เผยแพร่ |
---|
การนำเอารูปการเคลื่อนไหวในแบบ FLASH MOB มาเป็นอาวุธคือ ลักษณะรุกเร็ว ถอยเร็วทางการเมือง
นั่นก็คือ เลือกเจาะเข้าไปใน”จุดอ่อน”อันดำรงอยู่ใน”จุดแข็ง”
นั่นก็คือ อาศัย “ช่องว่าง” อันเป็น “รอยโหว่”ภายในพื้นที่อันใหญ่โตของเมืองหลวง
“เจาะ”เข้าไปแล้วสำแดง”ศักยภาพ”ให้ปรากฏ
เลือกรูปแบบที่มิได้เป็นการยึดครองพื้นที่อย่างยืดเยื้อและยาวนานโดยใช้ลักษณะความเป็น FLASH MOB มาเป็นเครื่องมือ
มาอย่างรวดเร็ว จากไปอย่างรวดเร็ว
ไม่จำเป็นต้องจัดตั้ง “เวที” ไม่จำเป็นต้องตระเตรียม “เครื่องเสียง” อย่างอลังการ
ประสานระหว่าง”สังสรรค์” กับ “การชุมนุม”
เด่นชัดอย่างยิ่งว่า รูปแบบและโครงสร้างของ FLASH MOB ท้าทายต่อกฎระเบียบที่มีอยู่อย่างเห็นได้ชัด
จำได้หรือไม่ว่าก่อนหน้านี้ “อำนาจรัฐ”มีอะไรอยู่ในมือ
ลองย้อนไปยังสถานการณ์ภายหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภา คม 2557
มีประกาศ คำสั่งคสช. มีคำสั่งหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44
แต่เมื่อผ่านเดือนเมษายน 2560 ก็มีรัฐธรรมนูญ นั่นหมายถึงสิทธิและเสรีภาพเริ่มได้รับการประกันโดยพื้นฐาน
แม้จะมีพรบ.การชุมนุมในที่สาธารณะ 2558
แต่พรบ.นี้ก็ต้องคำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพอันได้รับการรับรองผ่านหมวดว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ยิ่งเมื่อผ่านการเลือกตั้งอำ นาจตามมาตรา 44 ก็หมดไป
รูปการเคลื่อนไหวในแบบ FLASH MOB จึงปรากฏ
ถามว่านอกเหนือจากการเคลื่อนไหวที่เห็น ณ สกายวอล์ก ปทุมวัน ซึ่งใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงแล้ว ยังมีการเคลื่อนไหวอื่นๆดำรงอยู่หรือไม่
คำตอบสัมผัสได้จากบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล
ไม่ว่าชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเขื่อน ไม่ว่าชาวบ้านที่มีปัญหา หนี้สิน ไม่ว่าชาวประมงล้วนอยู่ครบถ้วน
เรียกร้องต้องการการช่วยเหลือ ปรารถนาจะพบนายกรัฐมนตรี
ชาวบ้านเหล่านั้นล้วนอาศัยความคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในการต่อสู้เรียกร้องจากที่รัฐธรรมนูญบัญญัติเอาไว้
นี่เป็นการชุมนุม มิได้เป็นการสังสรรค์ในทางการเมือง