E-DUANG : รัฐบาล ประยุทธ์ พลังประชารัฐ กับกลิ่น “อนาธิปไตย”การเมือง

ในห้วงแห่ง “การเปลี่ยนผ่าน” ไม่ว่าในเรื่องของเทคโนโลยี ไม่ว่าในเรื่องของเศรษฐกิจ ไม่ว่าในเรื่องของการเมือง ไม่ว่าในเรื่องของวัฒน ธรรม ลักษณะ”อนาธิปไตย”ก็จะปรากฎ

ขอให้ศึกษาจากกรณีที่ดินกว่า 1,700 ไร่ ที่เขาสน จอมบึง ราชบุรี

ก็จะสัมผัสได้ในกลิ่นแห่ง”อนาธิปไตย”

ขอให้ศึกษาจากกรณีญัตติด่วนจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษา ทบทวน ผลกระทบ ประกาศ คำสั่งคสช.และคำสั่งหัวหน้าคสช. ตามมาตรา 44

ขอให้ศึกษาจากกรณีที่กกต.มีคำวินิจฉัยกรณีพรรคอนาคตใหม่กู้เงินจำนวนกว่า 191 ล้านบาท จาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่

ก็จะสัมผัสได้ในกลิ่นแห่ง”อนาธิปไตย”

 

กรณีญัตติด่วนอันเกี่ยวกับคสช.และมาตรา 44 เราได้เห็นความปั่นป่วนอันเกิดขึ้นและดำรงอยู่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร

ไม่เพียงแต่สภาจะ”ล่ม” ติดต่อกัน 2 ครั้ง

หากที่สำคัญเป็นอย่างมากก็คือการเกิดขึ้นของ 10 งูเห่าจากพรรคเพื่อไทย 3 พรรคอนาคตใหม่ 2 พรรคเศรษฐกิจใหม่ 4 พรรคประ ชาชาติ 1

ยิ่งกรณีอันเกี่ยวกับที่ดินกว่า 1,700 ไร่ ยิ่งทำให้เห็นลักษณะสอง มาตรฐานในการบังคับใช้กฎหมาย

ที่เป็นชาวบ้านอย่างหนึ่ง ที่เป็นคนของรัฐบาลอีกอย่างหนึ่ง

พลันที่มีคำวินิจฉัยจากกกต.ในเรื่องเงินกู้ 19 กว่าล้านบาทและมีบทสรุปถึงขั้นเสนอให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ ก็นำไปสู่การตั้งข้อสงสัยต่อ บรรทัดฐานขององค์กรอิสระ

สงสัยว่าทำตาม”ใบสั่ง”ทางการเมืองหรือไม่

 

ความสงสัยในบรรทัดฐานขององค์กรอิสระ ความรู้สึก”ร่วม”ในเรื่องสองมาตรฐานนั่นแหละ คือ รากที่มาของการไม่ยอมรับต่อองค์กรอิสระ ไม่ยอมรับต่อรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค

การไม่ยอมรับอาจจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นและยังไม่ขยายตัวรุนแรงถึงขั้นแข็งขืน

แข็งขืนกระทั่งนำไปสู่กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย

นั่นก็คือ เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่สามารถนำกฎหมายมาบริหารจัดการ นั่นก็คือ ชาวบ้านเริ่มไม่ยอมรับอย่างเป็นรูปธรรม

คนแล้วคนเล่า หมู่บ้านแล้วหมู่บ้านเล่า