ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต/ยิงยาว ‘ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่’ ‘อีโคคาร์’ ขับสนุก-แรงเกินตัว

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]

 

ยิงยาว ‘ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่’

‘อีโคคาร์’ ขับสนุก-แรงเกินตัว

 

ช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีภารกิจต้องไป จ.อุทัยธานี อีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้เพิ่งไปมาได้ไม่นาน

ด้วยการเดินทางระดับ 200 กว่ากิโลเมตร ทำให้ตัดสินใจนำรถไปทดสอบด้วย

ครั้งที่แล้วได้รถเล็กสุดจี๊ดอย่าง “มินิ” ทริปนี้ได้รถเล็กเหมือนกันแต่เป็นอีโคคาร์ 5 ประตู “ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่”

ตอนแรกยังกังวลอยู่ว่าความแรงของเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร ไม่น่าจะพอให้ผมใช้ความเร็วสูงเพื่อทำเวลา

บวกกับงานที่ต้องไปนั้นอยู่ในตอนบ่าย หากออกเช้าเกินไปก็ตื่นไม่ไหว เนื่องจากเลิกงานดึกถึงดึกมาก

แต่ครั้นจะออกสายก็กลัวจะไปไม่ทัน จึงตัดสินใจเดินทางตอนกลางคืนก่อนงาน 1 วัน

รุ่นที่ได้เป็นตัวท็อป “GLX-Navi”

 

มาดูรูปร่างหน้าตาพอสังเขปกันก่อน เพราะคงเห็นกันบ่อยบนถนน เนื่องจากเป็นรถเล็กยอดนิยมรุ่นหนึ่งของคนไทย

รุ่นนี้ผมชอบมากกว่ารุ่นเก่า เพราะดูลงตัวและบึกบึนขึ้น แถมให้อารมณ์สปอร์ตมากกว่า

กระจังหน้าสองชั้น ชั้นบนแบบรังผึ้ง มีโลโก้อักษร “S” ขนาดใหญ่ ตัดตรงกลางด้วยเส้นสีแดง กันชนหน้าติดตั้งไฟตัดหมอก

ไฟหน้า LED โปรเจ็กเตอร์ ปรับระดับสูงต่ำได้ พร้อมไฟ Daytime Running Light เป็นเส้นคาดอยู่กับขอบโคมไฟหน้า

ไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ไฟเป็นรูปตัว “C” ดูได้อารมณ์รถยุโรป ตรงกลางเป็นไฟถอยแบบใส

ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว

มือจับประตูด้านหลังขยับขึ้นไปอยู่ด้านบนใช้สีดำให้กลืนไปกับตัวรถ ทำให้มองผาดๆ เหมือนรถ 3 ประตู

ด้านในเน้นโทนดำตัดด้วยขอบสีเงินหลายๆ จุด เพื่อไม่ให้หมุนเกินไป

พวงมาลัย 3 ก้านท้ายตัดทรงสปอร์ตพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น และระบบควบคุมความเร็วที่ใช้งานง่าย

มาตรวัดสไตล์สปอร์ต 2 วงกลม ตัดขอบด้วยสีแดง ตรงกลางเป็นจอข้อมูลขับขี่แบบ LCD เหนือขอบด้านบนมีไฟเป็นเส้นสีแดงโชว์ไว้ด้วย

ตรงกลางเป็นจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่มี Suzuki Smart Connect เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ผ่านบลูทูธ หรือแม้แต่จะใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ผ่าน Apple CarPlay

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแสดงผลผ่านจอแอลซีดีแบบวงกลม

มีช่องใส่แก้ว-ขวดน้ำและของจุกจิกรวม 7 ตำแหน่ง

 

ขุมพลังบล็อกใหม่แบบ K12M DUALJET ความจุ 1,197 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 83 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตัน–เมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ CVT

ส่วนความปลอดภัยถือว่าใส่มาให้เยอะพอสมควร ใช้แพลตฟอร์ม HEARTECT และโครงสร้างตัวถัง TECT น้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งมากขึ้น ช่วยเรื่องความเสถียรของตัวรถ ทั้งบนย่านความเร็วสูง เข้าโค้ง หรือเปลี่ยนเลนอย่างรวดเร็วแล้ว

ถุงลมนิรภัย 6 ลูก ระบบป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ EBD ระบบควบคุมเสถียรภาพ การทรงตัว ESP และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS

ทีเด็ดไม่พ้นดิสก์เบรก 4 ล้อ ถือได้ว่าเป็นอีโคคาร์คันแรกที่ติดตั้งมาให้ขนาดนี้

กุญแจรีโมตแบบดับเบิลล็อก เมื่อกดปลดล็อกครั้งแรกจะคลายล็อกเฉพาะประตูด้านคนขับ แต่ถ้าต้องการคลายล็อกทั้งหมดต้องกดเบิล 2 ครั้ง

ถือว่าเป็นระบบที่ปลอดภัยมากขึ้นโดยเฉพาะคุณผู้หญิง ที่เคยมีข่าวว่าพอปลดล็อกรถแล้วมีมิจฉาชีพเปิดประตูเข้าไปนั่งคู่ หรือเข้าทางประตูผู้โดยสารด้านหลัง

ทำให้หากมาเพียงลำพังก็กดรีโมตทีเดียว ประตูจะคลายล็อกเฉพาะประตูคนขับเท่านั้น

หากใครไม่อยากควักรีโมตออกจากกระเป๋า สามารถล็อก-ปลดล็อกที่ปุ่มบริเวณมือจับประตูทั้ง 2 บานด้านหน้าได้

 

ถึงเวลาเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ราวๆ 5 ทุ่ม เข้าไปนั่งภายในเบาะโอบกระชับดี หัวเกียร์เหมาะมือ พวงมาลัยวงกำลังดี ทั้งเป็นแบบท้ายตัดทำให้เพิ่มพื้นที่เหนือหน้าตักได้อีกหน่อย

ภายในดูไม่คับแคบอย่างที่คิด อาจจะมีด้านหลังที่เล็กไปสักหน่อย ต้องขยับเบาะหน้าเลื่อนขึ้นมาหากอยากนั่งสบายขึ้น

ที่เก็บของด้านหลังพอใช้กระเป๋าเดินทางขนาดกลางได้ 2-3 ใบ หากต้องการพื้นที่มากกว่านั้นต้องพับเบาะหลังลง

ปุ่มสตาร์ตกดเบาๆ เครื่องคำรามขึ้นเล็กๆ อันดับแรกตามนิสัยคือปิดระบบตัดเครื่องยนต์ ที่จะดับเครื่องเมื่อรถหยุดนิ่ง ซึ่งผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่

ใช้เส้นวิภาวดีตั้งใจว่าจะยิงยาวแล้วไปเลี้ยวเข้า จ.พระนครศรีอยุธยา แต่ที่ไหนได้ ถึงแยกหลักสี่ เจอรถติดซะอย่างนั้น

เลยเลี้ยวเข้าแจ้งวัฒนะไปขึ้นทางด่วนดีกว่า

กลางดึกแบบนี้ รถน้อยๆ เลยลองทำความเร็ว จัดไป 130-140 กิโลเมตร/ชั่วโมง แบบไม่ต้องลุ้นมากนัก

แต่เสียงลม-เสียงเครื่องยนต์เข้ามาอื้ออึงพอสมควร ต้องเพิ่มเสียงวิทยุแบบบิลต์อิน ซึ่งเชื่อมกับไอโฟนได้ ฟังเพลงเพลินๆ กันไป พอกลบเสียงไปได้บ้าง

อย่างไรก็ตาม ผมไม่ถือว่าเป็นจุดด้อยนะครับ เพราะความเร็วระดับ 100-110 กิโลเมตร/ชั่วโมง เสียงลมเข้ามาไม่มากนัก

ทว่า ด้วยเป็นการขับทดสอบจึงต้องจัดหนักแบบไม่เหมาะกับการขับทั่วไป เพราะต้องการรู้สมรรถนะว่ารถเล็กๆ แบบนี้ไปต่างจังหวัดไกลๆ ได้ดีขนาดไหน

ระบบเกียร์ CVT ทำงานได้ราบเรียบดี ไม่มีกระตุกให้เสียอารมณ์

 

ไฟหน้าสว่างไสวได้ทัศนวิสัยดีทีเดียว ส่วนตอนกลางวันถือว่ามุมมองโล่งพอสมควร

จะติดอยู่นิดตรงที่ให้ไฟในห้องโดยสารมาจุดเดียวที่ด้านหน้า ทำให้เวลากลางคืนหากจะหาของที่เบาะหลังต้องควานกันลำบากหน่อย

ย่านความเร็วตีนต้นถือว่าทำได้พอประมาณ แต่ความเร็วกลาง-ปลาย และการเร่งแซงหากดูจากกำลังเครื่องยนต์ที่ 83 แรงม้า ต้องถือว่าแรงเกินตัว

เพราะทริปนี้เจอถนนหลากหลายแบบ ทั้งซูเปอร์ไฮเวย์ ถนนเล็กๆ 2 เลนสวนที่มีสารพัดโค้ง จะกดคันเร่งคิกดาวน์ หรือปุ่มโหมด “สปอร์ต” ที่หัวเกียร์ รถพุ่งวาบไปแบบไม่ต้องลุ้น

ช่วงล่างต้องถือว่าเซ็ตมาได้ดีพอสมควร ด้านหน้า แบบแม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมคอยล์สปริง ด้านหลัง ทอร์ชั่นบีม พร้อมคอยล์สปริง

จะเข้าโค้งแรงหน่อย หรือกระชากแซง ไม่รู้สึกหวาดเสียว ตัวรถนิ่งใช้ได้

ส่วนช่วงขับอยู่ในกรุงเทพฯ ใช้ความเร็วแบบทั่วไป 80-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง มันช่าง “ชิล” ดีเหลือเกิน แถมตอนแวะเข้าห้างนี่ยิ่งสบายใจเวลาถอยจอดง่ายจริงๆ เพราะขนาดตัวถังที่เล็ก แถมเป็นแบบท้ายตัด ทำให้กะระยะได้ง่ายขึ้น

“ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่” ถือเป็นอีโคคาร์อีกรุ่นที่ขับสนุก และอัตราเร่งแรงเกินตัวจริงๆ ไปต่างจังหวัดจะเท้าหนักหน่อยก็ได้อยู่ เพราะช่วงขาไป-กลับ ผมจัดหนักพอสมควร ซึ่งรถคันนี้รับมือได้สบาย

จัดไปกับรุ่นท็อปที่ราคา 629,000 บาท

ส่วนอีก 3 รุ่นรองลงมา ราคาเริ่มต้น 499,000-609,000 บาท