ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 27 มีนาคม - 2 เมษายน 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | กรองกระแส |
เผยแพร่ |
กรองกระแส
สถานการณ์ไวรัส
บนทาง 2 แพร่ง สังคมไทย
การเปลี่ยนแปลง
พัฒนาการในการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นที่จีน ไม่ว่าจะเป็นที่ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นที่ไต้หวัน ไม่ว่าจะเป็นที่สิงคโปร์ ไม่ว่าจะเป็นที่อิตาลี ไม่ว่าจะเป็นที่สหรัฐอเมริกา
สะท้อน “ภูมิปัญญา” สะท้อน “ระบบ” คิด “ระบอบ” การปกครอง
ถามว่าเหตุใดของจีนจึงออกมาอย่างรวดเร็ว ฉับไว สามารถสรุปผลได้จากเดือนมกราคมภายในเดือนมีนาคม
ตอบได้ว่า เพราะ “ประสิทธิภาพ”
ถามว่าเหตุใดของญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ สามารถลดจำนวนผู้ตาย ลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนจนเกือบคืนสู่ความเป็นปกติ
ตอบได้ว่า เพราะ “ประสิทธิภาพ”
จากสภาพความเป็นจริงของสถานการณ์ทั้งในระดับภูมิภาค ทั้งในระดับโลกมีคำถามเกิดขึ้นว่าไทยกำลังจะก้าวไปบนหนทางสายใด ระหว่างแบบไต้หวัน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ กับแบบอิตาลี แบบสเปน
แล้วอะไรจะเป็น “ความเปลี่ยนแปลง” ที่ตามมา
เศรษฐกิจ การเมือง
แม้กระทั่งวัฒนธรรม
ต้องยอมรับว่าการมาของไวรัสมิได้เป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพในเชิงปัจเจก หากแต่พลานุภาพของมันซัดกระหน่ำแม้กระทั่งต่อโครงสร้างของสังคม
ไม่ว่าจะในด้าน “เศรษฐกิจ”
เห็นได้จากการอัดเงินเข้าไปในตลาดเงิน ตลาดทุน จำนวนนับแสนล้านบาท เห็นได้จากภาวะตกแล้วตกอีกของตลาดหุ้น การพังทลายของธุรกิจการท่องเที่ยว การบิน
ไม่ว่าจะในด้าน “การเมือง” การปกครอง
พลันที่ไวรัสเข้ามามันก็ตรวจสอบให้เห็นว่า อำนาจรัฐอันอยู่ในฐานะเป็นฝ่ายปกครองมีความเข้มแข็ง มั่นคงมากเพียงใด
มันสั่นคลอนเข้าไปถึงระบอบทั้งระบอบ ลงลึกไปทำลายล้างแม้กระทั่งระบบ
ยิ่งในพรมแดนทางด้านวัฒนธรรม ความคิด แม้กระทั่งตรุษจีนอันฝังลึกมาเป็นพันๆ ปี แม้กระทั่งตรุษไทยที่มาพร้อมกับนางสงกรานต์ก็สั่นสะเทือน
สะทกระเนน เอนราบกันไปทุกโครงสร้าง
ไวรัส จัดระเบียบ
สังคม ความคิด
มาตรการปิดเมือง ไม่เพียงแต่ทำให้คนต้องย้อนกลับไปกักตัวเองอยู่ภายในบ้าน หากแต่ยังทำให้กระบวนการทำงานทั้งหมดต้องเปลี่ยนไป
ที่เคยพูดกันว่าทำงานอยู่กับ “บ้าน” ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ก็เริ่มเป็นจริง
แม้กระทั่งการเคลื่อนไหวซึ่งเคยใช้รูปการชุมนุม ประชุมปรึกษาหารือ ก็จะแปรเป็นการชุมนุมทางด้านออนไลน์ การเรียกร้องผ่านโซเชียลมีเดีย
บทบาทของเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ไลน์ จะมีความสำคัญ
ในห้วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการใดล้วนมีผลสะเทือนทั้งสิ้น ทาง 1 สะท้อนประสิทธิภาพ ทาง 1 จากประสิทธิภาพหรือไม่มีประสิทธิภาพนั่นเอง ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบนทาง 2 แพร่ง
จะไปสู่อนาคตใหม่ที่รุ่งเรือง หรือว่าจะย้อนกลับไปสู่ความมืดมน อับจนและสิ้นหวังทางเศรษฐกิจ การเมืองและวัฒนธรรม
เส้นแบ่งเหล่านี้มี “ไวรัส” เป็นผู้กำหนด มี “คน” เป็นผู้เลือก
สังคม ประเทศไทย
บนทาง 2 แพร่งใหญ่
ไม่ว่าจะมีการประกาศภาวะฉุกเฉินหรือไม่ ไม่ว่าผลของการประกาศภาวะฉุกเฉินจะนำพาสังคมประเทศไทยไปอย่างไร
ต้องยอมรับว่า มีทางเลือกน้อยมาก
เพราะว่าการกระแทกเข้ามาของ “ไวรัส” ทำให้สังคมอยู่ในภาวะจำยอม ขณะเดียวกัน การดำรงอยู่ของรัฐบาลอันเป็นผลผลิตของรัฐประหารก็ทำให้สังคมอยู่ในภาวะจำยอม
เป็นภาวะจำยอมไม่ว่าจะเต็มใจ หรือไม่ว่าจะไม่เต็มใจ
กระนั้น ความรับรู้ร่วมกันที่ดำรงอยู่หนาแน่นและเด่นชัดมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับก็คือ จากสถานการณ์ “ไวรัส” นี้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงตามมาอย่างแน่นอน
เพียงแต่จะเปลี่ยนแปลงในทางดี หรือจะเปลี่ยนแปลงในทางเลวร้ายหรือไม่เท่านั้น