เผยแพร่ |
---|
สถานการณ์ไวรัส โคโรนา อันมีจุดเริ่มในมหานครอู่ฮั่น ประเทศจีน กำลังแผ่พลานุภาพของมันออกไปเป็นลำดับ
ไม่ว่าจะสัมผัสได้ผ่านตัวเลขที่ญี่ปุ่น ตัวเลขสิงคโปร์
ไม่ว่าจะสร้างความสพรึ่งตัวโดยมีเรือสำราญเป็นพาหะลอยน้ำมหึมาจาก จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ฟิลิปปินส์และลอยเท้งเต้งในอ่าวไทย
แสนยานุภาพจากจีนอาจสร้างความตื่นตลึง
ตื่นตลึงกับการเนรมิตโรงพยาบาลสนามเจาะคนไข้ ๑.๐๐๐ คน ภายในเวลาเพียง ๑๐ วัน ในท่ามกลางการปิดเมืองไม่เพียงแต่มณฑลหูเป่ยเท่านั้นหากแต่แผ่ขยายไปอีก ๑๐ กว่ามณฑล
และที่ตามมาเป็นระลอกแล้วระลอกเล่าคือการปรับออกผู้ปฏิบัติงานพรรคกว่า ๔,๐๐๐ ราย
นี่คือการดิสรัพท์ นี่คือผลสะเทือนอันเนื่องแต่ไวรัส
ไม่ว่าจะเป็นหลักการวัตถุนิยมในยุคของประธานเหมาเจ๋อตง ไม่ว่าจะเป็นหลักการวัตถุนิยมในยุคของประธานสีจิ้นผิง ที่ยึดกุมกันติด ๒ ริมฝีปาก
คือ ๑ ต้องแยกเป็น ๒
ต้องแสวงหาสัจจะจากสภาพความเป็นจริง และนำเอาความเป็นจริงมาเป็นตัวตั้งในการแก้ไขปัญหา
ความเป็นจริงของไวรัส โคโรนา เด่นชัดอย่างยิ่ง
ด้านหนึ่ง โลกมองเห็นประสิทธิภาพของการบริหารในแบบรวมศูนย์แห่งอำนาจภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์
ความแข็งแกร่งเฉียบขาดของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง
ขณะเดียวกัน ด้านหนึ่ง โลกมองเห็นจุดอ่อนช่องโหว่อันเนื่องแต่การรวมศูนย์อย่างด้านเดียวกระทั่งขาดประชาธิปไตย
ชะตากรรมของ ดร.หลี่จึงได้เกิดขึ้นจากการเตือน
มีความเป็นไปได้ที่ผลสะเทือนจากกรณีไวรัส โคโรนา จะไม่สั่นกระทบแต่เพียงในเรื่องของสุขภาพพลานามัย หากแต่จะทำให้จีนเริ่มตระหนักในจุดอ่อน จุดแข็งอันดำรงอยู่ภายในสังคมไปด้วย
ยิ่งกว่านั้น ผลสะเทือนนั้นจะมิได้จำกัดอยู่แต่บทเรียนของจีนหากแต่จะกว้างไกลไปทั่วโลก
ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไม่เว้น
สังคมไทยเหมือนกับเป็นเกาะน้อยท่ามกลางคลื่นลมอันบ้าคลั่งเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส โคโรนา
เป็นไปได้อย่างไรจะ”รอดพ้น”ไม่กระเทือน