หลังเลนส์ในดงลึก : “หลง”

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ

ผมเริ่มต้นเข้าป่าอย่างคนที่อยากทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง ด้วยความตั้งใจ และได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าคนที่ทำงานอยู่ในป่า ผมจึงมีโอกาสเข้าใกล้ “ความฝัน” ซึ่งตั้งใจ

ผ่านไปหลายปี ผมเริ่มรู้ว่า ป่าไม่เพียงเป็นที่ที่จะทำให้ฝันกลายเป็นจริง

แต่การทำงานในป่า เปรียบเสมือนผมได้อยู่ในโรงเรียน มีบทเรียนมากมาย

เป็น “บทเรียน” ซึ่งทำให้รู้จริงๆ ว่า ผมยังไม่รู้อะไรๆ เลย

 

วันนั้น…นานมาแล้ว

ผมเก็บสัมภาระ และเดินออกจากซุ้มบังไพรตั้งแต่ราวๆ 5 โมงเย็น

ทั้งๆ ที่ในโป่งยังมีแสงอ่อนๆ เป็นเวลาปกติที่สัตว์จะออกมากินน้ำ

แต่อาการครั่นเนื้อครั่นตัว คล้ายจะเป็นไข้ ซึ่งเริ่มตั้งแต่บ่าย คล้ายจะมากขึ้น

จากซุ้มบังไพรริมลำห้วยผมต้องไต่ขึ้นทางชันๆ ราว 20 นาที ผ่านดงไผ่ไปแล้วจึงจะถึงที่ราบ

ไม่ใช่ 20 นาทีที่ง่ายนักหรอก ขณะกำลังไม่สบายและมีเป้รวมทั้งขาตั้งกล้องหนักๆ อยู่บนบ่า

พ้นทางชัน เสียงฟ้าร้องครืนๆ สักพักละอองฝนเริ่มโปรย

ด่านเล็กๆ รกทึบ เป็นปกติในฤดูฝนเช่นนี้

เดินมาสักพัก ผมรู้ตัวว่าเดินผิดเส้นทาง ไม่คุ้นตา ไม่ใช่ทางที่เดินมาเมื่อเช้า ผมน่าจะเลี้ยวขวาตามด่าน ทั้งที่ต้องตรงไป

รอยช้างและกระทิงที่เดินล่วงหน้าทำให้ด่านค่อนข้างสับสน

เป็นแบบนี้แหละเรามักเดินไปตามทางที่ดูรกน้อยที่สุดเสมอ ทั้งๆ ที่ต้องไปตามทางที่รกนั่น

ด่านช้างเดินนั้นราบเรียบ น่าเดิน แต่บางครั้งมันก็ไม่ใช่จุดหมายที่เราจะไป

 

ในความเป็นจริง และถูกต้อง เมื่อรู้ตัวว่าผิดทาง การย้อนกลับเพื่อหาทางที่ถูกเป็นสิ่งที่ควรกระทำ

วันนั้น ผมคิดว่าฟ้ายังไม่มืดนัก แม้ว่าฝนจะโปรย รู้ว่าหน่วยพิทักษ์ป่าอยู่ทางทิศตะวันตก หากเดินมุ่งไปตามด่านช้างคงไม่มีปัญหา

แต่ทางในป่า ไม่ง่ายขนาดนั้น

เดินมาร่วมชั่วโมง ผมรู้ว่าคิดผิด นอกจากจะเริ่มรกทึบ ฝ่าเข้าดงไผ่แล้ว ทางยังขึ้นๆ ลงๆ จนต้องหยุดพักเป็นระยะ ความยุ่งยากเพิ่มขึ้น เมื่อฟ้ามืด ไฟฉายช่วยไม่ได้มาก แสงไฟทำให้ไม่เห็นสภาพรอบๆ

ผมหยุดนั่ง หลังพิงต้นไม้ ปิดไฟฉาย

ฝนหยุด ท้องฟ้าเริ่มใส แสงจันทร์ขึ้น 14 ค่ำ สาดส่อง เส้นทางชัดเจนขึ้น

เสียงสวบสาบดังทางโน้นทางนี้ เสียงวิ่งโครมๆ อย่างตกใจ เสียงหักไม้ เสียงพ่นลมหายใจแรงๆ พร้อมกับเสียง “อ้อก! อ้อก!” อันเป็นเสียงร้องของลูกช้าง

ข้างหน้าช้างฝูงเพลิดเพลินกับการกิน ผมอยู่ใต้ลม พวกมันจึงยังไม่ตื่นหนี

ผมรออยู่พักใหญ่ ช้างค่อยๆ เคลื่อนผ่านไป

อีกสิบนาทีจะสองทุ่ม ผมเริ่มกังวล เพื่อนๆ ในหน่วยพิทักษ์ป่าคงเป็นห่วง

ถึงตอนนี้ การกลับไปเริ่มต้นย่อมไม่ใช่สิ่งควรทำ เพราะขณะเดินมาผมวกไปทางโน้นทางนี้หาช่องพอเดินได้ บางช่วงต้องมุดลอดความทึบของดงไผ่

สิ่งที่ควรทำคือมุ่งไปทางทิศตะวันตกเท่านั้น

เป้ดูหนักขึ้น พ้นดงไผ่ เข้าป่าเต็งรัง เดินง่ายขึ้น แต่ก็ขึ้นๆ ลงๆ หุบ

ผมนั่งพักอีกครั้ง วางเป้ เอนหลังพิง

ว่าไปแล้วนี่คล้ายเป็นช่วงเวลาที่ดี รายล้อมด้วยป่าใหญ่ ในความมืดมีแสงจันทร์ส่องทาง

รู้ว่าจุดหมายอยู่ไหน แต่กำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่ไม่รู้จัก

เส้นทางเช่นนี้ คงต้องใช้เวลาและพลังมากกว่าเดิม

 

ตอนกลางวัน ผมได้รูปที่ดี นอกจากช้างฝูงหนึ่งลงมาเล่นน้ำบริเวณโค้งลำห้วยห่างไปราว 100 เมตรแล้ว ช่วงบ่ายเสือโคร่งตัวหนึ่งเดินผ่านมาและข้ามลำห้วยให้เห็น

แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาแห่งฝน แต่ฤดูนี้ตอนบ่ายๆ สภาพอากาศร้อนอบอ้าวมาก บ่ายๆ จึงเป็นเวลาที่สัตว์ป่าจะลงมาในลำห้วย

เสียงชัตเตอร์คงทำให้เสือได้ยิน มันหันมามอง แยกเขี้ยว จ้องเขม็ง ก่อนเดินจากไปช้าๆ

ผมเดินไปกลับระหว่างซุ้มบังไพรนี้กับหน่วยพิทักษ์ป่ามาหลายวันแล้ว

วันนี้ขณะเดินกลับ บนทางที่เดินมาหลายวัน

ผมพบว่าตัวเองกำลังหลงทาง

ดวงจันทร์ลอยสูงขึ้น

ป่าสว่างมากขึ้น

ผมลุกขึ้น นึกทบทวนหากตัดไปทางทิศใต้จะพบลำห้วย เมื่อถึงที่นั่นเดินล่องห้วยไป ก็จะถึงหน่วย ช่วงนี้น้ำค่อนข้างเยอะ และริมๆ ห้วยก็รกทึบ การเดินคงไม่ง่าย แต่ถ้าผมยังมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกตามความตั้งใจเดิม น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม

ผมจิบน้ำอีกอึก ออกเดิน กลุ่มเมฆดำลอยพ้น แสงจันทร์สว่างนวล

เกือบ 4 ทุ่ม ผมถึงหน่วย

“เป็นอย่างไรครับ กลับมาช้ามากเป็นห่วง นี่ถ้าพี่พงษ์กลับมาถึงจะออกไปตามพี่กัน”

แป๊ะ อยู่เฝ้าหน่วยคนเดียว คนอื่นๆ ออกไปซื้อเสบียง ยังไม่กลับ

เขาวิ่งมารับสัมภาระอย่างดีใจ

“ทำไมเพิ่งถึงล่ะ” แป๊ะถาม

“หลงน่ะสิ”

“หลง” เขาร้องเสียงสูงทำหน้างงๆ

 

ชุดออกไปซื้อเสบียงกลับมาถึง แป๊ะรายงานลูกพี่ว่าผมเพิ่งกลับเพราะเดินหลงด่าน

“หลงบนทางที่เดินทุกวันนี่นะ” สมพงษ์หัวเราะ

ความยุ่งยากผ่านพ้น เสียงหัวเราะเข้ามาแทนที่

“ไม่ห่วงกันเลยหรือไง” ผมมองหน้าเขา

“ไอ้ห่วงน่ะห่วง แต่ขำว่าหลงได้ไงกับทางที่เดินอยู่ทุกวัน”

“ก็เพราะชินน่ะสิ เลยหลง” ผมร่วมหัวเราะไปกับพวกเขา

กินข้าวเสร็จ ผมขยับออกจากวงข้าวซึ่งแปรสภาพเป็นวง 35 ดีกรี

หยิบสมุดบันทึกออกมาจากเป้

บนบรรทัดแรกของบันทึกประจำวัน ผมเขียนว่า

บทเรียนที่ควรจำ

 

วันนั้น…ผ่านมานานแล้ว

เป็นวันที่ผมจำได้เสมอ

“หลง” บนเส้นทางที่เดินอยู่ทุกๆ วัน

เป็นเรื่องที่หาทางกลับ หรือไปต่อเพื่อให้ถึงจุดหมาย

ไม่ง่ายดายนัก