ผ่าคดี”สมคิด พุ่มพวง” จนถึงนาทีจนมุม ปิดตำนานฆาตกร 6 ศพ เจ้าตัวไม่กลัวประหาร

เป็นเหตุช็อกสังคมอีกครั้ง สำหรับกรณีแม่บ้านโรงแรมใน อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ถูกพบเป็นศพฆ่าเปลือยหมกร่างไว้ในบ้านพัก

ซึ่งจากการสอบสวน ทุกอย่างชัดเจนว่าฆาตกรที่ลงมือโหดครั้งนี้ก็คือแฟนใหม่ของผู้ตาย ที่รู้จักกันว่า “แขก” ที่อ้างตัวเป็นทนายความ เป็นคนพื้นเพ จ.นครศรีธรรมราช

แล้วมารู้จักมักคุ้นกับเหยื่อผ่านเฟซบุ๊ก จนเดินทางมาหา และอยู่กินร่วมกันตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

พร้อมตั้งเป้าหมายในชีวิตจะแต่งงานและร่วมกันทำธุรกิจหาเลี้ยงครอบครัว เหมือนเป็นจุดมุ่งหมายในชีวิตของฝ่ายหญิง

แต่สุดท้ายกลับจบลงด้วยความตาย!??

เป็นเหตุให้ครอบครัวเหยื่อจี้ล่าตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้

และก็ยิ่งช็อกขึ้นไปอีก เมื่อความจริงกระจ่างว่า นายแขกคนนี้ แท้จริงแล้วก็คือ “สมคิด พุ่มพวง” ฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่ามาแล้วถึง 5 ศพ

แม้จะถูกจับกุมดำเนินคดี โดยศาลสั่งประหารชีวิตทั้ง 5 คดี แต่สุดท้ายก็ได้ออกจากคุก หลังจากติดอยู่ 14 ปี

ออกมาลงมือฆ่าศพที่ 6 !??

ช็อก “สมคิด” ฆ่าอีกศพที่ 6

เหตุการณ์สยองขวัญครั้งนี้เป็นที่รับรู้เมื่อช่วงสายวันที่ 16 ธันวาคม โดย พ.ต.อ.ขจรฤทธิ์ วงษ์ราช ผกก.สภ.กระนวน จ.ขอนแก่น ระบุว่า เมื่อคืนวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้รับแจ้งเหตุฆาตกรรมนางรัศมี มุลิจันทร์ อายุ 51 ปี เหตุเกิดภายในบ้านเลขที่ 293 ม.19 ต.หนองโก อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ของผู้ตาย

โดยเจ้าหน้าที่พบศพนางรัศมีถูกห่อด้วยผ้าห่ม ท่อนบนสวมเสื้อยืด ลำคอถูกพันด้วยเทปใส ข้อเท้ามัดด้วยสายชาร์จแบตโทรศัพท์ ซุกอยู่ในฟูกที่นอนที่วางอยู่ในห้อง ตรวจสอบพบว่าเสียชีวิตมาประมาณ 8 ชั่วโมง ร่างกายไม่มีร่องรอยถูกทำร้าย ไม่มีร่องรอยต่อสู้ ไม่มีร่องรอยรื้อค้นในบ้าน คาดคนร้ายลงมือตอนที่ผู้ตายนอนหลับ

สอบสวนทราบว่าก่อนหน้านี้ผู้ตายมีอาชีพเป็นแม่บ้านอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.กระนวน มีสถานะเป็นแม่ม่าย เป็นคนเงียบๆ ไม่สุงสิงกับใคร โดยเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา มีผู้ชายคนหนึ่ง ทราบชื่อว่า “แขก” เข้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านของ นางรัศมี ในลักษณะคบหาเป็นแฟนกัน โดยระบุว่าแฟนใหม่เป็นชาวนครศรีธรรมราช ประกอบอาชีพทนายความ เปิดสำนักงานอยู่ที่ จ.พัทลุง

โดยทั้งคู่มีแผนว่าจะแต่งงานกัน ซึ่งทางญาติก็ไม่ได้ว่าอะไร จะมีบ้างก็ทักท้วงว่าจะเร็วไปไหม แต่ก็อยู่กันเรื่อยมา จนกระทั่งเช้าวันที่ 14 ธันวาคม นายแขกขี่จักรยานยนต์ไปส่งนางรัศมีทำงานที่โรงแรมตามปกติ แต่พอช่วงเลิกงาน นายแขกไม่ได้ไปรับ ทำให้นางรัศมีกลับบ้านเอง กลางคืนนายแขกกลับมาที่บ้าน แต่ก็ไม่มีรถจักรยานยนต์กลับมาด้วย

จนช่วงเช้าวันที่ 15 ธันวาคม เพื่อนบ้านได้ยินเสียงทั้งคู่ทะเลาะกันและเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เพื่อนบ้านและญาติๆ จึงพากันมา แต่นายแขกเปิดผ้าม่าน ตะโกนบอกว่าไม่มีอะไร และนางรัศมีต้องการพักผ่อน จึงถอยกลับมา แล้วแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ

เมื่อเข้าไปในบ้านหลังดังกล่าว นายแขกไม่อยู่ในบ้านแล้ว จึงช่วยกันค้นหานางรัศมี ในที่สุดก็พบศพ โดยนายแขกใช้ฟูกที่นอนประกบร่างของ นางรัศมี แล้วใช้ฟูกขนาด 6 ฟุตทับอีกชั้น จากนั้นทีมสืบสวนจาก บช.ภาค 4 บก.จว.ขอนแก่น และ สภ.กระบวนก็ลงพื้นที่ตามภาพวงจรปิด เพื่อตามหานายแขกคนนี้ เพราะเชื่อว่าเป็นคนร้าย

เมื่อสืบสวนลึกเข้าก็พบความจริงที่น่าตระหนก เมื่อคนร้ายรายนี้ก็คือนายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่องที่ลงมือโหดมาแล้ว 5 ศพเมื่อปี 2548 และถูกศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต

แต่ในฐานะนักโทษชั้นดี ก็ได้ลดหย่อนโทษมาเป็นลำดับ จนติดคุกจริง 14 ปี พ้นคุกออกมาเมื่อกลางปีที่ผ่านมา

แล้วก่อเหตุสยองขึ้นมาอีก

น.ศ.ตาไว-แจ้งจับคาโบกี้รถไฟ

หลังทราบว่าคนร้ายคือฆาตกรต่อเนื่องชื่อดัง หรือที่ได้รับฉายาว่า “คิด เดอะ ริปเปอร์” อ้างอิงจากฆาตกรต่อเนื่องชื่อดังในประเทศอังกฤษ การปฏิบัติการไล่ล่าก็เกิดขึ้น

ซึ่งช่วงแรกหลังจากที่ข่าวปรากฏก็สร้างความแตกตื่นให้กับประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ

มีการแจ้งเบาะแสจากทั่วทุกสารทิศ แต่สุดท้ายเมื่อตรวจสอบแล้วก็กลายเป็นคนหน้าคล้ายนายสมคิดเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม การทำงานอย่างจริงจังและความช่วยเหลือจากสาธารณชนก็ส่งผล

โดยช่วงเช้าวันที่ 18 ธันวาคม นาย “เรย์” น.ศ.หนุ่มวัย 22 ปี ที่เดินทางจากสถานีรถไฟโคกกรวด จ.นครราชสีมา มุ่งหน้ามายัง กทม. พร้อมแฟนสาวก็พบเหตุการณ์ผิดสังเกต เมื่อแฟนสาวสังเกตเห็นชายต้องสงสัยสวมใส่หน้ากากอนามัย ใส่เสื้อกันหนาว นั่งอยู่ในรถไฟโบกี้ที่ 3 โดยสังเกตที่หัวคิ้วซ้าย มีรอยบากเหมือนรูปนายสมคิดในประกาศจับ

เมื่อเห็นชัดเจนมั่นใจว่าใช่นายสมคิดแน่ จึงโทรศัพท์หา ผกก.สภ.กระนวน เพื่อแจ้งเบาะแส จากนั้นแอบถ่ายคลิปสั้นๆ ระหว่างเดินจากโบกี้ที่ 2 ไปยังโบกี้ที่ 3 ให้ ผกก.ดูเพื่อยืนยันว่าใช่คนร้ายที่ตามหา โดย ผกก.สภ.กระนวนให้ช่วยจับตาดู เผื่อว่านายสมคิดจะลงรถที่สถานีอื่น

ขณะที่ ตร.เร่งระดมกำลังมาดักรอที่สถานีรถไฟปากช่อง เมื่อรถจอดก็แสดงตัวจับกุม โดยนายสมคิดยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ แล้วคุมตัวไปที่ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 จ.นครราชสีมา เพื่อสอบปากคำเบื้องต้น ก่อนส่งตัวไปดำเนินคดีที่ สภ.กระนวน

ทั้งนี้ จากการสอบสวน นายสมคิดให้การรับสารภาพว่าลงมือฆ่ารัดคอนางรัศมีจริง เพราะวันเกิดเหตุกลับบ้านดึก ทำให้ผู้ตายบ่นไม่หยุด เลยบันดาลโทสะลงมือฆ่า หลังจากอำพรางศพในฟูกที่นอนแล้วก็ขี่จักรยานยนต์ของผู้ตายหลบหนีไปเรื่อยๆ โดยไปนอนที่โรงแรมใน จ.มหาสารคาม 1 คืน แล้วขี่จักรยานยนต์มาจอดที่ลานจอดรถโรงพยาบาลบุรีรัมย์ แล้วนอนอีก 1 คืน

ก่อนที่จะเดินไปยังสถานีรถไฟบุรีรัมย์เพื่อซื้อตั๋วรถไฟ ขบวนรถ 234 ปลายทางสถานีรถไฟอยุธยา ซึ่งเคลื่อนออกจากต้นทางเวลา 06.07 น. ถึงปลายทาง จ.อยุธยา เวลา 12.38 น.

ซึ่งถือว่าเจ้าหน้าที่โชคดี เพราะรถไฟล่าช้าประมาณ 32 นาที ทำให้ระดมกำลังมาติดตามจับกุมได้ทันท่วงที จากนั้นคุมตัวส่งควบคุมตัวที่ สภ.กระนวน แล้วจะทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

ทั้งนี้ จากการสอบสวน นายสมคิดให้การว่าไม่กลัวตาย เพราะคนเราเกิดมาครั้งเดียวตายครั้งเดียว

ถือเป็นการปิดคดีได้อย่างรวดเร็ว

ย้อนรอยคดี “คิด เดอะ ริปเปอร์”

นายสมคิดกลายเป็นข่าวโด่งดังเมื่อปี 2548 เมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามจับกุมเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2548 หลังก่อเหตุฆ่าหมอนวดและนักร้องถึง 5 รายซ้อนในพื้นที่ภาคอีสาน เหนือ และภาคใต้

โดยคดีแรก เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2548 เหยื่อคือ น.ส.วารุณี พิมพะบุตร นักร้องคาเฟ่ ถูกมัดและกดน้ำเสียชีวิตในห้องพักโรงแรม ต.มุกดาหาร อ.เมือง จ.มุกดาหาร

ถัดมาเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2548 น.ส.ผ่องพรรณ ทรัพย์ชัย หมอนวดแผนโบราณ พบเป็นศพถูกบีบคอตายคาห้องพัก 604 โรงแรมแห่งหนึ่งใน ต.สวนดอก อ.เมือง จ.ลําปาง

เหยื่อรายที่ 3 คือ น.ส.พัชรีย์ อมตนิรันดร์ นักร้องคาเฟ่ ถูกรัดคอด้วยสายไฟสิ้นใจตายภายในห้องพัก 505 โรงแรม ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2548

รายที่ 4 คือ น.ส.พรตะวัน ปังคะบุตร หมอนวด ถูกกดน้ำตายในห้องพัก 1126 โรงแรม อ.เมือง จ.อุดรธานี วันที่ 18 มิถุนายน 2548

และศพที่ 5 คือ น.ส.สมปอง พิมพรภิรมย์ ท้องที่ จ.บุรีรัมย์ ในแมนชั่น อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2548 แม้จะลงมือต่างพื้นที่ แต่เป็นระยะเวลาที่ใกล้เคียงกันทั้งหมด

แต่ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ยังไม่คิดเลยว่าทั้งหมดจะมีความเชื่อมโยง

กุญแจที่สามารถคลี่คลายคดีได้ เนื่องจากในคดีที่ 5 ตํารวจได้หลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดระหว่างคนร้ายพาเหยื่อสาวมาเปิดห้องพัก เจ้าหน้าที่จึงส่งภาพกระจายไปหลายโรงพักและในจังหวัดต่างๆ

เมื่อตํารวจเจ้าของ 4 คดีแรกได้รับภาพจากกล้องวงจรปิดและข้อมูลการลงมือของฆาตกรที่ใกล้เคียงกับคดีของตัวเอง จึงนําภาพไปให้พยานในแต่ละคดีดู ทั้งหมดชี้ยืนยันว่าเป็นฆาตกรรายเดียวกัน แต่ใช้คนละชื่อในการเปิดห้องพัก!!?

ซึ่งก็คือนายสมคิด พุ่มพวง ที่เคยมาเป็นพยานเท็จในคดีฆ่าผู้ว่าฯ ยโสธรเมื่อปี 2544 จึงตามแกะรอยไปยังบ้านและสถานที่ต่างๆ ที่นายสมคิคเคยไปปรากฏตัว พร้อมตรวจหาทรัพย์สินของเหยื่อไปด้วย

กระทั่งวันที่ 29 มิถุนายน 2548 พบข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือของเหยื่อรายหนึ่ง ที่ถูกขโมยไปหลังโดนฆาตกรรม โทร.ออกจาก จ.ชัยภูมิ จึงตามจับกุมได้ถึงบ้านของภรรยาเก่านายสมคิด

สอบสวนนายสมคิดสารภาพ 4 คดี อ้างว่าลงมือสังหารเพราะโมโหที่เหยื่อทุกรายซึ่งซื้อบริการมาหลับนอนขอเพิ่มค่าตัวเลยฆ่าทิ้งให้หายแค้น แต่ปฏิเสธก่อคดีที่ 3 ที่ จ.ตรัง

ต่อมาอัยการสั่งฟ้องแยกเป็น 5 คดี ทุกคดีศาลสิ้นสุดที่ศาลฎีกาให้จำคุกตลอดชีวิต

จำคุกที่เรือนจำบางขวาง ต่อมาได้ย้ายไปจำคุกที่เรือนจำจังหวัดหนองคาย ก่อนถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2562 เนื่องจากมีความประพฤติดี เรียบร้อย เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม

ออกมาก่อคดีฆ่าศพที่ 6