กรองกระแส / สถานการณ์ไวรัส บนทาง 2 แพร่ง สังคมไทย การเปลี่ยนแปลง

กรองกระแส

 

สถานการณ์ไวรัส

บนทาง 2 แพร่ง สังคมไทย

การเปลี่ยนแปลง

 

พัฒนาการในการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นที่จีน ไม่ว่าจะเป็นที่ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นที่ไต้หวัน ไม่ว่าจะเป็นที่สิงคโปร์ ไม่ว่าจะเป็นที่อิตาลี ไม่ว่าจะเป็นที่สหรัฐอเมริกา

สะท้อน “ภูมิปัญญา” สะท้อน “ระบบ” คิด “ระบอบ” การปกครอง

ถามว่าเหตุใดของจีนจึงออกมาอย่างรวดเร็ว ฉับไว สามารถสรุปผลได้จากเดือนมกราคมภายในเดือนมีนาคม

ตอบได้ว่า เพราะ “ประสิทธิภาพ”

ถามว่าเหตุใดของญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ สามารถลดจำนวนผู้ตาย ลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนจนเกือบคืนสู่ความเป็นปกติ

ตอบได้ว่า เพราะ “ประสิทธิภาพ”

จากสภาพความเป็นจริงของสถานการณ์ทั้งในระดับภูมิภาค ทั้งในระดับโลกมีคำถามเกิดขึ้นว่าไทยกำลังจะก้าวไปบนหนทางสายใด ระหว่างแบบไต้หวัน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ กับแบบอิตาลี แบบสเปน

แล้วอะไรจะเป็น “ความเปลี่ยนแปลง” ที่ตามมา

 

เศรษฐกิจ การเมือง

แม้กระทั่งวัฒนธรรม

 

ต้องยอมรับว่าการมาของไวรัสมิได้เป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพในเชิงปัจเจก หากแต่พลานุภาพของมันซัดกระหน่ำแม้กระทั่งต่อโครงสร้างของสังคม

ไม่ว่าจะในด้าน “เศรษฐกิจ”

เห็นได้จากการอัดเงินเข้าไปในตลาดเงิน ตลาดทุน จำนวนนับแสนล้านบาท เห็นได้จากภาวะตกแล้วตกอีกของตลาดหุ้น การพังทลายของธุรกิจการท่องเที่ยว การบิน

ไม่ว่าจะในด้าน “การเมือง” การปกครอง

พลันที่ไวรัสเข้ามามันก็ตรวจสอบให้เห็นว่า อำนาจรัฐอันอยู่ในฐานะเป็นฝ่ายปกครองมีความเข้มแข็ง มั่นคงมากเพียงใด

มันสั่นคลอนเข้าไปถึงระบอบทั้งระบอบ ลงลึกไปทำลายล้างแม้กระทั่งระบบ

ยิ่งในพรมแดนทางด้านวัฒนธรรม ความคิด แม้กระทั่งตรุษจีนอันฝังลึกมาเป็นพันๆ ปี แม้กระทั่งตรุษไทยที่มาพร้อมกับนางสงกรานต์ก็สั่นสะเทือน

สะทกระเนน เอนราบกันไปทุกโครงสร้าง

 

ไวรัส จัดระเบียบ

สังคม ความคิด

 

มาตรการปิดเมือง ไม่เพียงแต่ทำให้คนต้องย้อนกลับไปกักตัวเองอยู่ภายในบ้าน หากแต่ยังทำให้กระบวนการทำงานทั้งหมดต้องเปลี่ยนไป

ที่เคยพูดกันว่าทำงานอยู่กับ “บ้าน” ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ก็เริ่มเป็นจริง

แม้กระทั่งการเคลื่อนไหวซึ่งเคยใช้รูปการชุมนุม ประชุมปรึกษาหารือ ก็จะแปรเป็นการชุมนุมทางด้านออนไลน์ การเรียกร้องผ่านโซเชียลมีเดีย

บทบาทของเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ไลน์ จะมีความสำคัญ

ในห้วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการใดล้วนมีผลสะเทือนทั้งสิ้น ทาง 1 สะท้อนประสิทธิภาพ ทาง 1 จากประสิทธิภาพหรือไม่มีประสิทธิภาพนั่นเอง ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบนทาง 2 แพร่ง

จะไปสู่อนาคตใหม่ที่รุ่งเรือง หรือว่าจะย้อนกลับไปสู่ความมืดมน อับจนและสิ้นหวังทางเศรษฐกิจ การเมืองและวัฒนธรรม

เส้นแบ่งเหล่านี้มี “ไวรัส” เป็นผู้กำหนด มี “คน” เป็นผู้เลือก

 

สังคม ประเทศไทย

บนทาง 2 แพร่งใหญ่

 

ไม่ว่าจะมีการประกาศภาวะฉุกเฉินหรือไม่ ไม่ว่าผลของการประกาศภาวะฉุกเฉินจะนำพาสังคมประเทศไทยไปอย่างไร

ต้องยอมรับว่า มีทางเลือกน้อยมาก

เพราะว่าการกระแทกเข้ามาของ “ไวรัส” ทำให้สังคมอยู่ในภาวะจำยอม ขณะเดียวกัน การดำรงอยู่ของรัฐบาลอันเป็นผลผลิตของรัฐประหารก็ทำให้สังคมอยู่ในภาวะจำยอม

เป็นภาวะจำยอมไม่ว่าจะเต็มใจ หรือไม่ว่าจะไม่เต็มใจ

กระนั้น ความรับรู้ร่วมกันที่ดำรงอยู่หนาแน่นและเด่นชัดมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับก็คือ จากสถานการณ์ “ไวรัส” นี้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงตามมาอย่างแน่นอน

        เพียงแต่จะเปลี่ยนแปลงในทางดี หรือจะเปลี่ยนแปลงในทางเลวร้ายหรือไม่เท่านั้น