คุยกับ “ตั๊ก บงกช” จาก “นางเอกหลงทาง” สู่ “ภรรยา (ไม่ไฮโซ)” ของเจ้าสัวบุญชัย

“ตั๊ก-บงกช เบญจรงคกุล” เริ่มต้นชีวิตด้วยความขาดแคลน

เธออาศัยอยู่กับ “แม่เลี้ยงเดี่ยว” ที่ประกอบอาชีพขายอาหารตามสั่ง แม่ซึ่งแยกทางจากพ่อและนำลูกสาวออกจากตระกูล “คงมาลัย” แห่งสุพรรณบุรี

ในช่วงวัยรุ่น ตั๊กเข้าวงการบันเทิงด้วยบทบาทตัวประกอบ และการเดินสายแคสติ้งงาน ที่ผ่านบ้าง ไม่ผ่านบ้าง เพื่อสานต่อความหวังความฝันของแม่ ซึ่งเชื่อมั่นว่าลูกสาวมีศักยภาพมากพอจะเป็นดาราหรือนางงาม

หลังยุค “ต้มยำกุ้ง” เด็กสาวชื่อ “บงกช คงมาลัย” สามารถแจ้งเกิดในฐานะนางเอกหน้าใหม่ได้สำเร็จ จากภาพยนตร์ “บางระจัน” ซึ่งกวาดรายได้เกินร้อยล้านบาท

แต่โดยส่วนตัว ตั๊กเห็นว่าเธอมาเป็นที่รู้จักในวงกว้าง จากผลงานเรื่อง “ขุนแผน” และ “ไอ้ฟัก” มากกว่า


ตั๊กไม่ปฏิเสธว่าสมัยพุ่งทะยานในฐานะดาราดาวรุ่ง เธอเคยมีอาการ “หลง” ซึ่งหมายถึง “หลงตัวเอง”

อาการที่ว่านั้นเกิดจากความล้มเหลวในการรับมือกับแสงสปอตไลต์อันฉายฉานของวงการมายา

“มันจะมีข่าวไม่ดีที่เขียนถึงตั๊ก ซึ่งคนเราไม่เคยถูกใครด่าโดยที่แบบว่า (เป็นเรื่อง) ไม่จริง แต่ว่าถ้าคนที่เขาอยู่ในวงการมานานแล้ว อย่างเรา เดี๋ยวนี้ใครว่าเรา เราก็จะอืมๆๆ อะไรอย่างนี้ ถ้าไม่สุดจริง เราก็จะไม่พูด แต่ว่าเด็กที่เพิ่งเข้ามา แล้วถูกด่าถูกว่าอะไรที่มันไม่จริง มันเหมือนกับเกลียดโลก เกลียดทุกคนโดยที่ไม่แยกแยะ ว่าคนนี้เขาไม่ได้ว่านะ

“มันก็เลยทำให้ตั๊ก เวลาที่ตั๊กสัมภาษณ์ ตั๊กก็จะรู้สึกตั้งแง่หรือว่ามีกำแพงบางๆ กับนักข่าวตลอด … ก็เลยทำให้เราดูแรงๆ กลายเป็นคนที่แบบว่าดูแรงไป เอาจริงๆ ตอนวัยรุ่นก็เป็นคนค่อนข้างมีโลกของตัวเองเยอะ คืออยากทำงานอย่างเดียว ไม่อยากให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัว”

ราวสองทศวรรษผันผ่าน ตั๊กในปัจจุบัน มีมุมมองต่อโลก ต่อผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนลิบลับ

“เปลี่ยนมาก เปลี่ยนไปเยอะมาก คือบางทีก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมถึงเปลี่ยน อาจจะเป็นเพราะว่าเรารู้สึกว่าเรามองโลกไกลขึ้น คือมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ตั๊กถอยออกมาจากวงการใช่ไหม แล้วก็ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ หนึ่ง ท้อง สอง มีลูก สาม แม่ป่วย

“เราก็อยู่บ้าน เราก็เห็น เราก็มอง ก็พิจารณา เราก็ดู เราก็เห็นสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา ตั้งแต่ตอนที่แม่ป่วยนี่แหละ ตอนที่เรานั่งอยู่กับแม่ อะไรบ้างที่แม่เคยสอน อะไรโน่นนี่นั่น มันก็คิด คิดไปคิดมาตีความได้คำตอบเองอะไรเอง”

อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของผู้หญิงชื่อ “ตั๊ก บงกช” ก็คือการได้แต่งงานกับ “เจ้าสัวบุญชัย เบญจรงคกุล” เมื่อปี 2556

“จริงๆ เราคบกันมาสักระยะหนึ่งแล้วนะคะ ปีหนึ่งได้ แต่ว่าเราแต่งเพราะว่าคุณบุญชัยเขากลัวตั๊กเสียหาย เขาก็เลยขอหมั้น จะเข้ากันได้ไหม มันอยู่ที่ว่าดูกันนานๆ ดีกว่า … เรื่องของวัยก็ไม่ได้มีผลอะไร ทุกวันนี้ เราก็อยู่ด้วยกันได้ เราก็ดูแลซึ่งกันและกัน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน”

เมื่อถามว่าเธอคือ “นกน้อยในกรงทอง” ใช่หรือไม่? ตั๊กรีบเซย์โนทันพลัน

“ไม่จริงหรอก คือตั๊กอยากทำหนัง Sad Beauty ตั๊กก็ได้ทำ ตั๊กอยากไปโปรโมตหนัง ตั๊กก็ได้ไปมาเกือบทั่วโลกนะ ไปญี่ปุ่น ไปอเมริกา ไปเกาหลี ไปจีน ไปอิตาลี ตั๊กไม่ใช่นกในกรงค่ะ ตั๊กก็ไปทำงานมาทั่ว”

ล่าสุด อดีตนางเอกดาวรุ่งได้หวนคืนวงการบันเทิงอีกครั้ง เพื่อร่วมเล่นละครเรื่อง “ลายกินรี” ของ “พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง” เธอให้เหตุผลในการรับงานดังกล่าวว่า

“ตั๊กก็เป็นแม่คนแล้ว เราก็ดูบทว่าบทนี้เหมาะสมกับเราไหม จริงๆ ก็คือชอบผลงานของพี่แดงกับพี่อ๊อฟ แล้วก็รู้สึกว่าเราอยากเล่นละครที่ไม่เกี่ยวกับความรักมากนัก เราอยากเล่นเกี่ยวกับเรื่องของพีเรียด เรื่องของประวัติศาสตร์”

เมื่อถามต่อว่า หลังจากนี้ เธอจะกลับมารับงานบันเทิงเต็มตัวหรือไม่? ตั๊กให้คำตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้

“ไม่ค่ะไม่ ก็อาจจะต้องดูกันไปเรื่อยๆ ก่อน … เพราะว่าตั๊กเองก็ไม่รู้ว่าจะมีบทแบบนี้ให้เล่นอีกไหม เอาแค่เรื่องนี้ก่อนดีกว่าค่ะ โฟกัสทีละเรื่อง เพราะว่าต้องดูแลลูกด้วย ต้องดูแลบ้านด้วย”

ท้ายสุด “ตั๊ก-บงกช เบญจรงคกุล” ฝากถึงเหล่าแฟนหนังแฟนละครของเธอว่า

“ตั๊กอยากบอกว่า คือก็ขอบคุณที่ให้กำลังใจ ที่อยากดูตั๊กเล่นละครอีก มันทำให้ตั๊กมีกำลังใจที่จะไปทำการบ้าน เหมือนกับตัดสินใจได้ว่าเราควรกลับมาทำงาน แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือมันเป็นงานหลักของตั๊กอยู่แล้ว จริงๆ มีคนพูดว่าไม่ต้องทำก็ได้ ไม่จริงหรอก คือตั๊กไม่อยากทำตัวเป็นไฮโซน่ะค่ะ คือรากเหง้าตั๊ก เราทำงานบันเทิง

“คือเราเป็นของเราแบบนี้ คือเราไม่ได้พยายามจะเป็นไฮโซนี่คะ คือตั๊กก็เป็นของตั๊กแบบนี้ แล้วอีกอย่างหนึ่ง คุณบุญชัยเขาก็ไม่ได้โง่ เขาดูผู้หญิงออก เขามีปัญญาค่ะ เขาไม่ได้แบบว่าไม่รู้เรื่องใช่ไหมคะ เราจะไปแอ๊บ จะไปอะไรใส่เขาทำไมน่ะคะ ในเมื่อเขาก็โตแล้วอะไรอย่างนี้”

นี่คืออัตลักษณ์ตัวตนที่ไม่มีทางผันแปรของ “ตั๊ก บงกช” แม้ประสบการณ์ชีวิตและมุมมองต่อโลกจะเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลามากมายเพียงใดก็ตาม