หนุ่มเมืองจันท์ : หน้ากาก ความสนุกของรายการคือ “ความลับ”

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในวงการโทรทัศน์

เมื่อรายการเกมโชว์มีเรตติ้งสูงกว่าละครหลังข่าว

“The Mask Singer” มาถึงจุดนี้เรียบร้อยแล้ว

ล่าสุดเรตติ้งทั่วประเทศ 10.151

เรตติ้งเฉพาะใน กทม. 15.332

The Mask Singer เป็นรายการที่ซื้อลิขสิทธิ์จากเกาหลี

แต่ด้วยความเป็น “เวิร์คพอยท์”

เขาจัดเต็มเรื่อง “โปรดักชั่น”

ยิ่งใหญ่อลังการดาวล้านดวงสุดๆ

ทั้งฉากในห้องส่ง วีทีอาร์เปิดตัวหน้ากาก และการดีไซน์หน้ากากที่เก็บละเอียดทุกเม็ดทั้งตัวหน้ากากและชุด

บางหน้ากากใช้เวลาทำเกือบปี

“กร” ชลากรณ์ ปัญญาโฉม ผู้อำนวยการเวิร์คพอยท์ ทีวี บอกว่าหลังจากซื้อลิขสิทธิ์รายการนี้แล้ว เขาก็ไม่ได้เข้าไปดูตอนถ่ายทำเลย

จนถ่ายทำเสร็จ ตัดทีเซอร์มาให้ดู

พอดูจบ “กร” โทร.ไปหาทีมงานเลย

“ทำขนาดนี้เชียวเหรอ”

มันยิ่งใหญ่กว่าที่เขาคิดมาก

นอกจากนั้น “เวิร์คพอยท์” ยังใช้ประสบการณ์ที่คุ้นเคยว่าคนไทยชอบรสชาติแบบไหน

เติม “อารมณ์ขัน” เข้าไปในช่วงที่กรรมการซักถาม “หน้ากากนักร้อง” จนกลายเป็น “จุดขาย” หนึ่งของรายการ

“แก้ว” ชยันต์ จันทวงศาทร บอสใหญ่ด้านการผลิตรายการ บอกว่ารายการนี้ต้องทำให้คนดูเซอร์ไพรส์ทุกเทป

ให้สงสัยทุกครั้งว่า “ใครวะ”

และเมื่อถอดหน้ากาก คนดูต้องสบถออกมา

“ไอ้เชี่ย”

ทำได้แบบนี้ สำเร็จ

“ความลับ” จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

“พี่จิก” ประภาส ชลศรานนท์ เล่าว่า “เวิร์คพอยท์” ใช้วิธีเดียวกับ “เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์” นักมายากลชื่อดัง

คือ เซ็นสัญญากับนักแสดงว่าห้ามแพร่งพรายความลับของการแสดง

หากสืบรู้ว่าใครเปิดเผย “ความลับ” ของมายากล

จะต้องจ่ายค่าปรับเป็นจำนวนเงินสูงมาก

รายการนี้ทั้ง “หน้ากาก” – ทีมงาน และคนดู จะต้องเซ็นสัญญาทุกคน

ใครทำ “ความลับ” ว่า “หน้ากาก” นี้เป็นใครหลุดออกไป

จะต้องจ่ายเงินค่าปรับ

…เป็นหลักแสนบาท

นอกจากนั้น ทีมงานยังดูแล “หน้ากากนักร้อง” เป็นอย่างดี

เวลามาอัดรายการก็ต้องเปลี่ยนรถ หรือทีมงานส่งรถไปรับ

มาถึงสตูดิโอก็ต้องเอาผ้าคลุมจนถึงห้องแต่งตัว

มีคนรู้ว่า “หน้ากาก” นั้นเป็นใครไม่กี่คน

ช่างแต่งหน้า-คอสตูม และทีมโปรดิวเซอร์

“หน้ากาก” ต้องอยู่ในห้องแต่งตัวจนถึงเวลาอัดรายการ

ห้ามออกไปไหน

เล่นใหญ่ขนาดนี้

ผมถาม “พี่จิก” ว่าพี่รู้หรือเปล่าว่าหน้ากากไหนเป็นใคร

“ไม่รู้ และไม่อยากรู้”

เพราะรู้แล้วจะดูไม่สนุก

เขายกตัวอย่างทีมงานคนหนึ่ง ที่ภรรยาซึ่งทำงานด้วยกันอยากรู้ว่าหน้ากากนี้เป็นใคร

ทีมงานคนนี้ทนคำรบเร้าไม่ไหวก็บอกไป

หลังจบรายการ ภรรยาหันมาบ่นว่าทีหลังอย่าบอกนะ

“รู้ก่อน ดูไม่สนุกเลย”

ครับ ความสนุกของรายการคือ “ความลับ”

และเรตติ้งของ The Mask Singer ที่กระฉูดในวันนี้ทั้งที่หลายคนบอกว่าคนดูทีวีน้อยลงก็เพราะเหตุผลเดียว

“ความลับ”

The Mask Singer มีสถานภาพเหมือนรายการถ่ายทอดสดกีฬา

ทั้งที่เป็นอัดรายการล่วงหน้า

ไม่ใช่รายการสด

“ความลับ” ของรายการถ่ายทอดสดกีฬา คือ ผลแพ้-ชนะ

ถ้ารู้ก่อนก็ดูไม่สนุก

ส่วน “ความลับ” ของ The Mask Singer คือ “หน้ากาก” นี้คือใคร

ถ้ารู้ก่อนก็ดูไม่สนุก

ละครดูย้อนหลังได้ เพราะส่วนใหญ่จะรู้เรื่องย่อก่อนแล้ว

เกมโชว์ทั่วไปดูย้อนหลังได้

แต่รายการกีฬาดูย้อนหลังจะไม่สนุกเพราะรู้ผลแล้ว

เช่นเดียวกับ The Mask Singer

เพราะทันทีที่รายการจบ กระแสเม้าธ์มอยจะเต็มโซเชียลมีเดีย

หนีการรับรู้ยากครับ

ผมนึกถึงตอนที่มีรายการถ่ายทอดสดฟุตบอลตอนดึกๆ ที่ถ่างตารอดูไม่ไหว

ตอนเช้า จะเปิดดูไฮไลต์ฟุตบอลคู่นั้น

กะลุ้นสนุกๆ

สมัยก่อนผมพยายามจะไม่ดูรายการข่าวเช้าทางโทรทัศน์

พอหนีได้

แต่สมัยนี้หลบยากมากเลยครับ

ทั้งเฟซบุ๊กและกรุ๊ปไลน์

ต้องมีใครหลุดพูดถึงผลการแข่งขันออกมา

พอรู้ผลก่อนก็ดูไฮไลต์ฟุตบอลไม่สนุก

The Mask Singer ก็เช่นกัน

แต่ที่น่าสนใจที่สุด ก็คือ ความสำเร็จทางธุรกิจ

เมื่อเรตติ้งสูงขนาดนี้โฆษณาในรายการจึงสามารถขายได้ราคาสูงเท่ากับละครหลังข่าวของช่อง 3 และ 7

นาทีละ 350,000 บาท

ตอนละ 10 นาที เท่ากับ 3.5 ล้านบาท

เดือนละ 4 ตอน

เท่ากับว่า The Mask Singer รายการเดียวทำรายได้ให้กับ “เวิร์คพอยท์” อย่างน้อยเดือนละ 14 ล้านบาท

ปีละ 168 ล้านบาท

ยังไม่นับรายได้จากช่องทางโซเชียลมีเดียอื่น

“เกมโชว์” ดีกว่า “ละคร” ตรงที่สามารถเก็บเกี่ยว “ความสำเร็จ” ได้ยาวนาน

“ละคร” นั้นถ้าเรื่องนี้เรตติ้งดี

ก็ไม่ได้การันตีว่าเรื่องใหม่จะเรตติ้งดีเท่ากับเรื่องที่จบไป

ต้องมาลุ้นใหม่เรื่องต่อเรื่อง

นั่นคือ เหตุผลที่ “ช่อง 3” เคยพยายามทำละครซีรี่ส์ อย่าง “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ”

ถ้าเรื่องแรกดัง เรื่องต่อไปก็เก็บกินความสำเร็จต่อได้

แต่ในมุมกลับ ถ้าเรื่องแรกแป้ก

เรื่องต่อไปก็ยากจะฟื้น

ไม่เหมือน “เกมโชว์”

“ชิงร้อยชิงล้าน” เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด

หรือรายการประกวดร้องเพลงตั้งแต่อะคาเดมี่ แฟนตาเซีย, เดอะ สตาร์, เดอะ วอยซ์ ฯลฯ

ทุกรายการสามารถเก็บเกี่ยว “ความสำเร็จ” ได้นานหลายปี

นี่คือ “ข้อดี” ของรายการเกมโชว์

เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีรายการใดสามารถทำเรตติ้งได้สูงกว่าละครหลังข่าวของช่อง 3 และ 7 ได้เลย

จนมาถึง The Mask Singer

เมื่อ “เกมโชว์” ได้เปรียบ “ละคร” ที่สามารถเก็บเกี่ยวความสำเร็จต่อเนื่องได้

และ The Mask Singer ไม่ต้องเสียเวลาเปิดรับสมัครผู้เข้าประกวดเหมือนรายการประกวดร้องเพลงอื่นๆ

เพราะนักร้องที่ใส่หน้ากาก “เวิร์คพอยท์” เป็นคนเลือกเอง

ดังนั้น หลังจบซีซั่นแรก รายการนี้จะเว้นวรรคแป๊บเดียว

แล้วเริ่ม The Mask Singer ซีซั่นสองต่อเลย

ด้วยเหตุผลที่น่าเห็นใจอย่างยิ่ง

…นาทีละสามแสนห้า

…นาทีละสามแสนห้า