ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 3 - 9 มกราคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว |
ผู้เขียน | มุกดา สุวรรณชาติ |
เผยแพร่ |
สถานการณ์การเมืองปี 2563
เสาค้ำประชาธิปไตยถูกทำลาย
จนผุ…กร่อน
รัฐนาวาที่เป็นแพไม้ขนาดต่างๆ มาต่อกัน ยังคงล่องไปได้
แต่ในทางการเมือง จะพบว่าการถ่วงดุลกันของฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ ไม่มีความสมดุลอีกแล้ว เพราะการมีเสียงปริ่มน้ำของรัฐบาลในสภาผู้แทนทำให้เกิดการซื้อเสียง ส.ส.ที่ต้องดึงทั้งงูเห่าและลิงเข้าไปสนับสนุน
ในการเลือกตั้งต้องซื้อเสียงประชาชนตั้งแต่การโปรยทานทางออนไลน์เพื่อผูกพันให้ประชาชนที่ลงทะเบียนบัตรคนจน ติดใจกับการรับเงินเป็นรายเดือน และการซื้อเสียงโดยตรงเมื่อมีการเลือกตั้ง
เรื่องเหล่านี้โยกคลอนรากฐานทางอุดมการณ์ประชาธิปไตย
มีคนถามว่า สังคมเราทุกวันนี้สามารถซื้อได้ทุกระดับ ได้ทุกฝ่ายเลยหรือ
คำตอบคือใช่แต่ไม่หมดทุกคน ยังมีคนดีเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง แต่ความบิดเบี้ยวของการทำงานทั้ง 3 ฝ่าย ทำให้เราเห็นว่าไม่มีความเที่ยงตรงและยุติธรรม และไร้ความสามารถ การซื้อคนบางครั้งไม่อยู่ในรูปใช้เงินทอง แต่ก็มีการเสนอสิ่งตอบแทนเป็นรูปของอำนาจและตำแหน่ง
การบริหารด้วยการ…แจก ประเทศนี้จะเดินไปได้อย่างไร
ส.ส.ถูก…ซื้อ พรรคการเมืองถูก…ยุบ สภาก็ไร้ความหมาย
มีกระบวนการยุติธรรม แต่…การเลือกใช้กฎหมายที่ไม่เสมอภาค…ทำให้เหมือนไร้กฎหมาย
การที่คนทำผิดหรือไม่ผิด ถูกฟ้องหรือไม่ถูกฟ้อง ถูกลงโทษหรือไม่ถูกลงโทษ ขึ้นอยู่กับว่าเป็นใครและอยู่ฝ่ายไหน ฝ่ายที่มีอำนาจไม่ว่าจะเจอด่าน กกต. ด่าน ป.ป.ช. หรือศาล ก็สามารถผ่านได้หมด แต่ฝ่ายตรงข้าม ทำอะไรก็จะถูกฟ้องดำเนินคดี
ดังนั้น สังคมเราในปี 2563 จึงกลายเป็นสังคมที่ไร้ระเบียบ ถ้าจะเรียกว่าบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแปก็ได้
เรื่องแบบนี้คงจะเกิดขึ้นตลอดทั้งปี 2563 เป็นหนังเก่าที่น่าเบื่อ แต่เป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย
การเมืองตลอดปี 2563 จะมีเรื่องใหญ่ๆ คือ
1.การแสดง…การแก้รัฐธรรมนูญ
เส้นทางรัฐสภาถูกปิดไปแล้ว การจะแก้ปัญหาประเทศโดยไปเริ่มที่แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับตามที่ธนาธรพูดไว้ หรือพรรคร่วมฝ่ายค้านอยากทำ ทีมวิเคราะห์มองว่าเป็นไปไม่ได้
ถ้าไม่โกหกตัวเอง พรรคการเมืองทุกพรรคก็รู้อยู่แล้วตั้งแต่เห็นรัฐธรรมนูญ ที่มี ส.ว. 250 คนแต่งตั้งมาจาก คสช. และเมื่อเห็นเงื่อนไขการแก้รัฐธรรมนูญว่าจะต้องให้ ส.ว. 1 ใน 3 คือจำนวน 84 คนเห็นด้วยในการแก้ไข จะหา 8 คนยังไม่ได้เลย
แต่การแสดงการแก้ รธน. ยังต้องมี เนื่องจากมีพรรคการเมืองที่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญอย่างจริงจัง และพรรคที่ต้องการแก้เฉพาะบางเรื่องหรือต้องแสดงบทบาทแก้เพราะไปหาเสียงไว้ ยังมีกลุ่มที่ไม่ต้องการแก้ไขแต่ต้องการขัดขวาง เมื่อทั้ง 3 กลุ่มมาร่วมกันตั้งเป็นกรรมาธิการแก้รัฐธรรมนูญ มันจึงกลายเป็นเรื่องตลก เหมือนละครที่มีพระเอก ผู้ร้าย และตัวประกอบที่เล่นไปตามบท บางคนก็ถ่วงจนหมดเวลา สุดท้ายจะไม่ได้อะไร จนกระทั่งยุบสภาหรือสภาถูกเลิกด้วยประการใด กรรมาธิการชุดนี้ก็จะเลิกไปโดยปริยาย
นอกจากต้องจ่ายเบี้ยประชุมแล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นมาได้ เพราะถึงที่สุดแล้วพวก ส.ว.ก็ยังจะต้องค้านการแก้รัฐธรรมนูญให้ตกไปอยู่ดี
ดังนั้น การแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับจะเป็นไปได้ก็ต้องสร้างกระแสสังคมให้เห็นด้วยจึงจะได้รัฐธรรมนูญที่ดีเหมือนฉบับปี 2540 ที่มีการรณรงค์กันอย่างกว้างขวาง นอกรัฐสภา อาจจะต้องมีการวิ่งตามหารัฐธรรมนูญ
2.การซื้อเสียงจากลิงและงูเห่าซึ่งจะเกิดขึ้นต่อไป ตามแต่โอกาสจะอำนวย
เรื่องการดึงตัวซื้อตัว ส.ส.มาสนับสนุน มีทุกสมัย หลังการรัฐประหาร และผู้ทำรัฐประหารอยากแปลงกายเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง เพื่อสืบทอดอำนาจ จอมพลสฤษดิ์ จอมพลถนอม จนถึงปัจจุบัน
ส่วนพรรคอนาคตใหม่และพรรคฝ่ายค้านเมื่อเห็นเกมการซื้อลิงและงูเห่าก็ต้องรู้ว่าการใช้รัฐสภาให้เป็นเครื่องมือสำคัญของระบอบประชาธิปไตยทำต่อไปได้ลำบากแล้ว รัฐธรรมนูญฉบับนี้เปิดช่องไว้ ให้การซื้อลิงและงูเห่าทำได้อย่างถูกกฎหมาย ถ้ามีการขับ ส.ส.ออกจากพรรค หรือมีการยุบพรรค
หลักการต่อรองก็มีอยู่ว่า เมื่อ ส.ส.ยังอยู่พรรคเดิม ค่าตัวจะแพง ออกจากพรรคเมื่อใดค่าตัวจะถูก
ยิ่งใกล้ครบ 30 หรือ 60 วันที่ต้องหาพรรคใหม่ ราคาจะลดลง
ส่วนพวกที่ยังเป็น…คน…ที่มีอุดมการณ์ มีค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ
3.เกมรักษาอำนาจ…ชี้ขาดที่ ปชป. และการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน
ย้อนดูเสียงของพรรคแกนนำรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่มีถึง 265 เกินครึ่งสภาทำให้ความมั่นคงที่เกิดจาก ส.ส.ถือว่าแข็งแรงมาก คนที่จะล้มรัฐบาลจะต้องใช้วิธีตุลาการภิวัฒน์หรือการรัฐประหารเท่านั้น
แต่ถ้าเปรียบเทียบกับรัฐบาลปัจจุบันที่มีเสียงปริ่มน้ำ ปัญหาของรัฐบาลผสมคือ จะมีการต่อรองในเรื่องผลประโยชน์และตำแหน่งจากพรรคต่างๆ ตั้งแต่เริ่มต้นและยังจะต่อรองกันไปเรื่อยๆ เพื่อให้ได้ผลประโยชน์สูงสุดซึ่งจะเป็นปัญหามาก
ในการบริหารขณะนี้แม้พรรคพลังประชารัฐจะมี ส.ส.มากที่สุด และเมื่อใช้นโยบายดึงพวกลิงและงูเห่ามาร่วม อาจจะทำให้พ้นสภาพที่อยู่ปริ่มน้ำ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพ้นจากอันตราย เพราะถ้าพรรคร่วมถอนตัวเมื่อใดก็สามารถล้มรัฐบาลได้
ในสภาพการเมืองขณะนี้ ทีมวิเคราะห์มองว่าแต่ละพรรคร่วมยังอยากหาประโยชน์จากงบประมาณ 3.2 ล้านล้าน เก็บภาษีจากประชาชนไม่พอ ก็ไปกู้มา รัฐบาลสามารถจะใช้เงินบริหารและเก็บประโยชน์ได้ใน 1 ปีจากนี้ไป
ถ้าไม่เกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง พวกเขาจะประคองรัฐบาลที่เป็นเหมือนแพ ซึ่งมีไม้ขนาดต่างๆ มามัดรวมกัน การผูกมัดด้วยผลประโยชน์แบบนี้ ก็ยังไม่รู้ว่าจะเกิดความขัดแย้งรุนแรงเมื่อใด
ดังนั้น การประเมินว่ารัฐบาลอยู่ได้นานเท่าใดไม่สามารถบอกล่วงหน้าได้ในระยะยาว วิกฤตอาจจะเกิดในระยะสั้นๆ และพังเลยก็ได้ หรืออาจดูเหมือนไปไม่ค่อยไหว แต่อาจประคับประคองกันไปอีก 2-3 ปีก็ได้ ตัวแปรการอยู่หรือไปของรัฐบาลจึงไม่ได้อยู่ที่เสียง ส.ส.เพียงอย่างเดียว
ให้จับตาการแตกของ ปชป.จากพรรคร่วม เสียงของ ปชป.ที่ถูก พปชร. แย่งไป 6 ล้านเสียง จะต้องถูกดึงเสียงกลับมา ปชป.จะไม่ทิ้งโอกาสนี้ และไม่ยอมจมน้ำ เมื่อแพเอียง พวกเขาจะเผ่นก่อน
บทบาทของ ปชป.ในการจะอยู่ร่วมรัฐบาลและการเดินเกมของประธานสภาและ ส.ส.ปชป.ในสภา รวมทั้งตัวรัฐมนตรีที่ร่วมรัฐบาล ถ้าตัวนายกฯ กระแสยังไม่ต่ำจนมีโอกาสหลุด ปชป.จะยังคงอยู่เป็นกำลังหนุน แต่ถ้ากระแสตกและดูว่าจะเพลี่ยงพล้ำ ปชป.จะถอนตัวออกอย่างรวดเร็ว
เพราะฉะนั้น ท่าทีในการคัดค้านบางเรื่อง การสนับสนุนฝ่ายค้านหรือฝ่ายประชาชนบางเรื่อง จะถูกทำสลับไปมาเพื่อให้คนเห็นว่ายังเป็นพรรคที่มีการต่อสู้ในวิถีทางประชาธิปไตย ไม่ใช่พรรคหนุนทรราช
4.การเรียกร้องเรื่องปัญหาเศรษฐกิจของประชาชนกลุ่มต่างๆ จะมากขึ้น
ถ้าระบบรัฐสภาใช้ไม่ได้ ประชาชนอาจลงถนนเอง ถึงแม้ประชาชนจะอดทน แต่เมื่อความอึดอัดถึงขีด สิ่งเหล่านี้คงเกิดขึ้น การเรียกร้องของกลุ่มต่างๆ อาจไม่ได้เกิดจากเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ 4-5 วันนี้ ที่เห็นชาวบ้านซึ่งเดินทางมาแถวๆ ทำเนียบหรือกระทรวงต่างๆ คือผู้เดือดร้อนในอาชีพต่างๆ ไม่ค่อยเห็นข่าวทางโทรทัศน์
แต่การปิดข่าวทำไม่ได้หมดเพราะหลายขบวนที่ยกกันมารวมกันแล้วเป็นหมื่น สิ่งเหล่านี้จะเกิดมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้พรรคการเมืองไม่อยากลงถนน แต่ประชาชนก็จะมาเรียกร้องเรื่องของพวกเขา
สถานการณ์ทางการเมืองปี 2563 เกี่ยวพันกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอย่างแยกไม่ออก
เรื่องเศรษฐกิจตกต่ำ ปัญหาปากท้อง จะเป็นแรงผลักดันให้มีการเคลื่อนไหวของมวลชนเข้ามาเรียกร้องในเรื่องต่างๆ ซึ่งดูแล้วรัฐบาลคงไม่มีปัญญาช่วยเหลือ การลดช่องว่างของการเหลื่อมล้ำที่มีมากที่สุดในโลกคงเป็นไปได้ยาก ภายใน 3 ปีหลังนี้นายทุนใหญ่ยิ่งรวยเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในขณะที่คนส่วนอื่นจนลงอย่างทั่วหน้า เจ้าของกิจการเล็กๆ ก็ล้มละลายไปตามๆ กัน ร้านค้ารายย่อยก็ถูกรายใหญ่บุกรุกเข้าไปทั้งในตรอกซอกซอย แม้กระทั่งแผงขายของตามโรงอาหารก็ถูกทุนใหญ่เข้าไปบุกประมูล
ช่องทางทำมาหากินของคนเล็กคนน้อยถูกเบียดจนไม่มีที่ไป การขายของตามตลาดนัดเร่ในเมื่อกำลังซื้อไม่ดีก็อยู่ในสภาพที่ทำแล้วอาจขาดทุน การเปลี่ยนมาเป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้างส่งของ ส่งอาหารและสินค้าออนไลน์เป็นอาชีพเสริมและอาชีพหลักของคนจำนวนหนึ่ง
ปัญหาเศรษฐกิจ ความยากลำบากในการทำมาหากิน การแก่งแย่งทางเศรษฐกิจของประชาชน และการที่ต้องกระทบกระทั่งกับอำนาจรัฐเป็นเรื่องพื้นฐานทั่วไป แต่อาจขยายใหญ่ได้
5.การเคลื่อนไหวของพลังมวลชนก้าวหน้า จะค่อยๆ เพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นและมีความเข้มข้นทางการเมืองสูงขึ้น
การตื่นตัวของคนหนุ่ม-สาว อาจเป็นอำนาจพื้นฐานในการเปลี่ยนแปลงสังคมมากกว่ากลุ่มอำนาจทุกกลุ่ม สถานการณ์ล่าสุด ผู้ชนะการเลือกตั้งแม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ยังได้รับการสนับสนุนมากทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพทางความคิด
พลังนี้ถ้ายิ่งถูกบีบก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นและเข้มแข็งขึ้น
การเคลื่อนไหวแบบแฟลชม็อบ หรือเกมวิ่งไล่ลุง จะเป็นเรื่องปกติ และเป้าหมายอาจไม่ใช่แกนนำรัฐบาลเท่านั้น
การจะใช้พลังส่วนนี้ไปพัฒนาและสนับสนุนการปฏิรูปการเมือง ต้องมีระยะเวลา แต่ถ้ามีอุบัติเหตุทางการเมือง หรือความรุนแรงที่บีบคั้นมากๆ พลังส่วนนี้จะแรงไปตามสถานการณ์ทันที
6.สิ่งที่รัฐบาลควรจะทำในปี 2563
นายธันวา ไกรฤกษ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว
ในการขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2562
เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองกำลังมุ่งไปสู่ความขัดแย้งรุนแรง และข้าพเจ้าไม่อยากมีส่วนร่วมในสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่ได้ก่อ ที่ผ่านมามุ่งหวังจะเห็นอุดมการณ์ที่ชัดเจนของพรรคมาตลอด แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ปรากฏ โดยยังดำเนินแนวทางในรูปแบบการเมืองเก่าที่เน้นการรักษาเสถียรภาพเพื่อคงสถานะแกนนำรัฐบาล มากกว่าเป้าหมายการปฏิรูปประเทศ อันเป็นเหตุให้เกิดข้อครหาต่างๆ มากมาย ซึ่งไม่สามารถชี้แจงต่อสังคมได้
ข้าพเจ้าขอฝากคำแนะนำด้วยความปรารถดีต่อพรรคและต่อรัฐบาล ในฐานะสมาชิกพรรคเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งหากนำไปปฏิบัติได้ก็จะส่งผลดีต่อคนทุกกลุ่มทุกฝ่าย และอาจนำพาให้เราทุกคนก้าวข้ามวังวนที่เกิดขึ้นซ้ำไป-มาไม่จบสิ้น คือ การลงถนนประท้วงขับไล่รัฐบาล ดังนี้
1. ยึดกฎหมายเป็นที่ตั้ง ไม่อุ้มพวกพ้อง ลดละเลิกการกระทำที่นำมาซึ่งข้อครหาว่าสองมาตรฐาน
2. ทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ หากจำเป็นต้องตอบโต้ควรใช้เหตุผลแทนความสะใจ ทั้งใน/นอกสภา
3. รับฟังเสียงประชาชนให้มากขึ้น ไม่ควรบริหารแบบสั่งการจากบนลงล่าง แต่เน้นการมีส่วนร่วม
4. รักษาสัญญาที่เคยให้ไว้กับประชาชน หาเสียงไว้อย่างไรต้องทำ หากทำไม่ได้ต้องชี้แจงเหตุผล
5. ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องมีความเหมาะสม ไม่ควรแต่งตั้งเพียงเพื่อรักษาดุลอำนาจ
6. ปรับยุทธศาสตร์ด้านการสื่อสารโดยเร่งด่วน ทำงานดีแค่ไหนแต่คนไม่รู้ ก็เหมือนกับไม่ได้ทำ
7. ในการต่อสู้กับข่าวลวงจากบุคคลภายนอก ควรตรวจสอบบุคคลรอบข้างตนเองให้ดีเสียก่อน
8. ไม่มีม็อบไหนล้มรัฐบาลได้ ถ้ารัฐบาลทำตัวเองให้ดีพอ หากทำเหมือนเก่า อย่าหวังผลลัพธ์ใหม่
9. ถ้าทำตัวเองให้ดีพอไม่ได้ และสถานการณ์รุนแรงเกินรับไหว ควรปล่อยมือ เสียสละให้ประชาชน
แต่ทีมวิเคราะห์คาดว่ารัฐบาลสามารถทำข้อ 6 ได้ข้อเดียว คือพยายามโฆษณาตัวเอง นอกนั้นจะทำตรงข้าม