ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 4 - 10 ตุลาคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
สุรินทร์ได้ชื่อจากนามเจ้าเมืองว่า “สุรินทรภักดี” หมายถึง ซื่อตรงต่อพระเจ้าแผ่นดิน [สุรินทร์ แปลว่า พระอินทร์ หมายถึง พระเจ้าแผ่นดิน]
จ.สุรินทร์ มีความเป็นมาโดยสรุปสั้นๆ ง่ายๆ ดังนี้
1.ชุมชนเกษตรกรรมสมัยแรกเริ่ม
บริเวณสุรินทร์เป็นชุมชนเกษตรกรรมสมัยแรกเริ่ม 3,000 ปีมาแล้ว หรือราว 500 ปีก่อนพุทธศักราช
พบหลักฐานจำนวนมากของคนหลายเผ่าพันธุ์กระจัดกระจายทั่วไปตลอดลุ่มน้ำมูล และเลียบทิวเขาพนมดงรัก นับถือศาสนาผี
คนหลายเผ่าพันธุ์เหล่านั้น มีกวย (กุย) เป็นกลุ่มสำคัญที่สืบเนื่องจนทุกวันนี้
2.ชุมชนเมืองน้อยสมัยการค้าโลกเริ่มแรก
บริเวณสุรินทร์เป็นชุมชนเมืองน้อย ซึ่งเป็นเครือข่ายรัฐใหญ่สมัยการค้าโลกเริ่มแรก ราว 1,500 ปีมาแล้ว หรือหลัง พ.ศ.1000 [เคยเรียกสมัยวัฒนธรรมทวารวดี หรือวัฒนธรรมเจนละ]
พบคูน้ำคันดินรูปคล้ายกลมไม่สม่ำเสมอ ล้อมรอบบริเวณศักดิ์สิทธิ์
ส่วนชุมชนคนทั่วไปอยู่เป็นกลุ่มกระจัดกระจายภายนอกคูน้ำคันดิน และมีเครือข่ายทั่วไป โดยไม่พบหลักฐานว่าชื่อเมืองอะไร? นับถือศาสนาผีปนศาสนาพราหมณ์และพุทธ
เติบโตจากการค้าภายใน เป็นเครือข่ายรัฐพิมาย (วงศ์มหิธร) และรัฐเจนละ (วงศ์จิตรเสน)
3.เมืองใหญ่สมัยการค้าสำเภาจีน
บริเวณสุรินทร์เป็นเมืองใหญ่สมัยการค้าสำเภาจีน ราว 1,000 ปีมาแล้ว หรือหลัง พ.ศ.1500 [เคยเรียกสมัยวัฒนธรรมขอม]
พบคูน้ำคันดินรูปสี่เหลี่ยมครอบคูน้ำคันดินรูปคล้ายกลมไม่สม่ำเสมอ (ที่มีมาก่อน) โดยไม่พบหลักฐานว่าเมืองชื่ออะไร? และพบปราสาทขนาดต่างๆ จำนวนมากเป็นศูนย์กลางชุมชนกระจายอยู่ที่ต่างๆ แสดงความมั่งคั่งและจำนวนประชากรคับคั่ง
ชุมชนบ้านเมืองเหล่านั้นเติบโตและมั่งคั่งจากการค้า ซึ่งเป็นเครือข่ายเมืองพิมาย (จ.นครราชสีมา) และรัฐใหญ่แถบโตนเลสาบในกัมพูชา ที่มีการค้าขายกับจีนแต่งสำเภามาถึงอ่าวไทย ทำให้มีชุมชนบ้านเมืองน้อยใหญ่กระจายทั่วไปกว้างขวางมาก จึงพบซากปราสาทนับไม่ถ้วน นับถือศาสนาผีปนศาสนาพราหมณ์
4.เมืองเครือข่ายของรัฐอยุธยา
บริเวณสุรินทร์ (ยังไม่ชื่อสุรินทร์) เป็นเมืองเครือข่ายของเมืองนครราชสีมา สังกัดรัฐอยุธยา ราว 500 ปีมาแล้ว หรือหลัง พ.ศ.2000 [เคยเรียกสมัยอยุธยา]
ภาษาไทย อักษรไทย แพร่หลายเป็นหลักของรัฐอยุธยา คนในรัฐอยุธยาเรียกตนเองว่าไทยเป็นครั้งแรก
กวย (กุย) เป็นพ่อค้าขนสินค้าไปขายในตลาดอยุธยา มีฐานะทางสังคมอยู่ร่วมกับพ่อค้านานาชาติ ได้แก่ แขก, ฝรั่ง, แกว ฯลฯ
สมัยนี้คนสุรินทร์ซึ่งพูดภาษาเขมร เป็นกวยและอื่นๆ แต่รู้จักและเริ่มใช้ภาษาไทย เป็นภาษากลางทางการค้ากับคนหลายกลุ่มในเมืองเครือข่ายรัฐอยุธยา นับถือศาสนาผีปนศาสนาพุทธและพราหมณ์
5.เมืองสุรินทร์
เมืองสุรินทร์มีชื่อครั้งแรกตามชื่อเจ้าเมืองว่า “สุรินทรภักดี” (หมายถึงซื่อตรงต่อพระเจ้าแผ่นดิน) ราว 200 ปีมาแล้ว หรือหลัง พ.ศ.2300 [เคยเรียกสมัยปลายอยุธยา, สมัยกรุงธนบุรี, สมัยรัตนโกสินทร์]
วีรบุรุษในตำนาน (เชียงปุม, ตากะจะ, เชียงฆะ, เชียงขัน, เชียงสี, เชียงไชย) เป็นคำบอกเล่าการโยกย้ายของคนพูดภาษาตระกูลมอญ-เขมร กับกลุ่มพูดภาษามลายู บริเวณเมืองโคตรบองกับเมืองเรอแดว์ ทางฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง เข้าไปตั้งหลักแหล่งทางลุ่มน้ำชีและมูล แล้วอยู่ร่วมกับคนดั้งเดิม ซึ่งทั้งหมดจะถูกเรียกอย่างรวมๆ ต่อไปข้างหน้าว่า “ส่วย” มีเหตุจากถูกเกณฑ์ส่วย แล้วต้องส่งส่วยเข้ากรุงเทพฯ
[ส่วย หมายถึงสิ่งของที่รัฐเก็บจากราษฎรแทนแรงงาน หรือเก็บจากประเทศราช แต่ในที่นี้หมายถึงขี้ข้า]
ภาษาไทย และอักษรไทย ใช้เป็นทางการในวงแคบๆ ของเมืองสุรินทร์
คนทั่วไปพูดภาษาเขมรท้องถิ่น เรียกภาษากวย (ต่อมาเรียกภาษาส่วย)
คนสุรินทร์ ถูกทำให้เป็นคนไทย เมื่อเปลี่ยนชื่อประเทศสยาม เป็นประเทศไทย ราว 80 ปีมาแล้ว หรือ พ.ศ.2482