ใส่บ่าแบกหาม / พรพิมล ลิ่มเจริญ / Love Wedding Repeat

ใส่บ่าแบกหาม/พรพิมล ลิ่มเจริญ

Love Wedding Repeat

 

เธอจ๊ะ

Love Wedding Repeat เป็นหนังแนวโรแมนติกคอเมดี้

เป็นเรื่องเก่าเอามาสร้างใหม่ เรื่องเดิมเป็นหนังฝรั่งเศส ชื่อ Plan de Table แปลว่า seating plan หรือแผนผังที่นั่ง

เรื่องเกี่ยวกับงานแต่งงานไง แต่ละโต๊ะต้องมีผังที่นั่ง

ชื่อหนังเวอร์ชั่นฝรั่งเศสสื่อสารมากกว่าชื่อภาษาอังกฤษ จะว่าไป

หนังเขาก็ว่าได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่อง Edge of Tomorrow ที่ตอนแรกเขาตั้งใจจะใช้ชื่อ Live Die Repeat ที่มีพี่ Doug Liman เป็นผู้กำกับการแสดง และพี่ Tom Cruise กับ Emily Blunt แสดงนำ ที่พี่ทอมแสดงเป็นทหาร แล้วโดนมนุษย์ต่างดาวที่มาถล่มโลกทำร้าย แล้วก็เลยกลายเป็นคนที่พอตายไปทีไรก็จะต้องได้ตื่นขึ้นมาใหม่ เจอเหตุการณ์เดิมซ้ำๆ วนๆ อยู่ร่ำไป แต่ดีตรงพระเอกของเราจะเรียนรู้มากขึ้นเรื่อยๆ ดักทางถูกขึ้นๆ

เรื่องนี้ไม่ได้ซ้ำแบบนั้น “repeat” ที่ว่า ไม่ได้อยู่ที่ theme ของเรื่อง แต่อยู่ที่การนำเสนอ เขาแค่ใช้มุขมีตอนจบหลายๆ แบบ ให้ผู้ชมชมซ้ำๆ เฉพาะช่วงจบ

กับหนังอีกเรื่องที่เขาได้แรงบันดาลใจคือ Four Weddings and a Funeral ถ้าเอ่ยถึงหนังรักที่มีเนื้อหาแต่งงานก็ต้องมีเรื่องนี้ติดหนึ่งในสิบอันดับแรกแหละ

เอาจริงๆ หนังรักมันก็มีสูตรของมัน พระเอกนางเอกต้องหล่อสวย ถ้าไม่หล่อมากไม่สวยมาก ผู้สร้างก็ต้องหาทางกำกับการแสดงให้เขาแสดงเสน่ห์ออกมาให้ได้

 

เรื่องนี้มีพี่ Sam Claflin นักแสดงชาวอังกฤษ แกก็หล่อของแกแหละ แต่แกเคยหล่อกว่านี้มาก เรื่องที่แกแสดง ช่องเคเบิ้ลก็ชอบเอามาฉายรีรัน คอยซ้ำย้ำเตือนให้เราเห็นแกสมัยหล่อๆ แบบเรื่อง Love, Rosie กับ The Hungry Games ตั้งสามภาคที่มีตั้ง 4 เรื่อง

Olivia Munn เป็นนางเอก ฉันชอบน้องคนนี้ ตั้งแต่ได้ดูดราม่าซีรี่ส์เรื่อง Newsroom น้องเขาแสดงดีมีเอกลักษณ์ เรื่องนี้เสียตรงที่เป็นนางเอกแต่มีบทให้แสดงนิดเดียว จิ๋วเดียว จิ๊ดเดียว!

เรื่องก็มีอยู่ว่า พระเอกมีน้องสาว กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าบ่าวชาวอิตาเลียน พ่อ-แม่ตายหมดแล้วก็เลยต้องให้พี่ชายมาทำหน้าที่เดินส่งตัวเจ้าสาวในพิธีแทนพ่อ ทีนี้เรื่องยุ่งๆ ก็คือแฟนเก่าของเจ้าสาวมาและจะมาทำลายพิธี พี่ชายต้องคอยช่วยน้องป้องกัน

ด้วยความที่หนังต้องมีความตลก บทภาพยนตร์ก็แจกจ่ายมุขตลกไปที่นักแสดงประกอบต่างๆ

 

เขาให้เพื่อนเจ้าสาวคนหนึ่งดูเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง และไม่มีมารยาท พูดจาขวานผ่าซากตลอดเวลา

อย่างเช่น เจอเพื่อนของเพื่อนใส่สูทแนวแฟชั่นมา ก็วิจารณ์เขาซึ่งๆ หน้า

Have they booked a cabaret act?

งานนี้มีมาเต้นคาบาเร่ต์ด้วยเหรอ?

ให้เขาได้อาย

พอเจอเพื่อนมากับแฟน ก็ทักเขาเรื่องแฟนเก่าต่อหน้าคนปัจจุบัน

I’m so glad you’ve moved on

from that last guy you were seeing.

ดีใจด้วยนะ

ที่เธอเลิกๆ กับคนเก่าเสียได้

ว่าแล้วก็เมาธ์แฟนคนเก่าของเพื่อนอีก ต่อหน้าแฟนคนปัจจุบันนั่นเลย มีการเอ่ยชื่อแฟนเก่าเสียด้วย ได้ความว่าเขาชื่อแชส เมาธ์ไปก็เสียหายหลายแสน แฟนปัจจุบันที่มาด้วยทำหน้าปูเลี่ยนๆ แล้วเลยแนะนำตัวขึ้นมากลายๆ เมื่อได้จังหวะว่า ผมชื่อแชส

ซึ่งเพื่อนปากเสียก็น่าจะฉุกใจคิดใช่ไหม แต่ไม่

Have you gone out

with two Chazes in a row?

นี่เธอเดตกับคนชื่อแชส

สองคนติดกันเลยเหรอ?

คือต้องขำใช่ไหมมุขแบบนี้?

 

ต่อไปเขาให้เพื่อนเจ้าสาวแชร์บ้านพักด้วยกันสมัยเรียนคนหนึ่งใส่คิลต์มางาน

kilt ที่เป็นกระโปรงแบบที่ผู้ชายเชื้อสายสก๊อตทิช จากสกอตแลนด์เขาใส่กันเวลามีงานประเพณี

เพื่อนที่รู้จักมักจี่ก็เมาธ์กันทั้งงานน่ะสิ จะเหลือเหรอ

For some reason, he is wearing a kilt

even though he isn’t remotely Scottish.

ด้วยเหตุผลบางประการ เขาใส่กระโปรงคิลต์มา

แม้จะไม่ได้สืบเชื้อสายสก๊อตทิชสักนิด

แล้วตัวละครนี้ก็จะยุกยิกตลอดเวลากับกระโปรงคิลต์ ไปจนถึงเอามือล้วงเข้าไปในกระโปรงต่อหน้าธารกำนัล แล้วบทพูดก็จะพูดเรื่องกระโปรงคิลต์สองแง่สามง่ามตลอดเวลา แบบว่าขำตรงไหน? เหมือนหนังไทยใช้มุขอุจจาระปัสสาวะตลอดเวลานั่นแล

ตัวละครอีกตัวเป็นผู้ชายที่เจ้าสาวมอบตำแหน่งเพื่อนเจ้าสาวให้ หรือฝาหรั่งเรียก maid of honor

แล้วตัวละครนี้จะใช้มุขแก้แทนว่าให้เรียก man of honor เพราะเป็นชาย

คือมันเป็นคำติดปากแหละ เพื่อนเตรียมงานของเจ้าสาว เขาก็เรียก maid of honor กันทั้งนั้น

แต่ภาษาอังกฤษก็พัฒนามาไกล อย่างถ้าเป็นอาชีพ เขาก็เปลี่ยนมาใช้คำที่ไม่ระบุเพศกันหลายคำแล้ว แบบ fireman เปลี่ยนเป็น firefighter, business man เปลี่ยนเป็น businessperson, policeman เปลี่ยนเป็น police officer

maid of honor เปลี่ยนเป็น man of honor บางทีก็เรียก honor attendant หรืออย่าง bridesmaid ถ้าเป็นชาย ก็เรียก bridesman หรือไม่ก็ bride’s attendant

แต่บางคำก็เปลี่ยนยากแบบ handyman, foreman, postman/mailman, salesman

เจ้าสาวมีความลับกับพี่ชาย ไม่ยอมบอก บอกแต่ว่าให้กำจัดแฟนเก่าออกไปจากงานให้ได้

He’s saying that he’s in love with me,

and he’s threatening to go full-on psycho

and ruin my wedding!

เขาบอกว่าเขายังรักฉันอยู่

เขาขู่จะโรคจิตเต็มขั้น

มาทำรายงานแต่งงานฉัน!

เจ้าสาวเริ่มสติแตก เลยสั่งให้พี่ชายแอบเอายานอนหลับไปใส่แก้วแชมเปญ

I’m not gonna roofie Marc Fisher!

ฉันไม่วางยามาร์ก ฟิชเชอร์!

roofie เป็นคำสแลงมาจาก Rohypnol เป็นชื่อยานอนหลับ หรือยาสลบ ที่พวกโจรพวกคนชั่วคนเลวชอบแอบเอาไปใส่ในเครื่องดื่ม แล้วก็ปล้น ไปลอกคราบ ไปจนข่มขืนผู้เคราะห์ร้าย แรกๆ ก็เรียกว่า roofie ใช้เป็นคำนาม ตอนนี้ใช้เป็นคำกริยา เป็นยาสลบยี่ห้ออื่นๆ ก็ใช้คำกริยา roofie

I didn’t invite him,

he just came.

ฉันไม่ได้เชิญ

เขามาเอง

 

อันนี้ก็ไม่เข้าใจ ว่าหนังเขาไม่ระมัดระวังหรืออย่างไร คือเจ้าสาวไม่อยากให้แฟนเก่ามาแน่ๆ แต่ทำไมให้มีป้ายชื่อพิมพ์เตรียมไว้ มีที่นั่งจัดเตรียมให้นั่งเป็นอย่างดี ส่วนพี่ชายก็เอายานอนหลับไปใส่แก้ว แต่พอดีที่นั่งเกิดเหตุให้ต้องสลับกันโดยบังเอิญ คนที่หลับผิดคนเสียได้

นางเอกของเราแสดงนิดเดียว ในส่วนอันน้อยนิดที่มี บทที่ให้แสดงเยอะ ก็ไม่ใช่กับพระเอกเสียอีกด้วย ให้ผจญกับแขกในงานที่ต้องไปที่นั่งติดกัน ที่ไม่น่าคบหาเอาเสียเลย

อย่างเช่น พอรู้ว่านางเอกเป็นผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ประเภทไปลงพื้นที่ทำข่าวสงคราม นางเอกก็เล่าประสบการณ์ เช่นว่า เคยโดนพวกทาลิบันจับตัวเอาปืนจ่อหัว ผู้ชายคนนั้นก็ถามคำถามสวนเข้ามาในบทสนทนา What are you wearing? ใส่ชุดอะไร? เป็นต้น

นี่เพียงตัวอย่างที่ฉันไม่เข้าใจ ว่าขำตรงไหน? นี่ยังไม่นับโรแมนติกตรงไหนนะ เชิญเธอไปลองทัศนาเลย หนังแย่ๆ มันมีข้อดีตรงให้เราได้นำทักษะการวิพากษ์วิจารณ์ การใช้เหตุผลออกมาใช้อย่างมหาศาลพันลึก และไหนๆ เราก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายสถานการณ์

รวมอันนี้เข้าไปอีกอันเถิดจะเกิดผลมากๆ เลย

ฉันเอง