E-DUANG : ร่างพรบ.ควบคุมสื่อ “ถอย”ในทาง”ยุทธวิธี”

ต้องยอมรับว่า กลยุทธ์ “คสช.” ต่อกรณี”ร่างพรบ.ควบคุมสื่อ”เป็นไปอย่างแพรวพราว

ทั้ง “เอาจริง” ทั้ง “หลอกล่อ”

จะเข้าใจการยุทธ์ครั้งนี้ได้จะมองอย่างแยกส่วนเป็นท่อนๆไม่ได้ จำเป็นต้องมองอย่างเห็นภาพทั้งหมด

นั่นก็คือ มองในลักษณะ”องค์รวม”

ต้องยอมรับว่า “ท่าที” ที่แสดงออกไม่ว่าจะใน “กรรมาธิการ” ไม่ว่าใน “รัฐบาล”

มากด้วย “ความมั่นใจ”

เป็นความมั่นใจว่าจะสามารถ “ผลักดัน” และ “ขับเคลื่อน”ใน เรื่องนี้ได้

จึงไม่ยอมลดรา วาศอก

แต่เมื่อเห็นท่าทีจาก “30 องค์กรสื่อ” ผนึกตัว รวมพลังอย่างดุเดือด เข้มข้น

ก็บังเกิดอาการงัน และจำเป็นต้องชะงัก

เหมือนกับจะ “ยอม” แต่เป็นการยอมในทาง “ยุทธวิธี”

 

ขอให้ดู “บุคคล” ที่ได้รับการผลักดันจาก “สปท.” ให้ออกมารับ

“หน้าเสื่อ”ในเรื่องนี้

แรกทีเดียวเป็น นางประภา ศรีนวลนัด เหตระกูล

ต่อมาก็เป็น นายอลงกรณ์ พลบุตร และ นายคำนูณ สิทธิสมาน

พล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร หลบออกไป

ไม่ว่า นายคำนูณ สิทธิสมาน ไม่ว่า นายอลงกรณ์ พลบุตร ไม่ว่า นางประภา ศรีนวลนัด เหตระกูล

ล้วนได้ชื่อว่าอยู่ในแวดวง “สื่อ”

ทั้งหมดนี้เสมอเป็นเพียงการเปลี่ยนตัว “คนเล่น” เมื่อ พล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร ไม่เหมาะสม เมื่อ นางประภา ศรีนวลนัด เหตระกูล

ก็เอา นายอลงกรณ์ พลบุตร นายคำนูณ สิทธิสมาน ออกมา

 

หากสรุปตามสำนวนกำลังภายในก็ต้องว่า “ลูกผู้ชาย ยืดได้ หดได้” จำเป็นต้องแปรเปลี่ยน “กลยุทธ์” ไปตาม “สภาพ”

แมกไม้ยังมีจะกลัวไยกับฟืนไฟ

เมื่อ “สถานการณ์”ขณะนี้ไม่เหมาะที่จะ “รุก” ก็จำเป็นต้อง”ถอย”

เท่ากับเป็นการ “ถอย”ในทาง “ยุทธวิธี”

หากไปถาม พล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร หากไปถาม พล.ต.ต.พิศิษฐ์ เปาอินทร์ ว่ายัง คิดอยู่หรือไม่

แน่นอน ยังคิดอยู่ไม่แปรเปลี่ยน

เพียงแต่เมื่อประสบเข้ากับปัจจัย”ความโปร่งใส” ปัจจัย”ฟรีดอม เฮาส์”

ก็ต้องคิดในเรื่อง “ถอย” เพื่อลดทอน “กระแส”

เรียกตามสำนวนของทหาร เป็นเพียงการถอยในทางยุทธวิธี ขณะที่ยังดำรงจุดมุ่งหมายในทางยุทธศาสตร์อยู่

เมื่อ”สถานการณ์”อำนวยก็พร้อมจะ”รุก”ต่อ