รายงานพิเศษ / The Game is not over. สงครามยังไม่จบ ‘บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่’ บนรอยร้าวสีกากี เจาะมิชชั่นลับ ‘บิ๊กแดง’ วางระบบ ‘ฉก.’ ผ่าตัด ทบ. ขุมทรัพย์ ทบ.

รายงานพิเศษ

 

The Game is not over.

สงครามยังไม่จบ

‘บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่’ บนรอยร้าวสีกากี

เจาะมิชชั่นลับ ‘บิ๊กแดง’

วางระบบ ‘ฉก.’

ผ่าตัด ทบ. ขุมทรัพย์ ทบ.

บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กลับมาสู่สถานการณ์เดิมๆ อีกครั้ง หลังมีกระแสข่าวจะถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี

แถมทั้งกำลังจะถูกฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ 25-27 กุมภาพันธ์นี้

แต่ทว่ากระแสข่าวนี้สะพัดหลังการประกาศศึกของบิ๊กโจ๊ก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล กับบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่เป็นทั้งลูกรัก และน้องเลิฟของ พล.อ.ประวิตรเอง

แต่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในยกนี้ เพราะทั้งบิ๊กต้อย พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ถูกเด้งเข้าประจำทำเนียบรัฐบาล

ส่วน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ก็โดนบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ออกคำสั่งเตือน ที่เป็นเสมือนการประจาน กำชับให้ปฏิบัติตามระเบียบวินัย จรรยาของข้าราชการ อย่างเคร่งครัด

แถมยังต้องหลบกระแสการเมืองไปบวชถึงพุทธคยา อินเดีย

ท่ามกลางข่าวลือสะพัดว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์พร้อมภริยาและครอบครัว ที่เดินทางไปด้วยจะไม่กลับมาแล้ว

ทว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์มีกำหนดเดินทางกลับไทยคืนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563 กลับมาทำงานตามที่ได้ทำเรื่องขอลาราชการกับปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีไปบวช

ทั้งนี้เพราะผลพวงการศึกวงการสีกากีนี้ ยังคงมีอาฟเตอร์ช็อกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการที่ตำรวจบุกจับทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ในคดีร่วมกันนำสืบ แสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ต่อศาลมีนบุรี

หลังมีข่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์สั่งการให้ตำรวจแกะเทปคำให้สัมภาษณ์ของทนายษิทรา ที่ทำให้ตำรวจเสียหาย จากคดีไบโอเมตริกซ์

ในขณะที่สื่อเครือใหญ่ค่ายหนึ่ง เขย่าเก้าอี้ ผบ.ตร.ด้วยการเสนอข่าวเชิงตรวจสอบโครงการทุจริตต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตำรวจ

จนถึงการแต่งตั้งลูกชายของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ให้ขึ้นระดับสารวัตร แม้จะเป็นรองสารวัตรมาไม่ครบ 7 ปี ตามระเบียบ จนทีมโฆษกตำรวจต้องตั้งโต๊ะแถลงยืนยันว่า ทำได้ตามระเบียบถูกต้อง พร้อมตำหนิสื่อ

แต่งานนี้สะเทือนไปถึง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ที่กำลังบวชเป็นพระอยู่ ว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ ในฐานะที่เป็นนายตำรวจที่รู้จักสื่อเยอะ

“เราไม่เกี่ยวข้อง เราจะไปสั่งสื่อได้ยังไง สื่อเครือใหญ่เสนอข่าวแบบนี้ เราไปสั่งอะไรเขาไม่ได้หรอก เขาทำหน้าที่ตรวจสอบของเขา” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ชี้แจงหลังเกิดกระแสข่าวลือพาดพิง

“พล.อ.ประวิตรท่านไม่ยุ่งหรอก ท่านวางตัวเป็นกลาง”

ทว่าความขัดแย้งของ 2 น้องรัก ส่งผลโดยตรงถึง พล.อ.ประวิตรอย่างจัง ทั้งในแง่การเป็นพี่ใหญ่ ที่ปกครองน้องๆ ไม่ได้

แถมยังคงร่ำลือว่า พล.อ.ประวิตรเลือกข้าง ถึงขั้นมีการปล่อยข่าวปลุกกระแสว่า พี่ใหญ่หนุนหลังลูกเลิฟ เพื่อหวังทวงคืนอำนาจในการคุมตำรวจ

แต่เมื่อ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เพลี่ยงพล้ำ เลยทำให้เกิดกระแสข่าวการปรับ ครม. ที่คาดจะมีขึ้นหลังเสร็จศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น อาจทำให้ พล.อ.ประวิตรหลุด ครม.

ที่อาจเป็นความพยายามหนึ่งที่จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ขัดแย้งกันอีก

เพราะสอดคล้องกับการที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศจะปลดรองนายกฯ และ รมต. รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด หากไม่สามารถแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ได้

จนทำให้ พล.อ.ประวิตรเอ่ยปากว่า “ก็ดี…ออกก็ดี ถ้าเห็นผมไม่มีประโยชน์ ก็เอาออกไป”

แต่ยืนยันว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งกับ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วแต่นายกฯ

ในสถานการณ์นี้ ความเป็นพี่น้องสายทหารเสือราชินี ที่เหนียวแน่นยาวนานลึกซึ้งของ 3 ป.บูรพาพยัคฆ์ โดยเฉพาะพี่ป้อม น้องตู่ กำลังถูกท้าทาย เจอบทพิสูจน์

แต่ข่าวที่ว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์จะมาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล เมื่อมีการปรับ ครม.ครั้งหน้านั้น พล.อ.ประวิตรยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้

จะเป็นได้ยังไง เพราะจะต้องเว้นวรรคการเมือง 2 ปี หลังพ้นจากการเป็นสมาชิกวุฒิสภา

“จักรทิพย์จะมาเป็นได้ยังไง” บิ๊กป้อมเปรย

ท่ามกลางกระแสข่าวความห่างเหินของ พล.อ.ประวิตร กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ นับตั้งแต่ พล.อ.ประวิตรไม่ได้คุมตำรวจ แต่ พล.อ.ประยุทธ์คุมเอง

แต่กระนั้น พล.อ.ประวิตรก็ยังให้สัมภาษณ์ช่วยชี้แจงกรณี ครม.อนุมัติให้มีการยกเว้นมติ ก.ตร. ในการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจ ที่มีลูกชาย ผบ.ตร.รวมอยู่ด้วย

“เขาไปเป็น ตชด. มีหลักเกณฑ์รองรับ ทำได้ แล้วเขาทำงานดี ลูกใครใครก็รัก” บิ๊กป้อมระบุ

อันเป็นการทำให้กระแสข่าวลือว่าไม่แฮปปี้กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ถูกสยบลงไปได้ระดับหนึ่ง

แต่ก็สะท้อนความใกล้ชิดแนบแน่นระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ และ พล.อ.ประยุทธ์ มากขึ้น ในการทำตามที่ ผบ.ตร.เสนอมา

อีกทั้ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ก็แฮปปี้ที่ พล.อ.ประยุทธ์มาคุมตำรวจ เพราะยังได้จัดโผโยกย้ายตำรวจเอง จากเดิมที่สมัย พล.อ.ประวิตรนั้นให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เป็นคนช่วยจัด

ทว่าผลพวงการคุมตำรวจในยุครัฐบาล คสช. 5 ปี ก็ทำให้ พล.อ.ประวิตรจะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในแง่ของการเล่นพวกพ้อง

แต่ พล.อ.ประวิตรก็ตอบไปแบบน้ำขุ่นๆ เลยว่า ก็พวกพ้องกันทั้งนั้น ในกรมตำรวจนี่ พวกพ้องกันทั้งหมด

ทั้งนี้ คาดว่าฝ่ายค้านเล็งที่จะขุดเรื่อง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ขึ้นมาเล่นงาน พล.อ.ประวิตร

หรือแม้แต่การตั้ง พล.ต.อ.จักรทิพย์เป็น ผบ.ตร. ทั้งๆ ที่มีอายุราชการเหลือถึง 5 ปีในเวลานั้น

ที่เวลานั้น พล.อ.ประวิตรเป็นแรงผลักดันสำคัญ ที่ทำให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์น้องรักของบิ๊กป๊อด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชาย และสร้างประวัติศาสตร์ของตำรวจ ที่นั่งนานที่สุด เกือบ 5 ปี

ความผูกพันของ พล.อ.ประวิตร กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ จึงยากที่จะขัดแย้ง แต่อาจมีน้อยใจในบางเรื่องเท่านั้น

เพราะในเวลานี้ พล.อ.ประวิตรก็ไม่อาจเลือกข้าง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เพราะจะตกเป็นเป้าไปด้วย

จึงไม่แปลกที่จะไม่ค่อยมีใครเห็น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์มาหา พล.อ.ประวิตร ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ใน ร.1 รอ.

แต่ก็อาจเป็นเพราะ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ไม่อยากให้ พล.อ.ประวิตรเดือดร้อนไปด้วย จึงถอยห่างออกไป

แต่ทว่าก็มีการสื่อสารกันอยู่เนืองๆ

กล่าวกันว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เปิดหน้าชกกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์เช่นนี้ทำให้ต้องยืนตรงข้ามกับนายตำรวจ นายทหาร คนสำคัญคนอื่นๆ ไปด้วย

จึงทำให้อนาคตของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์หลังการลาสิกขาแล้วกลับมาเมืองไทยหลัง 6 กุมภาพันธ์นั้น น่าจับตามองอย่างยิ่ง

ในขณะที่ความเคลื่อนไหวของบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. เพื่อนรัก เตรียมทหาร 20 ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ น่าจับตามองยิ่งกว่า

ในการเป็น ผบ.ทบ. เป็นปีที่ 2 ควบ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ชอบที่จะเก็บตัวอยู่ในความเงียบ และทำงานแบบลับๆ

โดยที่นายทหารที่ใกล้ชิดก็ยากที่จะล่วงรู้ได้ว่า พล.อ.อภิรัชต์มีภารกิจที่ใดบ้าง

บ่อยครั้งที่ พล.อ.อภิรัชต์เงียบหายไปคราวละ 2-3 วัน เพราะสวมหมวกหลายใบ

จนทำให้บิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ. ปฏิบัติงานแทน จนถูกเรียกว่าเป็น ผบ.ทบ.หมายเลข 2

แต่ทุกครั้งที่มอบหมายงานให้ พล.อ.ณัฐพลก็จะทำให้ถูกจับตามองว่า พล.อ.อภิรัชต์หายไปไหน

เหลือเวลาอีก 7 เดือนเศษจะเกษียณราชการแล้ว พล.อ.อภิรัชต์จึงตัองเร่งวางระบบให้ทั้งงานใน ทบ. และในหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ. 904) ที่กำลังบรรจุอัตรากำลัง ในการโอนย้ายนายทหารฝีมือดี ลักษณะดี จาก ทบ. ไปอยู่ ทม.รอ.904

แต่ในระหว่างนี้ยังต้องใช้นายทหารของ ทบ. ของ ฉก.ทม.รอ.904 บริหารจัดงานหน่วยไปก่อน

ทั้งการตั้งรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ทั้ง 3 คน คือ บิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผช.ผบ.ทบ. เต็งหนึ่ง ผบ.ทบ.คนใหม่

บิ๊กหนุ่ย พล.ท.ธรรมนูญ วิถี แม่ทัพภาคที่ 1 และบิ๊กต่อ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพน้อยที่ 1

โดย พล.ท.เจริญชัย ตัวเต็งแม่ทัพภาคที่ 1 คนต่อไป ยังได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้ากรมกิจการวังฯ ด้วย

ขณะที่บิ๊กอ๊อบ พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รองแม่ทัพภาคที่ 1 ทำหน้าที่เจ้ากรมยุทธการ ของ ฉก.ทม.รอ.904 ที่คุมงานการข่าวด้วย

ส่วน “ผบ.รุณ” พล.ต.กันตพจน์ เศรษฐรัศมี ผบ.พล.ม.2 รอ. เป็นเจ้ากรมส่งกำลังบำรุง บิ๊กหนุ่ย พล.ต.ธราพงษ์ มะละคำ ผบ.พล.ร.2 รอ. เป็นเจ้ากรมการฝึกฯ และมีบิ๊กเนี้ยว พล.ต.ทรงพล สาดเสาเงิน ผบ.พล.1 รอ. ทำหน้าที่เจ้ากรมกำลังพล และเสนาธิการ ฉก.ทม.รอ.904

ขณะที่บิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เสนาธิการทหาร ที่เคยเป็นรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ก็ขยับมาเป็นนายทหารประสานภารกิจ เหล่าทัพ ฉก.ทม.รอ.904

 

ไม่แค่นั้น พล.อ.อภิรัชต์ยังผ่าตัดกองทัพใหม่ โดยเฉพาะเรื่องเงินนอกงบประมาณ ให้กลับเข้าสู่ระบบภาษี หลังจากที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เคยโจมตีในชั้นกรรมาธิการงบประมาณ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ที่ผ่านมา

มีรายงานว่า ตั้งแต่ 1 เมษายน 2563 นี้เป็นต้นไป พล.อ.อภิรัชต์จะผ่าตัดการบริหารจัดการกิจการต่างๆ ทั้งสนามกอล์ฟ สนามมวย ที่พัก รีสอร์ต ที่เคยเป็นรายได้เงินนอกงบประมาณของแต่ละหน่วย เพื่อไว้ใช้พัฒนาหน่วยและสวัสดิการหน่วยนั้น โอนมาให้ ทบ.ส่วนกลางดูแล และจะเปิดให้เอกชนเข้าประมูลแข่งขัน แล้วมีค่าเช่าสัญญารายปี ทบ. และจ่ายภาษีเข้ารัฐ

โดยเริ่มจากอาคารรับรองกองทัพบก “สวนสนประดิพัทธ์” บ้านพักริมทะเล ที่เป็นที่รู้จักมายาวนาน ที่สวนสน ประจวบฯ ใหม่ก่อน

จากเดิมที่ศูนย์การทหารราบ (ศร.) เคยดูแลรับผิดชอบการบริหารจัดการ ก็จะยุบรวม ทั้งสวนสน 1-สวนสน 2 และสนามกอล์ฟเข้าด้วยกัน แล้วโอนให้กองทัพบกส่วนกลางดูแลรับผิดชอบ

โดยมีรายงานว่า จะให้มืออาชีพที่เป็นผู้บริหารระดับโรงแรมห้าดาวเข้ามาบริหารจัดการ

โดย พล.อ.อภิรัชต์จะตั้งคณะกรรมการ ที่คาดจะให้ระดับ 5 เสือ ทบ.ดูแล

ทั้งนี้ เพื่อให้กำลังพลของ ทบ.ที่เคยดูแลที่นี่มากว่า 30 ปี กลับหน่วยไปทำหน้าที่ปกติ เพราะไม่ใช่หน้าที่หลักของทหาร

ทั้งนี้ เป็นนโยบายที่จะให้กิจการที่เป็นสวัสดิการของหน่วย และ ทบ. ให้เอกชนมาบริหาร ดำเนินการแทนกองทัพ เช่น อาคารรับรอง สถานที่พักฟื้นทางทหาร สนามกอล์ฟ

ทั้งนี้ พล.อ.อภิรัชต์ต้องการเปลี่ยนแปลงใหม่ จากการบริหารแบบเดิมๆ มาทำให้ถูกต้อง โปร่งใสตามกฎระเบียบของกระทรวงการคลัง

โดยในการทำสัญญากับกระทรวงการคลัง จะให้จัดเป็น “สวัสดิการเชิงพาณิชย์” โดยนำรายได้เข้าแผ่นดินบางส่วน ในรูปภาษี และเป็นสวัสดิการบางส่วน

โดยให้มืออาชีพมาบริหารจัดการ ป้องกันการทำงานที่อาจไม่เป็นมืออาชีพ

ที่สำคัญ เพื่อจะได้ตอบปัญหาที่มีมานานในเรื่องรายได้นอกงบประมาณ

แต่ก็เจอคลื่นใต้น้ำบ้าง เพราะหน่วยเดิมที่ดูแลสถานที่และกำลังพล ที่เคยทำงานมา ก็ต้องปรับเปลี่ยน และมีการคัดค้านไม่น้อย เพราะถือเป็นหม้อข้าวใหญ่ของหน่วย

ถือเป็นความพยายามสำคัญในการจัดระเบียบใหม่หมด

ที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อเปลี่ยนให้เอกชนมืออาชีพเข้ามาบริหารแทนทหารแล้ว จะทำให้เกิดความเสมอภาคเท่าเทียม ไม่ว่าจะนายพล นายทหาร นายสิบ จะได้รับการบริการดูแลเท่าเทียมกัน

อันเป็นการสะท้อนถึงการเปิดรับฟังเสียงสังคม เสียงประชาชน ในการจัดระเบียบ ทบ.ใหม่

ที่นอกจากจะเน้นย้ำเรื่องระเบียบวินัย กำลังพล ที่ต้องเป๊ะ เนี้ยบ ทุกกระเบียดนิ้วแล้ว ทบ.จะต้องโปร่งใส พร้อมรับการตรวจสอบ

ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่เพราะการเมืองเท่านั้น แต่กองทัพบก เหล่าทัพหลัก จะต้องผ่าตัดอีกหลายเรื่อง โดยเฉพาะการทำหน้าที่ของทหาร ถ้าอันไหนไม่ใช่ ก็ตัดออกไป แล้วให้เอกชนมืออาชีพมาดำเนินการ

ท่ามกลางข่าวลือสะพัดถึงการต่ออายุราชการเป็นกรณีพิเศษ เพราะภารกิจในการจัดกองทัพ และ ฉก.ทม.รอ.904. ที่ยังไม่สำเร็จเสร็จสิ้น แต่ พล.อ.อภิรัชต์ ก็เคาต์ดาวน์ จะเกษียณราชการแล้ว

ทว่า พล.อ.อภิรัชต์ก็ได้วางตัว พล.อ.ณรงค์พันธ์มาเป็นหัวหน้าทีมทหารคอแดง คุม ฉก.ทม.รอ.904 คนใหม่ เพื่อสานต่อภารกิจไว้แล้ว

แต่อนาคตของ พล.อ.อภิรัชต์ยังคงไม่มีใครหยั่งรู้

     แต่ทว่าภารกิจยังไม่จบสิ้นแน่นอน