หน้า 8 : ปรับแนวรบ

มีหลายคนตั้งคำถามว่าเหตุใด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงตัดสินใจใช้มาตรา 44 กับวัดพระธรรมกายในช่วงนี้

ทั้งที่ความพยายามจับพระธัมมชโยนั้นดำเนินการมานานแล้ว

วัน ว. เวลา น. ทำไมจึงต้องเป็นตอนนี้

ไม่เป็นช่วงเวลาอื่น

ด้านหนึ่งอาจเป็นเรื่องจังหวะเวลาที่เหมาะสมอย่างบริสุทธิ์ใจก็ได้

แต่หลายคนก็อดคิดแบบ “การเมือง” ไม่ได้

เพราะนักการเมืองนั้นนิยมใช้กลยุทธ์ “เปลี่ยนทางไฟ” เป็นประจำ

ทุกครั้งที่รัฐบาลเจอมรสุมการเมือง ก็จะมีการสร้างเรื่องใหม่เพื่อ “เปลี่ยนทางไฟ” เบนกระแสความสนใจของสังคม

คำถามก็คือช่วงที่ผ่านมาผู้นำรัฐบาลเจอกระแสโจมตีเรื่องใดบ้าง

มองซ้ายมองขวาแล้วเจออยู่เรื่องเดียว

“น้องชาย” ของผู้นำไม่เข้าประชุม สนช.

6 เดือน ยกมือลงมติแค่ 6 ครั้ง

เรื่องนี้กำลังจุดขึ้นและลามไปสู่เรื่องจริยธรรม

และคำถามง่ายๆ

“เสียสละ” หรือ “เสวยสุข”

 

หลังจากการใช้มาตรา 44 กับวัดพระธรรมกาย

ข่าวนี้ก็เริ่มหายไปกับสายลม

รัฐบาลกลายเป็น “ฝ่ายรุก” ทางการเมืองอีกครั้ง

แต่สิ่งที่นอกเหนือความคาดหมายของรัฐบาล ก็คือ “ม็อบโรงไฟฟ้าถ่านหิน”

ตอนแรกรัฐบาลก็ดูขึงขัง เอาจริงเอาจัง

จับ “แกนนำม็อบ” ไปปรับทัศนคติ

วางกำลังตำรวจคุมพื้นที่เต็มกำลัง

แต่เพียงแค่คืนเดียว รัฐบาลก็สั่ง “ไอ้เสือถอย” แบบ 360 องศา

ทั้งที่ “มวลชน” ก็มีจำนวนไม่มากนัก

มีแต่กระแสต้านในโซเชียลมีเดีย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนชั้นกลาง และกลุ่ม “เพื่อนเก่า” ของ คสช.

การตัดสินใจชัก “ฟืน” ออกจาก “ไฟ” ครั้งนี้จึงไม่ใช่การถอยอย่างแท้จริง

แต่เป็นการถอยเชิงยุทธวิธีมากกว่า

รัฐบาลคงไม่ต้องการเปิดศึกหลายด้าน

เพราะแค่เรื่อง “ธรรมกาย” ก็หนักหนาสาหัสแล้ว

ถ้าเจอแนวรบม็อบโรงไฟฟ้าถ่านหินอีก

รัฐบาลอาจรับมือไม่ไหว

ดังนั้น รัฐบาลจึงเลือกที่จะสงบศึกกับ “เพื่อนเก่า”

และเปิดแนวรบเดียว

คือ แนวรบ “ธรรมกาย”