ผมหลงรัก “เรไร” มานานแล้วครับ จากชายที่ชื่อ “หนุ่มเมืองจันท์”

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC
Facebook : เรไรรายวัน

ผมหลงรัก “เรไร” มานานแล้วครับ

“เรไร” เป็นลูกสาวของพี่ประชา สุวีรานนท์ สุดยอดนักออกแบบปกหนังสือคนหนึ่งของเมืองไทย

คุณพ่อและคุณแม่ให้ “เรไร” หัดเขียนบันทึกประจำวันตั้งแต่อายุ 6 ขวบ

และนำบันทึกของเด็กน้อยมาลงในเฟซบุ๊ก

ตั้งชื่อว่า “เรไรรายวัน”

เฟซบุ๊กของเด็กน้อยคนนี้ได้รับความนิยมสูงมาก ยอดแฟนเพจสูงถึงเกือบสองแสนคนภายในเวลา 1 ปี

จากนั้นคุณพ่อและคุณแม่ก็นำบันทึกของ “เรไร” มาพิมพ์เป็นหนังสือ

ตั้งชื่อว่า “เรไรรายวัน”

ตอนนี้เป็นเล่มที่ 2 แล้ว

บันทึกของ “เรไร” น่ารักมาก

น่ารักขนาดไหน

ลองอ่านดูครับ

Facebook : เรไรรายวัน

“พรุ่งนี้ฉันจะได้ไปเจอแพนด้าที่เชียงใหม่แล้ว ฉันตื่นเต้น

แต่ฉันไม่ได้นับวันเหมือนครั้งก่อนว่าจะได้ไปหรือยัง

ฉันชอบนับวันถอยหลัง 10 9 8 7 6 5 4 3 2 1 แล้วก็ 0 เพราะฉันจะนึกถึงตอนปล่อยจรวดขึ้นฟ้าในการ์ตูน

พอจรวดพุ่ง ทุกคนก็ไชโย

เวลาจะไปเที่ยวพอนับถึงเลขศูนย์

ฉันจะร้องเย้

แล้วรีบเข้านอน”

 

น่ารักไหมครับ

ข้อเขียนในเล่มของ “เรไร” จะเขียนติดต่อกันแบบไม่เว้นบรรทัด

แต่พอเข้ามาอยู่ในคอลัมน์นี้

ไม่รู้เป็นอย่างไร

ย่อหน้าเยอะจัง

แฮ่ม…

Facebook : เรไรรายวัน

หรืออย่างตอนไปงานเปิดตัวหนังสือ “เรไรรายวัน” เล่มแรก

“จุ้ย” ศุ บุญเลี้ยง เป็นพิธีกรสัมภาษณ์ “เรไร”

เขาชอบอ่านเรื่องของ “เรไร” มาก

ถือเป็น “แฟนคลับ” คนหนึ่ง

บันทึกของ “เรไร” วันนั้นก็น่ารักและคมคายมาก

 

“ฉันว่าวันนี้ฉันพูดคำว่าไม่รู้มากที่สุด ตั้งแต่ฉันเล็กๆ จนโต

ฉันไม่รู้ว่าทำไมต้องพูดไม่รู้เยอะจัง

ลุงจุ้ยถามอะไรฉันก็ตอบแต่ไม่รู้

คนฟังก็เลยต้องฟังแต่คำว่าไม่รู้

จริงๆ คำถามของลุงจุ้ยง่ายมากใครๆ ก็ตอบได้

พอฉันตอบไม่รู้

คนฟังต้องไปหาคำตอบเอาเอง”

 

คมไหมครับ

ตอบเหมือน “นักเขียน” รุ่นใหญ่เลย

เขาจะไม่ตอบว่าทำไมถึงเขียนแบบนี้ เขียนแบบนี้หมายความว่าอย่างไร

เพราะเขาถือว่าเมื่อเขียนแล้ว

งานเขียนเป็นสาธารณะ

คนอ่านจะตีความอย่างไรก็ได้ เป็นสิทธิ์ของผู้อ่าน

หรืออีกเรื่องหนึ่ง

Facebook : เรไรรายวัน

“ฉันไม่ได้เล่นกับน้อง 2 วัน เพราะฉันไปงานหนังสือ

น้องสายลมฟันกรามขึ้นแล้ว ฉันคิดว่าน้องโตเร็วจัง

น้องเหมือนต้นไม้ที่ยายใส่ปุ๋ย มันงอกเร็วกว่าต้นที่ไม่ใส่ปุ๋ย

แต่ปุ๋ยของน้องคือข้าว

น้องกินข้าวเก่ง พอกินหมดจาน น้องก็ร้องยังไม่อิ่ม ยายต้องเติมให้ใหม่ทุกวัน

ฉันต้องมางานอีกหลายวัน

น้องคงมีฟันเต็มปาก”

 

555

คิดได้อย่างไร

“จินตนาการ” แบบนี้ เหนือความคาดหมายของผู้ใหญ่จริงๆ ครับ

 

ความคมคายของ “เรไรรายวัน” ทำให้หลายคนสงสัยว่า “เรไร” เขียนเองหรือเปล่า

“เรไรรายวัน” เล่ม 2 มี “คำตอบ” ครับ

คุณแม่ของ “เรไร” มาเล่าให้ฟังว่าเธอสอนให้ “เรไร” เขียนบันทึกอย่างไร

ตั้งแต่การ “บันทึกด้วยปาก” คือให้ลูกเล่าเรื่องให้ฟัง

จนถึงการเริ่มต้นเขียนประโยคแรก

เทคนิคการเขียน 10 คำสำคัญ

อ่านจบแล้วเข้าใจได้เลยว่าทำไมข้อเขียนของ “เรไร” จึงคมคายขึ้นเรื่อยๆ

อย่าง 2 เรื่องนี้ที่ผมชอบมาก

 

เรื่องหนึ่ง แสดงถึงมุมมองที่คมคาย แต่ยังรักษาความบริสุทธิ์ของความเป็นเด็ก

 

“การนอนหลับทำให้ “ระยะเวลา” กับ “ระยะทาง” สั้นลง

มันทำให้สิ่งที่ฉันรอคอยมาหาฉันได้เร็วขึ้น

ฉันหลับตั้งแต่เครื่องบินยังไม่ออก ฉันตื่นเองตอนเครื่องกำลังจะถึงพื้น ฉันเลยรู้สึกว่าเชียงใหม่ใกล้นิดเดียว

ใกล้กว่าตอนแม่ขับรถพาฉันไประยองซะอีก

ฉันรู้ว่าความจริงแล้วเชียงใหม่ไกลกว่ามาก แต่พอนอนหลับตอนเดินทาง ฉันเลยไม่ได้เห็นวิวสวยๆ

และอดกินขนมที่มีแจกบนเครื่องบิน”

 

หรือเรื่องนี้ ที่เด็กน้อยสงสัยในสิ่งที่ “ผู้ใหญ่” คิดไม่ถึง

 

“ฉันเพิ่งรู้วันนี้ว่าขนมครกเป็นขนมแห่งความรัก

ฉันอ่านในนิทาน ตำนานขนมครก

กะทิกับแป้งรักกันแต่ผู้ใหญ่บ้าน พ่อของแป้งไม่ชอบกะทิ

อยู่มาวันหนึ่งผู้ใหญ่บ้านบอกให้ขุดหลุมดักกะทิ โชคดีที่แป้งแอบฟังเลยรีบวิ่งไปบอกกะทิ แต่ก็ตกหลุมไปเอง

กะทิโดดไปช่วย

คนของผู้ใหญ่บ้านเอาดินมาโปะ

เขาไม่รู้ว่าแป้งก็อยู่ด้วยกันเลยตายทั้งคู่

คนก็เลยทำขนมครกที่ใส่แป้งกับกะทิเพราะคิดถึงที่รักกัน

ฉันชอบกินขนมครก ฉันถามแม่ว่าทำไมเรื่องนี้ไม่มีข้าวโพด ต้นหอมแล้วก็เผือกเลย

รูปในนิทาน ขนมครกที่วาด ฉันก็เห็นใส่ต้นหอมด้วย”

 

อ่านจบ ผมอยากแต่งนิทานเรื่องนี้ต่อเลย

แน่นอน ผมจะเพิ่มตัวละคร “ข้าวโพด-ต้นหอม” และ “เผือก” ครับ

หรืออีกเรื่องหนึ่ง ไม่ได้คมคาย แต่ใสมาก

Facebook : เรไรรายวัน

“ฉันรู้สึกว่ามีคนส่งความรักให้กันบนรถเมื่อเช้า

คนนั้นก็คือ ยายกับตา

ยายร้องว่าลมเอยเจ้าหอบรักมาให้ใคร จงพัดกลับไป ข้าไม่ต้องการ

ฉันจำได้แค่นี้ ยายร้องเพราะ เสียงใสเหมือนสาวๆ เหมือนฉันกำลังฟังวิทยุ ไม่ใช่ยายร้อง

ตาก็ชมว่าร้องเก่งนะเนี่ย พอยายจำเพลงไม่ได้ก็ร้องกลับไปกลับมา ยายขำตัวเอง

เสียงยายหัวเราะไม่สาวเหมือนตอนยายร้องเพลง”

 

อ่านแล้วยิ้มเลย

ตอนที่ผมอ่าน “เรไรรายวัน” จบ

รู้สึก 2 อย่าง

เรื่องแรก อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง

อยากได้ “มุมมอง” แบบนี้กลับมา

เรื่องที่สอง หนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นตำรา “ความคิดสร้างสรรค์” ที่ “ผู้ใหญ่” ควรอ่าน

เพราะไร้กรอบ และเต็มไปด้วยจินตนาการ

น่ารักจริงๆ ครับ