ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 9 - 15 สิงหาคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | โล่เงิน |
เผยแพร่ |
“วางเพลิง-ระเบิด” ป่วนเมือง สั่นสะเทือนรัฐบาล “บิ๊กตู่” วัดประสิทธิภาพ 5 ปี “ท็อปบู๊ต”
เหตุการณ์ตั้งแต่เช้าวันที่ 2 สิงหาคม ทำให้ประเทศไทยถดถอยไปอีก ถือเป็นเหตุอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในวงกว้าง
ท่ามกลางสายตาของแขกบ้านแขกเมืองที่มาร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน สั่นสะเทือนถึงหุ้นติดลบ 20 จุด
สัญญาณความวุ่นวายเกิดขึ้นตั้งแต่เวลา 15.40 น. วันที่ 1 สิงหาคม บริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ถนนพระราม 1 พื้นที่ สน.ปทุมวัน มีชาย 2 คนวางระเบิด 2 ลูก แต่สามารถปฏิบัติการเก็บกู้ได้
เช้าวันที่ 2 สิงหาคม ตั้งแต่เวลา 06.09 น. ระเบิด 1 ลูก บริเวณทางเข้าศูนย์ราชการอาคาร B พื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง ไม่มีผู้บาดเจ็บ
เวลา 08.43 น. เสียงดังสนั่นอีกบริเวณทางออกศูนย์ราชการอาคาร B พื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง ไม่มีผู้บาดเจ็บ
เวลา 09.09 น. บริเวณหน้า บก.กองทัพไทย พื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง เสียงระเบิดดัง ไม่มีผู้บาดเจ็บ
เวลา 11.00 น. อีก 1 ลูก บริเวณใกล้ บก.กองทัพไทย พื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง เก็บกู้ได้ 1 ลูก
โดยทั้งสี่เหตุในพื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง มีคนร้ายก่อเหตุจำนวน 2 คน
ขณะเดียวกัน บริเวณหน้าตึกคิงเพาเวอร์มหานคร พื้นที่ สน.ยานนาวา เวลา 08.30 น. เกิดระเบิด มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย นายเอกรินทร์ ยศสันเที้ยะ พนักงานรักษาความปลอดภัยบาดเจ็บที่ข้อเท้า
เวลา 08.36 น. อีก 1 ลูก บริเวณลานจอดรถหน้าตึกคิงเพาเวอร์มหานคร เกิดระเบิด มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย นายชนะใจ เลาะมุด ช่างไฟฟ้า บาดเจ็บที่เท้า คนร้ายจำนวน 2 คน
เวลา 08.40 น. จำนวนระเบิด 1 ลูก บริเวณสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน) สภ.ปากเกร็ด เกิดระเบิด ไม่มีผู้บาดเจ็บ คนร้าย 2 คน
ก่อนหน้านี้อีกเหตุการณ์ไฟไหม้ ซึ่งตอนแรกเข้าใจว่าเป็นไฟฟ้าลัดวงจร แต่พบแผงวงจรและชิ้นส่วนวัตถุคล้ายกับชิ้นส่วนประกอบวัตถุระเบิดเพลิง โดยเหตุเกิดตั้งแต่เวลา 04.40 น. เพลิงไหม้ตลาดประตูน้ำ 4 จุด สน.พญาไท คนร้ายจำนวน 2 คน เวลาไล่เลี่ยกัน เพลิงไหม้ร้านมินิโซ สยามสแควร์วัน สน.ปทุมวัน ไม่มีผู้บาดเจ็บ และเวลา 04.50 น. เพลิงไหม้สยามพารากอน สน.ปทุมวัน ไม่มีผู้บาดเจ็บ
พนักงานสอบสวนยืนยันได้ทันทีว่า ทั้งเหตุการณ์ไฟไหม้และระเบิดนั้นเชื่อมโยงกัน
โดยเหตุความวุ่นวายที่เกิดขึ้นคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 15 คน มีจำนวนระเบิด 9 ลูก ทำงาน 6 ลูก เก็บกู้ได้ 3 ลูก
ด้วยความเป็นมืออาชีพ เพียงข้ามคืน ตำรวจสามารถรวบ 2 คนร้ายชาวนราธิวาสบนรถทัวร์ซึ่งกำลังหลบหนีได้ที่ จ.ชุมพร แล้วนำตัวไปสอบที่ศูนย์ปฏิบัติการสํานักงานตํารวจแห่งชาติส่วนหน้า จ.ยะลา อยู่ในพื้นที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉินทันที เนื่องจากสามารถควบคุมผู้ต้องสงสัยเพื่อสอบสวนได้ 7 วัน
ตามด้วย “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีหนังสือคำสั่ง ตร. ระดมทีมสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่คลี่คลายคดี แต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยส่วนบังคับบัญชา องค์ประกอบ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. และทีมเพื่อน นรต.36 พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผบช.ภ.8 พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผบช.ส. พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์ม่วง ผบช.ก. พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผบช.กมค. พล.ต.ท.พนมพร อิทธิประเสริฐ ผบช.สพฐ. พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. และ พล.ต.ต.มนัส ศิกษมัต ผู้บังคับการกองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี โดยทั้งหมด 15 นาย ล้วนเป็นนักสืบมืออาชีพ และมีทีมงานรุ่นน้องที่เป็นนักสืบฝีมือดี
ตอนนี้การทำงานทีมสอบสวนคืบหน้าไปมาก ข้อมูลที่ออกมาฟันธงว่า ระเบิดป่วนกรุงครั้งนี้คล้ายกับการประกอบระเบิดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ตามที่มีการรายงานต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คือจับผู้ต้องสงสัยเฉียด 10 คนแล้ว
และจะขยายผลออกหมายจับได้อย่างต่ำ 7 ราย
แน่นอน หลังสิ้นเสียงระเบิด มีคำถามผุดขึ้นว่า ฝีมือใคร สร้างสถานการณ์ขึ้นเพื่ออะไร
จากการสดับรับฟังบิ๊กๆ ทั้งหลายพออนุมานได้
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ระบุว่า การก่อเหตุระเบิดครั้งนี้มีความเชื่อมโยงกัน 2-3 จุด เนื่องจากเป็นระเบิดชนิดเดียวกัน ซึ่งผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมคล้ายกับกลุ่มที่เคยลอบวางระเบิดในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อเดือนสิงหาคม 2558 แต่เป็นกลุ่มคนหน้าใหม่จึงไม่มีข้อมูลในสารบบ
พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) บอกว่าลักษณะเหตุการณ์รูปแบบการก่อเหตุ เป็นรูปแบบการก่อเหตุคล้ายกับเหตุการณ์ในปี 2549 ที่เป็นกลุ่มคนเดิมๆ มีแนวคิดเดิมๆ และมาจากสำนักเดิมๆ เคยก่อเหตุมาแล้วในหลายพื้นที่กับป้อมตำรวจ!
ผบ.ทบ.อธิบายความหมายคำว่า “กลุ่มเดิมๆ” ที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุว่า คือคนที่วางแผนหรือออกความคิด ที่เรียกว่า “มาสเตอร์มายด์” ซึ่งคนกลุ่มนี้ไม่ยอมรับกฎ กติกา ไม่ใช้เวทีสภา โดยทำกันเป็นขบวนการ ซึ่งตามยุทธวิธีต้องมีคนสั่งการ คนวางแผน และคนปฏิบัติ แต่จะสืบหาไปถึงคนต้นคิดได้ยาก ได้แต่คาดเดาและใช้เวลาในการหาหลักฐาน
แน่นอนว่าจุดมุ่งหมายการวางเพลิงและวางระเบิดครั้งนี้หวังดิสเครดิตรัฐบาล สร้างภาพให้เมืองไทยมีความน่ากลัว ไม่มีความปลอดภัย
โดยเฉพาะการวางระเบิดเพลิงในห้างดังกลางกรุง จะถูกตีข่าวจากสำนักงานต่างๆ ที่มาทำข่าวประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนด้วย
แต่ไม่ว่า “มาสเตอร์มายด์” จะเป็นใคร
ก็สะท้อนให้เห็นประสิทธิภาพของงานฝ่ายมั่นคง ภายใต้การกุมอำนาจท็อปบู๊ตที่ผ่านมาถึง 5 ปี
ว่ามีช่องโหว่ของการทำงานหรือไม่ ทำให้กลุ่มผู้ก่อการไม่สงบขยายพื้นที่มาถึงเมืองหลวง
และที่สำคัญอาจหาญลองของ “บิ๊กตู่” ที่มาคุมงานความมั่นคงอย่างเต็มตัว ทั้งสีเขียว และสีกากี