บอกโลกให้รู้ว่าข้าคือ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น

กลายเป็นที่ฮือฮาไปทั่ววงการกีฬาโลกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจาก “ไอ้แหลม” “ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” บุกไปกระชากเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวตของสภามวยโลก (ดับเบิลยูบีซี) มาจาก “โรมัน กอนซาเลซ” แชมป์โลกชาวนิคารากัวได้อย่างเหลือเชื่อ

เพราะในยุคปัจจุบัน เมื่อวัดจากตัวเลขและสถิติแล้ว “กอนซาเลซ” ได้ชื่อว่าเป็นนักมวยที่เก่งที่สุดเมื่อเทียบแบบปอนด์ต่อปอนด์ ด้วยสถิติไร้พ่ายในการชก 46 ไฟต์ก่อนหน้านี้ แถมยังเป็นการเอาชนะน็อกได้ถึง 38 ไฟต์

หากชกชนะได้อีก 3 ครั้ง ก็จะทาบสถิติไร้พ่ายสูงสุดตลอดกาลที่ “ฟลอยด์ เมย์เวตเธอร์ จูเนียร์” กับ “ร็อกกี้ มาร์เชียโน่” สองตำนานของวงการครองร่วมกัน

นักชกไทยวัย 30 ปีจาก อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ข้ามน้ำข้ามทะเลไปปราบกอนซาเลซด้วยการชนะคะแนนหลังชกครบ 12 ยก แถมยกแรกยังเรียกนับจากกอนซาเลซได้อย่างน่าทึ่ง กลายเป็นการหักปากกาเซียนครั้งสำคัญ

และทำให้แฟนกีฬาหลายคนต้องถามถึงความเป็นมาของนักชกจากเมืองไทยรายนี้ขึ้นมาทันที

ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2529 ชื่อจริงคือ “วิศักดิ์ศิลป์ วังเอก” ส่วนชื่อเล่น เพื่อนๆ เรียกกันว่า “ตั้ม” หรือ “แหลม” เป็นลูกชายคนโตในจำนวนลูกชายทั้งหมด 3 คน ของ “นายเจียมศักดิ์” และ “นางหนูรัตน์ วังเอก” ซึ่งลูกๆ ทุกคนก็ล้วนแต่เป็นนักมวยทั้งหมด ศรีสะเกษจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 (ม.6) จากการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.)

เนื่องจากชีวิตวัยเด็กมีฐานะยากจน จึงกลายเป็นคนสู้ชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก โดยตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ ตอนอายุ 13 เพื่อหางานทำทั้งที่ไม่มีเงินติดตัว และผ่านการประกอบอาชีพมาหลายอย่าง ทั้งเก็บขยะขาย ทั้งเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย บางวันถ้าไม่มีเงินซื้ออาหารก็ต้องคุ้ยหาอาหารในกองขยะเพื่อประทังชีวิตก็มี

ชีวิตส่วนตัว ศรีสะเกษมีภรรยา คือ “เก๋” “พัชรีวรรณ กัณหา” เส้นทางในวงการมวยนั้น เนื่องด้วยทั้งปู่ พ่อ และอา ล้วนแต่เป็นนักมวยไทย เจ้าแหลมกับน้องชายอีก 2 คนจึงเดินตามรอยด้วยการหัดชกมวยไทยเช่นกัน โดยเริ่มขึ้นชกตอนอายุ 13 ใช้ชื่อในวงการว่า “วรวุฒิ ว.ป.ศรีสะเกษ” และ “วรวุฒิ ศิษย์ทรายทอง”

ก่อนจะเบนเข็มเข้าสู่วงการมวยอาชีพในปี พ.ศ.2552 โดยเดินทางไปชกที่ประเทศญี่ปุ่น แต่ก็แพ้น็อกนักมวยเจ้าถิ่นตั้งแต่ยกที่ 3

ต่อมาจึงได้เข้าสังกัด “นครหลวงโปรโมชั่น” ของ “สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์” โดยได้รับการสนับสนุนจาก “ศรีสุข รุ่งวิสัย” สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดศรีสะเกษ และก้าวไปเป็นแชมป์รุ่นซูเปอร์ฟลายเวตของสภามวยโลกเอเชีย (เอบีซีโอ) ในปี พ.ศ.2554

และเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เขาก็เคยเป็นเจ้าของเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวตของสภามวยโลก เส้นเดียวกับที่เพิ่งกระชากมาจากกอนซาเลซ โดยครั้งนั้น เจ้าแหลมเอาชนะทีเคโอ “โยตะ ซาโตะ” แชมป์ชาวญี่ปุ่น ในการชกยกที่ 8 ที่จังหวัดศรีสะเกษ บ้านเกิด ก่อนจะเสียแชมป์ให้ “คาร์ลอส กวาดราส” นักชกชาวเม็กซิกันที่ประเทศเม็กซิโกในเดือนพฤษภาคมปี พ.ศ.2557

และกวาดราสก็ไปเสียแชมป์ให้กอนซาเลซในปี 2559 ในที่สุด

สําหรับการชกไฟต์ล่าสุดนั้น ศรีสะเกษเตรียมตัวไปดีมาก หลังจากช็อกผู้ชมและกอนซาเลซด้วยการส่งแชมป์โลกลงไปนับ 8 ตั้งแต่ยกแรก ก็ขยันออกหมัดและปักหลักสู้ได้อย่างดุเดือดทุกยก

แม้ว่ากอนซาเลซจะพยายามเร่งเครื่องในช่วงปลายๆ ยก แต่ถ้าประเมินแล้ว จาก 3 นาทีของการชกแต่ละยกนั้น ศรีสะเกษจะทำได้ดีกว่าใน 2 นาทีแรก และกอนซาเลซมาไล่เก็บแต้มช่วงนาทีสุดท้าย

ในสายตาของกรรมการจึงต้องให้นักชกไทยมีภาษีดีกว่า และเบียดชนะคะแนนไป 113-113, 114-112 และ 114-112

การจารึกประวัติศาสตร์ของ” “ไอ้แหลม” ทำให้หลายต่อหลายคนนึกไปถึง “สมาน ส.จาตุรงค์” แชมป์โลกคนที่ 21 ของไทยชาว จ.กำแพงเพชร เมื่อสมานได้มีโอกาสชิงแชมป์โลกอีกครั้ง เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ.2538 กับนักชกอันตรายอีกคนหนึ่งชาวเม็กซิกัน “ฮุมเบอร์โต้ กอนซาเลซ” ที่เวทีมวยอิงเกิลวู้ด แคลิฟอร์เนีย ซึ่งก่อนไป ทุกคนต่างคาดไว้ว่า สมานต้องแพ้แน่ๆ จะแพ้น็อกหรือแพ้คะแนนเท่านั้น เพราะกอนซาเลซถือเป็นนักมวยระดับโลก ที่หวังว่าสมานจะชนะ มีแค่เพียงกลุ่มผู้สนับสนุน คือ “สหสมภพ ศรีสมวงศ์” กับ “สุชาติ ธีรวุฒิชูวงศ์” เท่านั้น

แต่ผลการชกกลับพลิกล็อกถล่มทลาย เมื่อสมานเป็นฝ่ายชนะกอนซาเลซไปได้ และเป็นการชนะน็อกอย่างเด็ดขาดด้วย ในยกที่ 7 ชนิดที่ตัวเองก็เจียนไปเจียนอยู่เหมือนกัน

หลังจบไฟต์นี้ กอนซาเลซประกาศขอล้างตาศรีสะเกษทันทีด้วยความหวังทวงเข็มขัดคืน ขณะที่เจ้าแหลมซึ่งเก็บชัยชนะเป็นครั้งที่ 42 จากการชก 47 ไฟต์ (ชนะน็อก 38 แพ้ 4 เสมอ 1) ก็ให้สัมภาษณ์หลังการชกว่า ชัยชนะครั้งนี้สร้างความมั่นใจให้ตัวเองได้มากจนรู้สึกว่าพร้อมชนกับคู่แข่งทุกคน และไม่ว่าจะเจอกับใครก็เชื่อมั่นว่าสู้ได้ ซึ่งรวมถึงการเปิดโอกาสให้กอนซาเลซล้างตาเช่นกัน

ตอนนี้ ศรีสะเกษถือเป็นแชมป์โลกของไทยที่โด่งดังที่สุด ถูกพูดถึงมากที่สุด ทันทีที่เดินทางกลับถึงเมืองไทย” “ไอ้แหลม” พร้อมทีมงานต่างมีคิวออกเดินสายเป็นว่าเล่น แทบไม่ได้พักผ่อน ขณะที่ผู้เป็นพ่ออย่าง “นายเจียมศักดิ์ วังเอก” ออกมาร้องขอให้ทางรัฐบาลไทยช่วยเหลือ “ไอ้แหลม” ด้วยการบรรจุเข้ารับราชการตำรวจโดยหวังว่าจะเป็นอาชีพไว้เลี้ยงตัวเองหลังเลิกชกของลูกชายไม่ต้องเหมือนกับนักมวยคนอื่นๆ ที่ต้องกลายเป็น” “หมาล่าเนื้อ” ในยามแก่ตัว

ศรีสะเกษพร้อมด้วยทีมงานโปรโมเตอร์ยังมีโอกาสเข้าพบ “บิ๊กตู่” “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อนำเข็มขัดแชมป์โลกแบบจำลอง ใส่กรอบ และนวม มอบให้กับนายกรัฐมนตรี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาอีกด้วย

“พล.อ.ประยุทธ์” บอกว่า ยินดีที่สามารถคว้าแชมป์มาได้ กีฬามวยจัดว่าเป็นกีฬาหนึ่งที่ต้องใช้สมองในการเล่น และศรีสะเกษสามารถทำได้ดี ไปคว้าแชมป์แบบชกครบ 12 ยก ชนะคะแนนแบบบริสุทธิ์ ช่วยสร้างความสุขให้กับคนไทยทั้งประเทศ อยากให้รักษาความดีนี้ไว้ การเป็นแชมป์ว่ายากแล้ว การรักษาแชมป์นั้นยิ่งยากกว่า ส่วนเรื่องที่ขอให้ติดยศตำรวจให้นั้นก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าหากว่ามีเวลานั้นก็อยากให้ไปเรียนให้จบระดับปริญญาตรี เพื่อที่จะได้เลื่อนชั้นขึ้นเป็นสัญญาบัตร ติดยศร้อยตำรวจตรีต่อไป เนื่องจากการชกมวย ไม่สามารถชกไปได้ตลอดชีวิต

อยากให้มีวิชาอื่นไว้ติดตัวบ้าง

ขณะที่ “เสี่ยฮุย” “สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์” โปรโมเตอร์ค่ายนครหลวงโปรโมชั่น บอกว่า ไฟต์ต่อไปของศรีสะเกษจะเป็นการเจอกับ คาร์ลอส กวาดราส กำปั้นชาวจังโก้ซึ่งจะเป็นการชกที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งครั้งนี้น่าจะดีกว่าครั้งก่อน และไม่น่าแพ้อย่างแน่นอน

น่าจับตามองเส้นทางการป้องกันเข็มขัดแชมป์โลกของ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น ในวัย 30 ปีว่าจะรักษาเข็มขัดแชมป์โลกเส้นนี้อยู่กับประเทศไทยได้นานแค่ไหน

ไฟต์ต่อไปแก้มือกับคู่ปรับเก่า คาร์ลอส คูเอดาส เป็นด่านทดสอบแรกที่จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด…