ฉัตรสุมาลย์ : ปัญญาประดิษฐ์

จริงๆ แล้วตัวเองก็ไม่เข้าใจว่า หมายความว่าอย่างไร อ๋อ เขาแปลมาจาก Artificial Intelligence ที่เขาเรียกย่อๆ ว่า AI

รัฐใช้ระบบนี้ในการคัดกรองผู้ที่ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลในช่วงวิกฤตโควิด-19 เขาต้องมีการกรอกแบบฟอร์มออนไลน์

ขั้นต้นนี้เลย ราษฎรที่ต้องการความช่วยเหลือ ต้องการการเยียวยาอย่างแท้จริง ก็ตกม้าตายไปหลายรายแล้ว

ที่เราเรียกว่าออนไลน์ มันคืออิหยัง มันต้องมีอะไรถึงจะออนไลน์ได้

เริ่มต้นมันต้องมีมือถือ

จนจริงๆ ไม่มีมือถือค่ะ

จะให้รัฐติดต่อที่บ้านเลขที่เท่าไร

ก็คัดคนออกไปอีกส่วนหนึ่งแล้ว

คือไม่มีบ้านเลขที่ บ้านที่อยู่ หรือเพิงที่อยู่นี้ อาศัยกำแพงของบริษัท แล้วเอาสังกะสีมาทำหลังคา พอคุ้มฝน คุ้มแดด

รัฐจะติดต่อได้อย่างไร คนที่จะรู้จัก คนที่จะทำการบ้านของตนตามหน้าที่คือผู้ใหญ่บ้านค่ะ

ระบบออนไลน์ของรัฐ หากผ่านกระบวนการดังกล่าวมาแล้ว ก็จะโอนเงินเข้าบัญชีให้เดือดร้อนอีก

เกิดมาไม่เคยมีเงินมากพอที่จะเปิดบัญชีธนาคาร แล้วรัฐจะโอนให้ได้อย่างไร

เรียกว่ามันทำตามกระบวนการที่รัฐต้องการไม่ได้เลย

 

ปัญญาประดิษฐ์ที่ว่านี้ ยังไม่สามารถช่วยเหลือคนไทยที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ระบบไม่เอื้อกับปัญหา

ระบบมันไฮเทคเกินค่ะ คิดมาจากสังคมเบื้องบนที่นึกว่า ทุกคนน่าจะมีสิ่งเหล่านี้ เรียกว่ารัฐ หรือกลไกของรัฐยังไม่รู้จักประชาชนของตัวเองจริงๆ

ผู้เขียนเองเพิ่งมาตระหนักถึงปัญหาที่ว่ามาข้างต้นนี้ ก็ตอนที่โควิด-19 มาเยือนโดยกะทันหัน

ได้เห็นน้ำตาของคนที่รู้จัก ที่เรานึกว่าเขาเป็นคนเข้มแข็งสู้ชีวิตมาตลอด ทำหน้าที่เหมือนแม่แมวที่ต้องอุ้มต้องคาบลูกแมวไปให้รอด คือทั้งน้องและแม่ที่เป็นอัลไซเมอร์นั่งรถเข็นแล้ว เงินที่อดออมสะสมมาได้ลงทุนเปิดร้านขายขนมจีนน้ำยาที่ลงทุนทำเองทุกอย่าง

พอเริ่มจะไปได้ ยังไม่ทันถอนทุนคืนได้เพียง 2 เดือน ก็เกิดภาวะปิดเมือง ปิดร้าน ปิดกิจการ แต่ทุกวันยังต้องเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ทั้งตัวเอง น้อง และแม่ที่แก่เฒ่าและช่วยตัวเองไม่ได้แล้ว

แม้กระนั้นเขาก็ไม่ผ่านเกณฑ์ที่จะได้รับการเยียวยาจากรัฐ 5,000 บาท

คืนวันที่ 14 เมษายน ที่ผู้เขียนเห็นท่านธัมมนันทาออกมาเอาจริงเอาจังกับการตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนชายขอบที่ปัญญาประดิษฐ์มองข้ามหัวไป

รายแรกที่โอนเงินไปสนับสนุนคือรายที่ว่านี้ และเมื่อทราบว่าเป็นปัญหาของผู้คนอีกเป็นจำนวนมาก ในวันเปิดตัวโครงการ ท่านธัมมนันทาว่า พระได้รับการดูแลจากชาวบ้านมาโดยตลอด บัดนี้ถึงคราวที่ชาวบ้านเดือดร้อนชนิดที่เลือดเข้าตาแล้ว พระอยู่เฉยไม่ได้แล้ว ต้องออกมาช่วยเหลือไปตามปัญญาและความสามารถของตน

วัดเป็นศูนย์กลางของการรับและส่งต่อเท่านั้น แต่ต้องเหนื่อยกับการบริหารจัดการให้เป็นระบบที่โปร่งใสตรวจสอบได้เสมอ

การโอนเงินสมัยนี้ พระก็ไม่ต้องจับเงิน เพียงแต่จับมือถือ แม้จะแก่เฒ่าแล้วก็อย่าจิ้มผิดจิ้มถูก เออ ระบบของธนาคารก็วิเศษ หากจิ้มผิด เครื่องก็จะบอกว่าผิด ให้แก้ไข

 

ตอนนี้เอง ยิ่งทำงานไป ยิ่งเห็นว่า ปัญญาประดิษฐที่ใช้คัดกรองผู้ที่สมควรที่จะได้รับการเยียวยานั้น ไม่ตอบโจทย์เสมอไป

หนูนาที่มารับจ้างอยู่ที่วัด คล่องแคล่วมาก ขอความช่วยเหลือ 5,000 บาทไป ก็ได้รับความช่วยเหลือทันที ทั้งๆ ที่มีงาน มีเงินรายได้ทุกวัน มีสามีทำงานหาเลี้ยง ไม่มีภาระอื่นๆ ที่จะต้องดูแล

พี่อ้นขับแท็กซี่ เพิ่งพบว่าเป็นมะเร็งที่โคนลิ้นเมื่อต้นเดือนมีนาคมนี้ เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้รับการเยียวยา แต่ติดต่อเข้ามาทางเฟซบุ๊ก เมื่อได้รับเงินเยียวยาจากโครงการ ที่เรียกล้อกับโครงการของรัฐว่า “โครงการเยียวยาใจจากภิกษุณี” ภายในคืนนั้น พี่อ้นนอนไม่หลับ ไม่คิดว่าจะมีคนให้ความสนใจคนตัวเล็กๆ อย่างเขา

คุณป้าที่มีอาชีพตัดปาล์มที่จังหวัดกระบี่ ไม่เคยมีบัตรประจำตัวประชาชนมาตั้งแต่เกิด ก็เกิดในเมืองไทยนี่แหละ แต่มันจนเสียไม่มีใครให้ความสำคัญกับการที่จะไปทำบัตรประจำตัวประชาชน พอเถ้าแก่เลิกจ้างตัดปาล์มตอนที่โควิด-19 เข้ามา คุณป้าก็ไม่ว่าอะไร เดินเข้าไปเก็บของในป่า บางทีเจอเห็ดที่เพิ่งขึ้นตุ่มๆ จะรอมาเก็บเมื่อเห็ดโตกว่านี้ แต่ก็กลัวว่าตัวเองจะจำที่ไม่ได้ ทำหมายไว้ เพื่อให้กลับมาเก็บเห็ดได้

เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากโครงการเยียวยาใจฯ คุณป้าเหวอไปเลย ให้ศีลให้พร และว่า เก็บเห็ดได้จะส่งมาถวายนะ

ส่งเงินเข้าบัญชีไม่ได้ ไม่มีบัญชีค่ะ ต้องโอนเงินเข้าบัญชีของอาสาสมัครที่ทำหน้าที่เป็นแมวมองคัดกรองสมาชิกให้กับโครงการ

เวลาอาสาสมัครนำเงินไปให้ ก็มีการถ่ายรูปกลับมาเป็นหลักฐาน

ทั้งหมดไม่ใช่ปัญญาประดิษฐ์

ทั้งหมดเป็นมนุษย์เยียวยามนุษย์ด้วยกันค่ะ

 

อีกสักรายนะคะ

รายนี้ ท่านธัมมนันทาออกไปเอง เป็นคนพิการขายล็อตเตอรี่ สมมุติว่าชื่อพี่น้อย ความอยากรู้อยากเห็น อาสาสมัครของเราถึงกับให้พี่น้อยขึ้นนั่งรถ เอาวีลแชร์ใส่ท้ายรถกลับไปที่บ้านเช่าของพี่น้อย เพื่อให้เห็นจริงๆ ว่าเขาอยู่เขากินอย่างไร

พี่น้อยไม่ได้พิการตั้งแต่เกิดค่ะ ประสบอุบัติเหตุในวัยหนุ่ม ต้องนอนโรงพยาบาลหลายเดือน จากนั้นพบว่าตนพิการตลอดชีวิต แขนและขาข้างขวาใช้การไม่ได้ ตอนนี้เองที่ภรรยาทิ้งบัตรประจำตัวประชาชนก็หายตอนที่เกิดอุบัติเหตุนี้

พี่น้อยขายล็อตเตอรี่เลี้ยงชีพให้อยู่ไปเพียงวันต่อวัน เช่าบ้านเดือนละ 1,200 บาท น้ำ-ไฟอีกประมาณ 200 บาท ตอนนี้ล็อตเตอรี่เลื่อนออกไป ขายแทบจะไม่ได้เลย ใบที่ขาย 100 บาท นายทุนจะมาหักไปแต่ละวัน ใบละ 80 บาท พี่น้อยจะได้เพียง 20 บาท ช่วงนี้ขายไม่ค่อยได้ จึงต้องค้างค่าเช่าบ้าน แต่ก็ขยันส่ง แม้วันละ 20-40 บาทก็มีเงินไปส่งค่าเช่าบ้าน

พี่น้อยกินข้าววันละ 2 มื้อ มีเงินกินแค่นั้น น้ำขวดละ 5 บาท แล้วก็เข็นรถเข็นที่เป็นวีลแชร์ระยะทางประมาณ 1 ก.ม. เพื่อจะไปอยู่ในจุดชุมชนที่พอจะมีคนซื้อล็อตเตอรี่

หลังจากที่แมวมองไปเก็บข้อมูลเบื้องต้นแล้ว ก็นัดพบพี่น้อยที่ใต้ร่มไม้ใหญ่ เวลา 11 โมง เมื่อแมวมองของเราไปตามนัด พี่น้อยอุทานว่า “มีคนอย่างนี้ด้วยหรือ” คือไม่เชื่อว่าจะมีคนที่ซื่อสัตย์รักษาคำพูด

เงินกองทุนที่จะให้พี่น้อย ก็ต้องทำอย่างเดียว คือต้องไปส่งให้ถึงมือ แต่เรารู้แล้วว่าบ้านอยู่ที่ไหน และปกติจะขายล็อตเตอรี่อยู่ที่ไหน เวลาประมาณเท่าไร

เมื่อนัดหมายกันอีกที ท่านธัมมนันทาสนใจออกไปเอง

พี่น้อยก็รอบคอบมาก ไม่รออยู่ที่บ้าน แต่กลับออกมาดักที่หน้าปากซอย เพื่อมิให้เป็นการเอิกเกริก และที่สุดจะเป็นที่มาของอันตรายที่ไม่อาจคาดเดาได้

ท่านธัมมนันทาให้ลูกหลานที่ตามไปด้วย ช่วยกันอุดหนุนล็อตเตอรี่ของพี่น้อย เพื่อให้พี่น้อยมีรายได้ และแอบให้เงินจากกองทุน โดยกำชับว่า ให้ดูแลรักษาตัวให้ดี เอาเงินไปจ่ายค่าเช่าบ้านก่อน เพื่อให้สบายใจ

 

ที่เล่าให้ท่านผู้อ่านฟังนี้ บอกได้เลยว่า ได้เห็นด้วยตา รู้ด้วยใจว่า ปัญญาประดิษฐ์ไม่สามารถเข้าถึงคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ด้อยโอกาสจริงๆ

สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือ ชีวิต

เมื่อผ่านเหตุการณ์โควิด-19 ไปแล้ว เราจะจัดการชีวิตของเราอย่างไร ให้สมกับชีวิตเป็นสิ่งที่มีความหมายมีความสำคัญที่สุด

เราต้องกลับมาคุยกันอีกนะ