อนุสรณ์ ติปยานนท์ : จามอนของพ่อ

ปากะศิลป์ฉบับอ่านใหม่ (31)
เรื่องเล่าจากเหมืองเกลือบทที่เก้า

พวกเขาลงจากรถนับแต่นาทีแรกที่เห็นทะเล

อากาศยามเย็นของเมืองท่าชายฝั่งเหมาะแก่การเดินเลียบไปตามชายหาดที่ทอดตัวเคียงขนานไปกับท้องทะเล

ชายหนุ่มรื้อสูทลำลองออกจากเป้เดินทาง เขาสวมมันทับเสื้อเชิ้ต

ในขณะที่หญิงสาวแรกรุ่นผู้นั้นพันผ้าผืนยาวรอบลำคอและม้วนชายของมันลงไปในอกเสื้อยืดแขนยาว

ทั้งคู่สะพายสัมภาระที่นำติดตัวมาไว้กับบ่า ดูราวกับเป็นการออกเดินที่ไม่จริงจัง กระนั้นก็ดูเหมือนมีความหนักอึ้งในใจของคนทั้งคู่

ราวสิบนาทีที่พวกเขาเดินไปอย่างเงียบๆ ปราศจากบทสนทนา ชายหนุ่มปรารถนาจะรับรู้เรื่องราวต่อไปของชายผู้แบกอาหารที่ทำจากฝีมือของพ่อผู้หายสาบสูญไปของหญิงสาว

ส่วนหญิงสาวปรารถนาจะรับรู้ถึงความเงียบของเพื่อนร่วมทางที่ทำให้เขาจมอยู่กับความคิดตลอดการเดินทางที่ผ่านมา

ทว่าไม่มีใครปริปาก เอ่ยเอื้อนถ้อยคำใด เสมือนหนึ่งเป็นการเล่นเกมส์แห่งความอดทน ที่ไม่ช้าก็เร็วจะปรากฏผู้แพ้หรือผู้ชนะในเกมที่ว่านี้เสมอมา

 

ในที่สุด ชายหนุ่มก็เป็นผู้พ่ายแพ้ เขาเอ่ยถามหญิงสาวด้วยข้อความที่ว่า “โทโกโรโก้ผู้นั้น ผู้ที่มาถึงในงานเลี้ยงของคุณ เขาทำสิ่งใดต่อจากนั้น”

หญิงสาวเตะทรายสีขาวขุ่นเบื้องหน้า

“เขาวางจามอนลง เฉือนมันด้วยฝีมืออันเลิศ แผ่นเนื้อที่ถูกเฉือนออกมานั้นบางเฉียบราวกับกระดาษที่ใช้เขียนจดหมายรัก เขาวางมันลงบนจานทีละชิ้น ทีละชิ้น ก่อนจะขอร้องให้ฉันเสิร์ฟมันให้กับแขก จานแล้วจานเล่า ราวหนึ่งชั่วโมงที่เขากระทำเช่นนั้น ในที่สุด จามอนขนาดใหญ่ก็หลงเหลือเพียงโครงกระดูก แขกทุกคนหยิบชิ้นเนื้อที่ถูกจัดแจงอย่างตั้งใจเข้าใส่ปาก ก่อนจะตามด้วยไวน์เบื้องหน้า ทุกคนจมดิ่งไปกับรสชาติที่อัศจรรย์ ไม่มีใครปริปากพูด ไม่มีบทสนทนา นอกจากเสียงส้อมและมีดที่แตะกับขอบจานในบางครั้ง ห้องทั้งห้องนั้นแทบจะมีแต่ความเงียบ เป็นความเงียบที่เต็มไปด้วยความอึดอัดและคำถามนานา”

“เช่นเดียวกับความเงียบที่เกิดขึ้นกับเราเมื่อครู่” ชายหนุ่มเอ่ย

“ใช่ เช่นเดียวกับความเงียบที่เกิดขึ้นกับเราเมื่อครู่” หญิงสาวตอบคำ

ชายหนุ่มถอนหายใจ เขาอยากกลับไปสู่ความเงียบอีกครั้ง แต่ความสงสัยใคร่รู้ของเขานั้นมีอิทธิพลมากกว่า

“หลังจากที่คุณลิ้มรสจามอนดังกล่าว คุณยืนยันได้ไหมว่ามันคือจามอนที่ถูกปรุงขึ้นหรือตระเตรียมขึ้นด้วยน้ำมือของพ่อคุณ”

“แน่นอน ฉันไม่มีข้อสงสัยใดเลย อันที่จริงแล้ว ฉันเชื่อว่าจามอนชิ้นดังกล่าวเป็นจามอนที่ถูกปรุงขึ้นด้วยฝีมือของพ่อ นับแต่นาทีแรกที่เห็น ประการแรก สีสันและกลิ่นของจามอนชิ้นดังกล่าวทำให้ฉันนึกถึงพ่อแทบจะทันที ประการที่สอง โทโกโรโก้เป็นอาชีพที่ทรงเกียรติมาก ไม่มีเหตุผลใดที่ชายผู้ที่เป็นที่รู้จักและเคารพในโลกของอาหารจะยอมสูญเสียสถานภาพที่ว่านั้นด้วยการแต่งเรื่องโกหกพกลมที่ไม่ก่อประโยชน์ใดๆ แก่ตัวเขาเลย”

“หมายความว่า คุณเชื่อว่าเขาได้พบกับพ่อของคุณ และจามอนชิ้นที่เขานำมาในงานเลี้ยงนั้นคือจามอนจากพ่อของคุณตามคำอ้างของเขา”

หญิงสาวค้อมศีรษะเบาๆ เป็นการยอมรับ “จามอนชิ้นนั้นเป็นจามอนจากฝีมือของพ่อฉันจริง”

 

ชายหนุ่มชี้นิ้วไปเบื้องหน้า “มีร้านขายเครื่องดื่มและไอศกรีมอยู่เบื้องหน้าเรา แวะดื่มน้ำกันสักครู่ไหม?”

แทนการส่งเสียงเป็นคำตอบ หญิงสาวพยักหน้ารับ ชายหนุ่มเดินตรงไปที่ซุ้มขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บนเนิน เขาสั่งน้ำแร่ผสมเลมอนเนดให้เธอ ก่อนจะสั่งไวน์แดงขวดเล็กที่แช่ในตู้เย็นข้างผนังร้านให้แก่ตนเอง

“คุณคงไม่ว่าหากผมจะขอดื่มสักเล็กน้อย”

“ตามสบาย มันน่าจะทำให้คุณอุ่นขึ้น”

ชายหนุ่มรับเครื่องดื่มจากผู้เป็นเจ้าของร้าน ยื่นแก้วพลาสติกที่บรรจุน้ำเลมอนเนดให้กับเธอ ส่วนเขาบิดฝาเกลียว จิบไวน์แดงในขวดนั้นเพียงเล็กน้อย ทั้งคู่ออกเดินอีกครั้ง แสงอาทิตย์ส่งประกายร้อนแรงอีกครั้งก่อนจะหลุบลง อีกไม่นาน พระอาทิตย์จะตกลง ความมืดจะเข้ามาแทนที่

พวกเขาทั้งคู่ยังไม่มีที่พัก แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครใส่ใจใดๆ ทั้งสิ้น

 

“คุณบอกว่า เอนริเก้ ชายผู้แล่จามอนผู้นั้น โทโกโรโก้ของคุณแก่ชราลงมาก”

“ใช่ เขาแลดูมีอายุแก่ชราเป็นสองเท่าของความเป็นจริง ผิวหนังเหี่ยวย่น หนังตาตกจนแทบปิดนัยน์ตาทั้งสองข้าง เส้นผมบนศีรษะของเขาแทบไม่หลงเหลือ หนวดเคราของเขาที่ปรากฏให้เห็นสีขาวราวปุยหิมะ ร่างของเขางองุ้มราวกับแบกสิ่งที่หนักเกินกำลังมานานนับปี แต่กระนั้นมือของเขากลับมั่นคง มันทำงานด้วยความสงบและเที่ยงตรงราวกับเครื่องจักรชั้นยอดที่ปราศจากข้อบกพร่อง เนื้อจามอนที่ถูกเฉือนออกมาสมบูรณ์แบบอย่างไม่มีที่ติ มันคือเนื้อแบบเดียวกันกับที่ฉันและแม่เคยทานในอดีต หากไม่นับความแก่ชราของเขา งานเลี้ยงฉลองการจบการศึกษาของฉันในคืนนั้นแทบไม่ต่างจากงานฉลองวันเกิดของสมาชิกในครอบครัวของเราในครั้งอดีตเลย”

“ช่างเป็นเรื่องราวที่แปลกประหลาดเอามากๆ” ชายหนุ่มเอ่ย

“นั่นไม่ใช่เรื่องราวที่แปลกประหลาดเรื่องเดียวที่เกิดขึ้นในวันนั้น เรื่องราวอีกเรื่องที่พ้นจากการคาดคิดของฉันคือการที่แม่หยิบเนื้อจามอนชิ้นหนึ่งขึ้นทาน หลังจากนั้นแม่พูดขึ้นว่านี่คือความเค็มที่พอดี หลังกาลเวลาผ่านไปนานนับปี นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นแม่กลับมารับรู้ได้ถึงรสเค็ม นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นแม่สัมผัสเกลือได้อีกครั้งหนึ่ง”

ชายหนุ่มยกขวดไวน์ขึ้นจิบ “ดูเหมือนเนื้อจามอนท่อนนั้นจะเปลี่ยนแปลงในหลายสิ่งในคืนดังกล่าว แต่เอนริเก้ผู้นั้น โทโกโรโก้ของคุณได้เนื้อจามอนชิ้นนั้นมาจากไหน หากพ่อของคุณหายสาบสูญไปแล้ว”

นกนางนวลฝูงหนึ่งส่งเสียงร้องก่อนจะถลาลงจัดการกับซากปลาที่เกยอยู่ตามหาด มีเรือขนส่งขนาดใหญ่หลายลำจอดอยู่ที่สะพานซึ่งมองเห็นอยู่ไกลลิบ

ทัศนียภาพที่กำลังจะจบลงของวันนี้ไม่มีอะไรน่าจดจำ เว้นเสียแต่เรื่องเล่าจากหญิงสาวแรกรุ่นผู้นั้น

 

“นั่นคือคำถามที่ทุกคนสงสัย ไม่เว้นแม้แต่คุณ” หญิงสาวหัวเราะเบาๆ

“และหากฉันจะพูดคำตอบของมันก็ยังไม่ใช่คำตอบที่สิ้นสุดในตนเองด้วยซ้ำไป เรื่องราวดำเนินไปแบบนี้ เอนริเก้นั่งลงที่หัวโต๊ะในที่สุด เขายิ้มให้พวกเรากล่าวว่าความพยายามของเขาที่นำจามอนชิ้นนี้มาให้ฉันลุล่วงแล้ว เขาดีใจที่ทุกคนชอบมัน คำพูดที่ไม่ต่างจากบุรุษไปรษณีย์ที่แบกของขวัญมีค่ามาให้ผู้เฝ้ารอ หรือนักบุญซานตาที่ฝ่าความหนาวเหน็บนำของขวัญมาให้เด็กผู้ยากไร้ได้เป็นผลสำเร็จ เขาเริ่มต้นเล่าถึงชีวิตของตนเอง การยุติอาชีพโทโกโรโก้อย่างทันด่วนเพียงเพราะว่าไม่อาจเชื่อถือในจามอนที่ทำโดยฝีมือของคนอื่นการหายตัวไปของพ่อฉันนำพาความทุกข์ใจมหาศาลมาสู่เขา เอนริเก้ย้ายกลับไปอยู่ที่หมู่บ้านริมทะเลแถบคาดิซ เขาใช้เวลาแต่ละวันไปกับการเดินเล่นตามชายหาด นั่งมองทะเล ออกเรือตกปลากับเพื่อนบ้านในบางครั้ง เงินเก็บที่มากพอทำให้ชีวิตของเขาดำเนินไปอย่างสงบ เขาไม่มีครอบครัว ไม่มีความกังวล แต่ทว่าสิ่งที่หายไปสำหรับเขาคือความฝัน เขาเล่าให้พวกเราฟังว่าความตั้งใจของเขาที่จะทำร้านอาหารที่เสิร์ฟแต่จามอนที่ดีที่สุดไม่อาจเป็นจริงได้อีกต่อไป เขาเข้านอนแต่หัวค่ำ กินยานอนหลับให้ทุกวันจบลง ชีวิตที่ไร้ความฝันนั้นแสนทรมาน เขากล่าวว่าวันแต่ละวันคือการขีดฆ่าวันเวลาที่เหลืออยู่ให้หมดไปก่อนจะถึงซึ่งความตาย”

“นั่นไม่ใช่ชีวิตที่ง่ายเลย หลังการพังทลาย เราแทบไม่รู้ว่าจะกลับมามีชีวิตเหมือนเดิมได้อย่างไร”

“คุณพูดราวกับคุณเคยผ่านชีวิตที่พังทลาย” หญิงสาวถาม

ชายหนุ่มสั่นศีรษะ “ผมเพียงแต่พยายามจินตนาการถึงมัน” เขาตอบหญิงสาวแรกรุ่นไปเช่นนั้น

และเขารู้สึกได้ว่าตนเองกำลังพูดในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง

 

“เอนริเก้ไม่คิดว่าเขาจะมีชีวิตยืนยาวอีกต่อไป แต่แล้วเช้าวันหนึ่งขณะที่เขาออกเดินไปตามชายหาด เขาก็แลเห็นชายผู้หนึ่งในระยะไกล ชายผู้นั้นแบกของบางอย่างไว้บนบ่า เดินมุ่งหน้าตรงมาหาเขา จนเมื่อในระยะที่สายตาของเขาทำงานได้ชัดเจน เขาก็พบว่าเป็นพ่อของฉันนั่นเอง พ่อของฉันแบกจามอนชิ้นหนึ่งเดินตรงมาหาเขา เอนริเก้ เขาทักทาย คุณต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง”

“นั่นคือคำพูดที่พ่อของคุณพูดกับเอนริเก้?”

“ใช่ นั่นคือคำพูดที่พ่อของฉันพูดกับเอนริเก้ คุณต้องเปิดร้านของคุณที่นี่ ผมจะนำจามอนมาส่งให้คุณด้วยตนเอง”