่อจะโดนหางเลขคดีจำนำข้าวไปด้วย

หากย้อนปูมหลัง “หญิงหน่อย” ก็รู้จักกับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ตั้งแต่สมัยยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ที่ พล.อ.ประวิตรได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ในช่วงนั้น

โดยความสัมพันธ์ระหว่าง “หญิงหน่อย-บิ๊กป้อม” มีผู้เชื่อมไมตรีคือ “บิ๊กกี่” พล.อ.นพดล อินทปัญญา เพื่อน ตท.6 ซึ่งขณะนั้น พล.อ.นพดลเป็นหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม

ซึ่งในขณะนั้น “บิ๊กเหวียง” พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร เป็น รมว.กลาโหม เป็นอีกแรงหนุน พล.อ.ประวิตรขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ด้วย ซึ่งชื่อที่คุ้นตาอย่าง “อรทัย ฐานะจาโร” เป็นลูกสะใภ้ “บิ๊กเหวียง” โดยเป็นแกนนำพรรคไทยรักไทยในพื้นที่กรุงเทพฯ ร่วมกับคุณหญิงสุดารัตน์นั่นเอง

มนต์ขลังที่พรรคเพื่อไทยมีเริ่มเสื่อมลงหลัง “ศึกซักฟอก” ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่ถูกมองว่าเป็น “มวยล้มต้มคนดู” ทำให้ตำบลกระสุนตกไปที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หัวหน้าคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย ที่ได้รับมอบหมายให้มาเซ็ตทีมซักฟอกของพรรคเพื่อไทย

โดยเมื่อเปิดชื่อรัฐมนตรีออกมา ชื่อของ “บิ๊กป้อม” ดันหลุด ทำให้เกิดกระแสมายังพรรคเพื่อไทยทันทีว่ามี “ดีลลับ” ทำให้ “เฉลิม” ถึงกับยัวะที่ถูกกล่าวหาว่ามีเกี้ยเซียะกับฝั่งรัฐบาล ซึ่งสุดท้ายมติพรรคฝ่ายค้านก็มีชื่อ พล.อ.ประวิตร ซึ่งครบทั้ง 3 ป.บูรพาพยัคฆ์

ทว่ากลับมีพิรุธให้เกิดข้อกังขาต่างๆ ขึ้นในช่วงอภิปราย

 

จุดนี้เป็นความแยบยลของ “เฮียยักษ์” วิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ที่วางหมากไว้ให้อภิปรายรัฐมนตรีรายบุคคล ทำให้ชื่อของ พล.อ.ประวิตร และ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ไม่ทันที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายเพราะเวลาของฝ่ายค้านหมด หลังทุ่มไปกับ พล.อ.ประยุทธ์เสียมาก

แต่จำเลยครั้งนี้คือพรรคเพื่อไทย โดย “ส.ส.เครางาม” ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย ที่ใช้เวลาไป 3 ชั่วโมงในการอภิปราย จากเดิมที่ได้รับการจัดสรรเวลา 2 ชั่วโมง ทำให้เวลาของฝ่ายค้านเหลือน้อยลงไม่พอที่จะอภิปราย ทำให้การอภิปราย พล.อ.ประวิตรต้องมาทำนอกสภาแทน

โดย “รังสิมันต์ โรม” ในการเปิดผังเครือข่ายป่ารอยต่อฯ ของ พล.อ.ประวิตร เกิดรอยร้าวที่ลึกขึ้นระหว่าง “พรรคเพื่อไทย-อดีตพรรคอนาคตใหม่”

ทำให้งานนี้ถูกจับตาว่ามี “งูเห่าตัวใหญ่” หรือ “พญางูเห่า” ที่ไม่เคยปรากฏตัวอยู่เบื้องหลัง เปรียบเป็นกลยุทธ์การเมืองระดับปรมาจารย์หรือไม่

ตามที่ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ตั้งข้อสังเกตไว้

 

อีกทั้งการเกิดขึ้นของกลุ่มแคร์ นำโดย “หมอมิ้ง” นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช “อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย “หมอเลี้ยบ” นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และ “เฮียเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล

โดยเฉพาะชื่อ “เฮียเพ้ง” ที่เคยเป็นแคนดิเดตหัวหน้าเพื่อไทยมาก่อนด้วย ก่อนจะประกาศไม่ขอรับเป็น

ซึ่งศักยภาพของ “เฮียเพ้ง” เรียกว่ามือพระกาฬในการเข้าถึงแหล่งทุนการเมือง มีผลงานรับประกันในการก่อตั้งพรรคไทยรักไทย

ซึ่งทั้ง 4 คนนี้เป็นมือสร้างพรรคไทยรักไทย-คิดนโยบายมากับ “ทักษิณ” โดยทั้ง 4 คนก็ถูกมองว่าอยู่ในก๊กที่ไม่หนุน “หญิงหน่อย” ด้วย

ล่าสุด “สมพงษ์” พร้อม “หญิงหน่อย” และ “สุทิน คลังแสง” ประธานวิปฝ่ายค้าน มาแถลงข่าวที่รัฐสภา แสดงความเป็นปึกแผ่นของพรรคและการเป็นที่พึ่งของประชาชนเมื่อ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อสยบรอยร้าว โดยยืนยัน ส.ส.มีความกลมเกลียว ยอมรับอาจมีการเข้าใจผิดบ้างในการสื่อสาร ย้ำไม่มีแพแตก-สมองไหล

และไม่ขัดข้องหาก “กลุ่มแคร์” จะไปตั้งพรรคใหม่ เปรียบเป็น “เพื่อไทย-ไทยรักษาชาติ” ต้องทำงานร่วมกันในอนาคต ชี้เป็นไปตามกลไกรัฐธรรมนูญ 2560

พร้อมขอ “คนออกจากพรรค” อย่าให้ร้ายพรรคอีก

 

มากันที่พรรคน้องอย่าง “พรรคก้าวไกล” ที่ระส่ำไม่น้อย หลังการขึ้นนำพรรคโดย “ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ที่รับไม้ต่อจาก “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ หลัง “ธนาธร” พร้อมกับ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” อดีตเลขาธิการอนาคตใหม่ และ “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกอนาคตใหม่ และกรรมการบริหารอนาคตใหม่ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบอนาคตใหม่ จึงมาเคลื่อนไหวผ่านคณะก้าวหน้า

ซึ่งทั้ง 3 คนต่างต้องเลี่ยงการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพรรคก้าวไกล ไม่เช่นนั้นจะเข้าข่ายการครอบงำพรรคได้

ในสภาวะที่พรรคอนาคตใหม่ถูกสอยทั้ง กก.บห. ถูกตัดสิทธิ์การเมือง 10 ปี และอดีต ส.ส.อนาคตใหม่โดนดูดไปอยู่พรรคอื่น ทำให้ ส.ส.ที่มีอยู่เดิมกว่า 80 คน เหลือเพียง 54 คน ทำให้พลังของพรรคก้าวไกลลดลงไปด้วย

ผนวกกับ “พิธา” ไม่สามารถดูแลลูกพรรคได้ทั่วถึง มีการพูดกันถึง “แรงฝืด” ที่เกิดขึ้น ก็ทำให้สภาวะพรรคก้าวไกลตอนนี้เป็นลักษณะต่างคนต่างทำงาน ความเป็นยูนิตี้ลดลงไป

ทั้งนี้ อย่าลืมว่าอดีตพรรคอนาคตใหม่ได้เก้าอี้ ส.ส.เข้าสภากว่า 80 เก้าอี้ จากกระแส “ธนาธรฟีเวอร์” ก่อนเลือกตั้ง และกรณีส้มหล่นหลังพรรคไทยรักษาชาติถูกยุบ ทำให้ยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรคฝ่ายค้านเปลี่ยนไป เขตที่ไม่มีพรรคเพื่อไทย จึงลงคะแนนเทมายังอดีตพรรคอนาคตใหม่แทน ทำให้หลายคนได้เป็น ส.ส.โดยไม่ทันตั้งตัว

ด้วย “แรงฝืด” ที่มีในพรรคและการที่ ส.ส.พื้นที่ ต้องเผชิญกับการเมืองในพื้นที่และความคาดหวังของพื้นที่ ก็ทำให้ต้องดิ้นรนหาทางรอดเพื่ออยู่ในพื้นที่ให้ได้

เพราะหลายคนก็หวังทำการเมืองระยะยาว

 

ตามมาด้วย “พรรคประชาชาติ” ที่ไม่ตกเทรนด์ฝ่ายค้าน “ส่อแพแตก” ฝ่ายค้านที่ปันใจให้รัฐบาล มีเรื่อง “ส.ส.ฝากเลี้ยง” เกิดขึ้น แต่ไม่เปรี้ยงปร้างให้มีพิรุธ

ว่ากันว่าอาจมีบุคคลระดับ กก.บห.ในพรรคไขก๊อกก็เป็นได้ หลังการทำงานไปด้วยกันไม่ได้ เกิดการแบ่งก๊ก อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในพรรคขึ้น

อีกทั้งภาพของพรรคประชาชาติที่ตั้งใจจะเป็นภาพของความหลากหลาย

ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพรรค กลับกลายเป็น “พรรควาดะห์” เพราะ ส.ส.ส่วนใหญ่มาจากชายแดนใต้ จึงต้องจับตาว่าปัญหานี้ในพรรคจะเคลียร์กันจบภายในหรือไม่

ก่อนหน้านี้พรรคประชาชาติก็มี “งูเห่า” เกิดขึ้น หลัง “อนุมัติ ซูสารอ” ส.ส.ปัตตานี โหวตล้มญัตติตั้งกรรมาธิการวิสามัญเช็กบิล มาตรา 44 มาแล้ว จนถูกพรรคตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ขับออกจากพรรค แต่มีบทลงโทษอื่นๆ แทน

โดย “อนุมัติ ซูสารอ” เคยแบะท่าหากถูกขับพ้นพรรคประชาชาติ ก็จะไปเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ หลังไปปรากฏตัวในงานทานข้าวกับพรรคพลังประชารัฐ ถ่ายรูปข้าง “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ประธาน ส.ส.พลังประชารัฐ

ทั้งหมดนี้เป็นภาพฉายของพรรคฝ่ายค้านที่ “อ่อนแอ” ที่มีศึกในเกิดขึ้นทั้งในพรรคและระหว่างพรรค หากพรรคฝ่ายค้านไม่เร่งเคลียร์ปัญหาภายใน แสดงจุดยืนให้ชัด สร้างเอกภาพให้ได้

จะทำให้ดุลการตรวจสอบในระบบรัฐสภาสูญเสียไป

การประชุมสภาจะเป็นเพียงพิธีกรรมและตรายาง

 


พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย.63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่