รายงานพิเศษ / ปฏิวัติซ่อนรูป? เดอะ ซีรี่ส์ ‘บิ๊กกบ-บิ๊กแดง’ ขุนพล คสช. ปฏิบัติการหนุน ‘คนดี’ เชือด ‘ซ้ายจัด’ อัด ‘แม้ว’ กำราบ ‘แดง’

รายงานพิเศษ

 

ปฏิวัติซ่อนรูป? เดอะ ซีรี่ส์

‘บิ๊กกบ-บิ๊กแดง’ ขุนพล คสช.

ปฏิบัติการหนุน ‘คนดี’

เชือด ‘ซ้ายจัด’

อัด ‘แม้ว’

 

หากย้อนมองการเมืองไทยตั้งแต่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ตั้งแต่เช้าจนถึงดึก ที่เรียกว่า เป็นแผ่นดินไหวทางการเมือง เรื่อยมาจนถึงคืนวันที่ 23 มีนาคม 2562 ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะเป็นวันเลือกตั้ง

จนมาถึงมติของคณะกรรมการมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อ 26 มีนาคม 2562 ที่ให้ถอดชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และศิษย์เก่าเตรียมทหารรุ่น 10 ออกจากทำเนียบศิษย์เก่าดีเด่น และเรียกคืนรางวัลเกียรติยศจักรดาว

ถือเป็นปรากฏการณ์ทางการเมือง ในยุคเปลี่ยนผ่าน ที่มีนัยสำคัญยิ่ง

เพราะตามมาด้วย การที่บิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด นำทีม ผบ.เหล่าทัพ และปลัดกลาโหม แถลง น้อมรับพระบรมราโชวาท ของ “ร.9” ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอัญเชิญมาประกาศเมื่อคืนวันที่ 23 มีนาคม 2562 ในการสนับสนุนคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

รวมถึงการอัดซ้ำนายทักษิณ ว่า “ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ” จาบจ้วง ล่วงละเมิด ขาดมาตรฐานทางจริยธรรม มาตรฐานความจงรักภักดี หลักที่เราปฏิบัติยึดถือ ต้องรู้และไม่ล่วงเกิน ถ้าผู้ใดกระทำการล่วงละเมิด ล่วงเกิน ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ ก็ต้องใช้มาตรการอย่างใดอย่างหนึ่ง

อันเป็นผลพวงจากเหตุการณ์และภาพถ่าย ที่เรียกว่า “ฮ่องกง เอฟเฟ็กต์” รวมทั้งคำพูดจากการให้สัมภาษณ์สื่อต่างๆ

ตามมาด้วยการเรียกคืนเครื่องราชย์อิสริยาภรณ์ทั้งหมดของนายทักษิณ รวมทั้งจุลจอมเกล้าฝ่ายหน้า ที่ถือว่าเป็นชั้นสูงสุด และทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ ที่ทำให้ทายาทหมดโอกาสที่จะได้รับแบบสืบตระกูล เมื่อ 30 มีนาคม 2562

 

ไม่จบแค่นั้น เพราะในระหว่างการแย่งชิงอำนาจในการจัดตั้งรัฐบาล ระหว่างขั้วพรรคเพื่อไทย และพรรคที่ร่วมลงสัตยาบัน อ้างการได้จำนวน ส.ส.เขตมากที่สุด และเรียกตัวเองว่า ฝ่ายประชาธิปไตย กับพรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกเรียกว่าเป็นฝ่ายเผด็จการ แต่ได้คะแนนป๊อปปูล่าร์โหวตมากที่สุด ท่ามกลางข้อกังขาถึงความโปร่งใสของการนับคะแนนของ กกต.

บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและยังเป็นหัวหน้า คสช. อยู่ ก็ใช้วิธีการออก “สารจากนายกรัฐมนตรี” เตือนว่า กำลังมีคลื่นใต้น้ำที่เป็นอันตรายต่อชาติบ้านเมือง เมื่อ 28 มีนาคม 2562

ประกอบกับการปลุกกระแสต้านแกนนำพรรคอนาคตใหม่ ด้วยการขุดคลิปที่พูดเรื่องสถาบันในฐานะอาจารย์ มาขยี้ เรื่องแนวคิดต่อการปกครอง

ก่อนที่ 1 เมษายน 2562 จะแฉว่า มีกลุ่มบุคคลที่บ่อนทำลายสถาบัน และหวังทำให้เกิดความไม่สงบ โดยใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือ

ตามมาด้วย 2 เมษายน 2562 บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. ในฐานะ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กราชวัลลภ รักษาพระองค์ (ผบ.ฉก.ทม.รอ.๙๐๔) ตั้งโพเดี้ยมแถลงข่าว กลางงานวันสถาปนา 112 ปี วันสถาปนา พล.1 รอ. กองพลวงศ์เทวัญ ขุมกำลังรบหลักของ ทบ. และ ทม.รอ.

ด้วยเพราะ พล.อ.อภิรัชต์บอกว่า เตรียมร่าง คิดมา 2 คืนแล้ว จึงมีการคิดวาทกรรมเพื่อมาสู้กับวาทกรรมในทางการเมือง

ทั้งตำหนิพวก “ซ้ายจัด” ที่ไปเรียนต่างประเทศมา “อย่าดัดจริต” พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เน้นย้ำ ประชาธิปไตยแบบไทยๆ และวัฒนธรรมไทย

“I love my Country. I love my King. I will stand with my King until I die.” บิ๊กแดงกล่าวกับกลุ่มนักข่าวต่างประเทศ ที่ยืนยันว่า จะปกป้องสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตราบจนวันที่ตนเองตายเลยทีเดียว

ด้วยเพราะเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อภิรัชต์ มีความเป็นห่วงเรื่องการปลุกแนวคิดในการล้มล้างการปกครอง โดยพยายามพุ่งเป้าไปที่แกนนำพรรคการเมืองบางคน

ถึงขั้นที่ พล.อ.ประยุทธ์เตือนพ่อแม่ ครูอาจารย์ ให้ดูแลลูกหลาน และลูกศิษย์อย่างใกล้ชิด

ไม่แค่นั้น ฝ่ายทหารยังเป็นห่วงว่า จะมีแนวคิดแบบคอมมิวนิสต์ในอดีตเกิดขึ้นในปัจจุบัน ด้วยการปลุกระดมผ่านโซเชียลและอาศัยสถานการณ์ทางการเมืองในเวลานี้ ที่อาจจะกลายเป็นคอมมิวนิสต์ใหม่

พล.อ.อภิรัชต์จึงพุ่งเป้าสื่อสารไปที่นิสิตนักศึกษา เพราะห่วงว่าจะถูกชักจูงแนวคิด โดยการใช้โซเชียลมีเดีย ที่ระดับ ผบ.ทบ.ยอมรับว่า เป็นอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงกว่าอาวุธใดๆ ที่กองทัพมีอยู่ แต่กองทัพก็มีจุดอ่อนในการใช้โซเชียล เพราะมีช่องว่างในการสื่อสาร และพูดคนละภาษากับสิ่งที่นิสิตนักศึกษาอยากจะฟัง

ทั้งนี้ พล.อ.อภิรัชต์มีแนวคิดที่จะไปจับเข่าพูดคุยกับบรรดาคนดัง พิธีกร ที่คนรุ่นใหม่ชื่นชอบ และเป็น Influencer แบบเงียบๆ ลับๆ ไม่ใช่เพื่อปรับทัศนคติ หรือต้องการให้มาเชียร์ทหาร แต่แค่ต้องการให้เข้าใจทหารมากขึ้น

“การปฏิวัติรัฐประหาร เป็นวาทกรรมที่ถูกพูดถูกถามกันมาตลอด จนทำให้เด็กรุ่นใหม่มองภาพกองทัพไม่ดี” พล.อ.อภิรัชต์ระบุ

การปฏิวัติรัฐประหารในยุคนี้ แตกต่างจากในอดีต เกิดขึ้นได้ยาก และมีเงื่อนไขต่างกัน และเชื่อว่า การปฏิวัติรัฐประหารไม่ใช่คำตอบของสถานการณ์นี้ อย่างมากก็แค่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น

พร้อมวอนให้เลิกพูดวาทกรรม ฝ่ายประชาธิปไตย และฝ่ายเผด็จการ หวั่นจะทำให้เกิดความแตกแยก จนอาจทำให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นมาอีก

“ผมยอมไม่ได้ที่จะให้คนไทยออกมาต่อสู้กันบนท้องถนน มาประหัตประหาร ต่อสู้กัน ยิงกันอีก และผมจะไม่ยอมให้ใครมาเผาบ้านเผาเมืองอีก” พล.อ.อภิรัชต์กล่าว

ที่ขาดไม่ได้คือการพุ่งเป้าไปที่อดีตนายกฯ ทักษิณ แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่ พล.อ.อภิรัชต์ก็กระหน่ำถึงการไม่ยอมรับกติกา หนีคดีไปต่างประเทศ

“ต่างประเทศก็ขำ แม่งตีกันเอง ทะเลาะกันเอง เออดีโว้ย เศรษฐกิจจะได้พัง แล้วใครได้ดี คนอยู่ต่างประเทศมีความสุขสบาย อยากไปไหนก็ไป อยากทำอะไรก็ทำ ถ้ามีคนประเภทแบบนี้อยู่ในประเทศคุณรู้สึกยังไง” บิ๊กแดงกล่าว

และกลายเป็นเหตุผลที่เชิญนักข่าวต่างประเทศในไทยมาพบ เพื่อแถลงข่าวที่กองทัพบกในวันเดียวกัน เพราะ พล.อ.อภิรัชต์ก็ต้องการพื้นที่ในสื่อต่างประเทศ เพื่อต่อสู้กับนายทักษิณ ที่ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศมาตลอด โดยเฉพาะในช่วงโหมกระหน่ำโจมตี กกต.และการเลือกตั้ง ว่าไม่โปร่งใส มีทุจริต

โดยโจมตีไปที่นายทักษิณ ที่หลบหนีคดี แต่ก็ชื่นชมนักการเมือง คนรวย ที่ทำผิดพลาดแล้วยอมรับกระบวนการยุติธรรม ไม่หนี ยอมติดคุก ทำไมไม่สงสารเขาบ้าง เชื่อว่า เดี๋ยวก็คงจะได้ออกมาในไม่ช้า

“คนที่ไม่ยอมรับกติกา เมื่อคณะกรรมการตัดสินแล้วว่าแพ้ ก็ไปโจมตีกรรมการ เหมือนแข่งฟุตบอล บอลแพ้ คนเชียร์ไม่แพ้ ทำไมไม่ให้โอกาสกัน แล้วไปสู้กันในสภา ปล่อยให้เป็นไปตามครรลอง เกมใครเกมมัน ในเมื่อกรรมการตัดสินแล้ว ไม่อย่างนั้น วัฏจักรแห่งการล้างแค้นก็ไม่มีวันจบ”

บิ๊กแดงกล่าว

 

แม้ พล.อ.อภิรัชต์จะยืนยันเรื่องความสัมพันธ์กับ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องหาทางเดินของตนเองบนถนนการเมือง ส่วนกองทัพก็ถอยกลับมาเป็นทหารอาชีพ

“กองทัพบกในทุกวันนี้ แตกต่างจากเมื่อก่อน เรามีความสง่างาม เพราะสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นต้นแบบ” บิ๊กแดงระบุ

แต่ในความเป็นจริงแล้ว สายสัมพันธ์ที่ยาวนาน แนบแน่นของ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.อภิรัชต์ ทำให้ยากที่ทำให้คนทั่วไปเชื่อได้ว่า พล.อ.อภิรัชต์จะเป็นกลาง

รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทุกครั้งของ พล.อ.อภิรัชต์ ก็ถูกมองว่าเป็นการเลือกข้าง

โดยเฉพาะเมื่อนักข่าวถามว่า ในฐานะ 1 ใน 250 สมาชิกวุฒิสภา จะโหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์หรือใครเป็นนายกฯ หรือไม่นั้น พล.อ.อภิรัชต์ตอบเป็นนัยๆ ว่า จะเลือก “คนดี” และนักการเมืองที่ดี ที่สามารถจะนำพาบ้านเมืองไปได้ดี ผมมีนักการเมืองที่ดีในความคิดของผมแล้ว”

แม้พรรคเพื่อไทยจะจับขั้วตั้งรัฐบาลและลงสัตยาบัน พล.อ.อภิรัชต์ก็มองว่าเป็นพวก “ซ้ายตกขอบ” การลงสัตยาบัน เป็นแค่วาทกรรมทางการเมือง เกมการเมือง ที่ถูกชี้แนะโดยนักการเมืองแบบเดิมๆ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ก็ฉีกสัตยาบันทิ้ง

“แม้พรรคเพื่อไทยจะได้มาเป็นรัฐบาล กองทัพยอมรับกติกา ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล เป็นนายกรัฐมนตรี ให้รอหลังการประกาศผลรับรองการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ 9 พฤษภาคมนี้ก่อน” บิ๊กแดงระบุ

แต่ดูเหมือนว่า พล.อ.อภิรัชต์เองก็มีความเชื่อมั่นว่า ฝ่ายพรรคพลังประชารัฐจะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกฯ

ด้วยเพราะฝ่ายทหารเชื่อว่า ในที่สุด ทั้งพรรคภูมิใจไทยจะร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ หนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ และพรรคประชาธิปัตย์ที่แม้จะมีแรงหนุนให้เป็น “ฝ่ายค้านอิสระ” ก็ตาม ด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครอาจปฏิเสธได้

แต่ที่แน่ๆ พล.อ.อภิรัชต์ขอให้ทุกฝ่ายพักเรื่องการเมืองเอาไว้ก่อน เพื่อเตรียมการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ที่ทุกคนจะต้องรวมใจกันและทำให้เกิดความสงบเรียบร้อย

“ผมเองก็จะไม่พูด ไม่ให้สัมภาษณ์อีกแล้ว จนกว่าจะเสร็จสิ้นพระราชพิธี” พล.อ.อภิรัชต์กล่าว

แต่กระนั้น หากในที่สุดเกิดปัญหาความวุ่นวาย จนไม่อาจจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็อาจเกิดรัฐบาลพิเศษ หรือรัฐบาลแห่งชาติ พร้อมกับนายกฯ คนนอก เป็นทางออกสุดท้าย เพื่อยุติปัญหา 2 ขั้วการเมือง

แม้แต่นายไพศาล พืชมงคล ที่ปรึกษาของบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ คสช. ก็ยังมองแนวทางนี้ เป็นทางออกอีกทางหนึ่ง

แต่ไม่มีใครอาจหยั่งรู้ได้ว่า ก่อนที่จะถึงสถานการณ์นั้น จะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่

ท่ามกลางการจับตามองไปที่คนดีและคนเก่ง ทั้งบิ๊กต๊อก พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรีที่ดูแลงานสายทหารและความมั่นคง อดีต ผช.ผบ.ทบ. แม่ทัพภาคที่ 1 นายทหารสายวงศ์เทวัญ ที่โตมาจาก ร.11 รอ. และบิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี และอดีต ผบ.ทบ.สายรบพิเศษ

หากสถานการณ์ทางการเมืองพัฒนาไปจนถึงทางตัน สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ และพรรคเพื่อไทย

  พล.อ.อภิรัชต์จะเป็นคีย์แมนคนสำคัญในการคลี่คลายสถานการณ์ เมื่อเวลานั้นมาถึง