สิ่งที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน เกี่ยวกับการขี่มอเตอร์ไซค์ในประเทศคอมมิวนิสต์ (ลาว)

ณวันแรกของการเดินทางไปกับทัวร์ในทริปเวียดนามใต้ ซึ่งจัดขึ้นประมาณกลางเดือนตุลาคม ปี 2561 เราเริ่มต้นกันที่มุกดาหาร และเมื่อเวลาประมาณเก้าโมงกว่า รถทุกคันก็มาถึงด่านเพื่อที่จะข้ามไปลาว

กลุ่มเราประกอบไปด้วยรถยนต์ที่ไปกับทริป 1 คัน รถไกด์ 1 คัน และรถ Service อีก 1 คัน รวมมีรถยนต์ 3 คัน และมอเตอร์ไซค์ 14 คัน

แล้วเราก็ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำโขงอันกว้างใหญ่สู่สะหวันนะเขต และเพียงพักเดียวในสะหวันนะเขต ไฟท้ายของมอเตอร์ไซค์สิบเอ็ดคันก็หายลับไปกับเส้นขอบฟ้าของประเทศลาว

เราไม่ต้องการจะไล่ตาม…แต่เราต้องการกาแฟ

และเมื่อนัย ชายหนุ่มจิตใจดี แต่โคตรอินดี้ที่รักการขับขี่มอเตอร์ไซค์มาก มาด้วยสกู๊ตเตอร์ขนาดสามร้อยซีซี ต้องการจะแวะปั๊มเพื่อทำอะไรสักอย่างกับรถฮอนด้า ฟอร์ซ่าของเขา ผมก็ไม่ลังเลที่จะตามเข้าไปทันที พี่เอ๋ ซึ่งขี่ซีบีห้าร้อยเอ็กซ์ มอเตอร์ไซค์ขนาดห้าร้อยซีซี สองสูบเรียง ซึ่งขี่ออกนอกประเทศเป็นครั้งแรก คงไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เลยตามเข้ามาด้วยกัน

ปั๊มน้ำมันที่สะหวันนะเขตที่เราแวะมีชื่อว่า ปตท. ข้างในปั๊มมีร้านกาแฟอันมีชื่อว่า อเมซอน ผมสั่งกาแฟไปสองแก้ว หนึ่งสำหรับตัวเอง และหนึ่งสำหรับนัย ส่วนพี่เอ๋ดื่มมาแล้วจึงนั่งเสพบรรยากาศอยู่

เงินลาวก็ไม่ได้แลกไป จึงจ่ายเป็นเงินไทย จ่ายไปร้อยยี่สิบ ได้กาแฟมาสองแก้ว เงินทอนอีกสองพัน พร้อมรอยยิ้มที่สวยงามของบาริสต้าสาวชาวสะหวันนะเขต ให้ความเพลิดเพลินจิตใจยิ่งแม้ขนาดกาแฟยังไม่สัมผัสลิ้น

ประเทศลาวมีชื่อเต็มว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีระบบการปกครองแบบประชาธิปไตย หรือแบบคอมมิวนิสต์กันแน่… เป็นที่น่าสงสัย ลองค้นดูในอินเตอร์เน็ต Wikipedia.org ก็พบว่า

“สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวมีระบบการปกครองแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ (ทางการลาวใช้คำว่า ระบอบประชาธิปไตยประชาชน)”

เสร็จจากกาแฟ เราก็เดินทางกันต่อด้วยความเร็วที่ไม่มากนัก เพื่อจะได้เสพบรรยากาศของของประเทศลาว

แล้วเราก็แวะกันอีกครั้งที่ร้านขายของชำเล็กๆ ที่กลุ่มมอเตอร์ไซค์ที่หายลับไปกับเส้นขอบฟ้าเมื่อสักครู่จอดพักกันอยู่… ดื่มน้ำ เช็ดหน้าเช็ดตากันเสร็จ สดชื่นแล้ว

เราก็ออกเดินทางกันต่อ

ความเร็วที่ผมใช้ซึ่งปกติก็ต่ำกว่าชาวบ้านอยู่แล้ว ก็ค่อยๆ ลดต่ำลงไปอีก ด้วยการค้นพบว่าการขับขี่รถในชนบทของประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่มีความงดงามทางธรรมชาติเป็นอย่างมากนั้น มีสี่อย่างที่ต้องให้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งอยู่ตลอดเวลา คือ หลุม หมา แพะ และหมู

ทั้งสี่อย่างนี้พร้อมที่จะขัดขวางความรื่นรมย์ ทดสอบสมรรถนะของรถ และทักษะในการควบคุมรถของผู้ขับขี่อยู่ตลอดการเดินทาง

หลุม เป็นสิ่งที่อยู่นิ่ง อยู่กับที่ ไม่เคลื่อนไปมา แต่กว่าจะรู้ก็สายไปบ้าง เกือบจะสายไปบ้าง แล้วแต่ว่าจะถูกล่อลวงบดบังแนบเนียนอำพรางอยู่อย่างไร

หมากับแพะ จะมีการมองในทิศทางที่ตัวเองจะไป บางครั้งอาจชำเลืองด้วยหางตาเพื่อสบตากับเราเป็นเชิงบอกว่า “ฉันจะข้ามถนนละน้า…” ไฟหน้า ไฟสูง แตร ยังพอช่วยเหลือส่งสัญญาณได้ว่า “อย่าเชียวนะ อย่าเชียวนะ”

หมูนั้นผมไม่เคยเจอมาก่อน และมันมีแคแร็กเตอร์ที่ต่างออกไป

หมูไม่มีการสบตา ไม่มีการดูด้วยหางตา ไม่วางแผนล่วงหน้า ไม่มองทิศทางที่ตัวเองจะไปอย่างคาดการณ์ก่อน และมันยังไม่แสดงอาการใดๆ ด้วย ว่ามันจะวิ่งหรือมันจะเดิน

หากหมูจะข้ามถนน มันก็จะข้ามถนนเลยโดยไม่สามารถอ่านสถานการณ์ หรือคาดการณ์ล่วงหน้าได้อย่างสิ้นเชิง เวลาที่มันข้ามถนน มันจะเลือกใช้วิธีการเดิน หรือวิธีการวิ่ง มันก็จะทำโดยทันที ตามแต่ใจของมันจะประสงค์อย่างไร ณ ช่วงเวลาปัจจุบันขณะนั้น

อดีตนั้นผ่านไปแล้ว และอนาคตก็ยังมาไม่ถึง จะพะวงกังวลไปไย…

บางทีเราควรเอาอย่างหมูในประเด็นนี้… แต่ในประเด็นการข้ามถนน เราไม่ควรจะเอาอย่างหมูโดยเด็ดขาด

และก็อย่างนี้นี่เอง หมูจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราได้ทดสอบประสิทธิภาพของเบรกที่ให้มากับรถ เบรกเบรมโบ้ที่สวยงาม มีสมรรถนะที่ดีกว่าเบรกที่ให้มากับเจ้าไทรอัมป์สองสูบเรียงเสียงเพราะสีแดงเป็นอย่างยิ่ง

มันคือเบรกที่ให้มากับเจ้าดูคาติสแครมเบลอ หนึ่งพันหนึ่งร้อยซีซี สีเหลืองอร่ามสดใส เสียงอันธพาลหน่อยๆ กับเครื่องยนต์สองสูบแอล ระบายความร้อนด้วยอากาศ เครื่องมือทางจิตวิญญาณคันใหม่ ที่อยู่ในช่วงเวลาของการทำความรู้จักกัน อยู่ในช่วงเวลาของการฮันนีมูน

ฮันนีมูนในประเทศคอมมิวนิสต์

ประเทศคอมมิวนิสต์ที่ตามอุดมคติมีเพียงชนชั้นเดียว ไม่ใช่สองชนชั้นที่เป็นชนชั้นผู้นำเจ้าของกิจการ กับชนชั้นผู้ใช้แรงงานเหมือนในประเทศนิยมประชาธิปไตย

บนท้องถนนที่นี่ ในประเทศลาว มีชนชั้นเดียวเท่าเทียมกันทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์ที่วัดกำลังเครื่องยนต์ด้วยแรง “ม้า” หรือแพะ หรือหมู หรือสุนัขมีเจ้าของ หรือกระทั่งสุนัขอินดี้ไร้เจ้าของ

ท้องถนนเป็นของเรา ม้า แพะ หมู หมา … เป็นของเราอย่างเท่าเทียมกันบนถนนในชนบทอันสวยงามของประเทศลาว