นพมาส แววหงส์ : “A MONSTER CALLS “ฝันร้ายที่หลอกหลอน”

นพมาส แววหงส์

นี่เป็นเรื่องของคนคนหนึ่งซึ่งแก่เกินจะเรียกว่าเด็ก และยังเด็กเกินจะเรียกว่าผู้ใหญ่

เสียงผู้ชายอันนุ่มทุ้มคุ้นหูชวนฟังเปิดเรื่องนี้ แฟนหนังพันธุ์แท้ต้องจำได้ไม่พลาดว่านี่เป็นเสียงของ เลียม นีสัน ผู้ก้าวจากนักแสดงแบบแคแร็กเตอร์ มาสู่ความเป็นดาราด้วยบทบาทของพ่อผู้เก่งกาจแบบเดียวกับ เจสัน บอร์น อดีตนักฆ่ามือฉมังขององค์กรลับ ซึ่งตามหาลูกสาวที่ถูกจับตัวไปขณะเดินทางไปเที่ยวปารีสตามลำพังกับเพื่อน ในหนังเรื่อง Taken ซึ่งฮิตจนต้องสร้างภาคต่อมาอีกหลายภาค

เลียม นีสัน ไม่ได้ปรากฏหน้าตาให้เห็นในหนัง A Monster Calls หรอกค่ะ แต่ว่ามีบทบาทที่เป็นหัวใจสำคัญในฐานะ “ตัวประหลาด” หรือมอนสเตอร์ในเรื่องราวทั้งหมดในชีวิตของตัวเอก

เรื่องของเรื่องมีตัวเอกเป็นเด็กชายวัยสิบสองปีชื่อ คอเนอร์ โอมัลลีย์ (ลูวิส แม็กดูกัลล์) อยู่บ้านกับแม่ (เฟลิซิตี้ โจนส์) ที่กำลังป่วยด้วยมะเร็งและรับการบำบัดทางเคมีด้วยความหวังว่าตัวยาตัวใหม่จะช่วยให้อาการทุเลาลงได้

พ่อ (โทบี้ เคบเบลล์) เลิกกับแม่ไปหลายปีแล้ว และไปก่อร่างสร้างตัวในอเมริกาโดยมีครอบครัวใหม่

ยาย (ซิเกอร์นีย์ วีฟเวอร์) เป็นหญิงแกร่งเข้มงวดที่เข้ากับคอเนอร์ไม่ได้เลย และเมื่อยายมาอยู่บ้านด้วยทุกครั้งเวลาที่แม่ต้องไปรับการบำบัด คอเนอร์จะนึกว่ายายเป็นแม่มดใจร้ายที่อยากจะให้ไปพ้นๆ จากชีวิตเขาเสียที

ที่โรงเรียน คอเนอร์ไม่มีเพื่อนเลย มีแต่เด็กกลุ่มหนึ่งซึ่งคอยรังแกชกต่อยเขาอย่างไร้เหตุผล

คอเนอร์เผชิญหน้ากับฝันร้ายซ้ำๆ ซากๆ ทุกคืน เห็นภาพโบสถ์ใหญ่โดดๆ ท่ามกลางสุสานคนตายที่มีต้นยิวใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขา กำลังพังทลายลง อิฐหินร่วงหล่นลงทีละก้อนๆ แผ่นดินแยก และเขากำลังยึดมือของคนที่พลัดตกลงสู่ห้วงเหว โดยไม่สามารถดึงกลับขึ้นมาหรือยื้อยุดไว้ได้

หลังเวลาเที่ยงคืนไม่เท่าไร เมื่อนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนเจ็ดนาที คอเนอร์จะรู้สึกในสิ่งเหนือธรรมชาติ ปากกาและข้าวของเลื่อนไหลไปบนพื้น และจากหน้าต่างที่มองออกไปเห็นต้นยิวโดดๆ กลางสุสาน เขามองเห็นต้นไม้ใหญ่แปรสภาพเป็นสัตว์ประหลาด เดินมาหาเขา เรียกเขาไปพบ และยืนยันจะเล่านิทานสามเรื่องให้เขาฟัง

พร้อมทั้งบอกว่าเมื่อเล่านิทานสามเรื่องจบแล้ว คอเนอร์จะต้องเป็นคนเล่าเรื่องที่สี่ให้ฟังบ้าง

ไม่ว่าคอเนอร์จะต่อต้านอย่างไร ตัวประหลาดในร่างต้นไม้ยักษ์นั้นก็บังคับให้เขาต้องฟังนิทานของมันจนได้…ทีละเรื่องๆ

เรื่องแรกเป็นเรื่องของอาณาจักรแห่งหนึ่งที่ปกครองโดยพระราชาผู้สูญเสียธิดาสามคนไปก่อนกาลอันควร ทำให้พระราชินีตรอมใจตายตามไป พระนัดดาองค์เดียวที่ยังเด็กอยู่ได้รับการสถาปนาให้เป็นรัชทายาท แต่ไม่นานพระราชาก็มีมเหสีใหม่ และราชินีองค์ใหม่เป็นแม่มดใจร้ายที่ต้องการครองบัลลังก์เสียเอง จึงวางยาพิษพระราชา และเนื่องจากเจ้าชายรัชทายาทยังเด็กเกินกว่าจะขึ้นครองราชย์ พระราชินีแม่มดจึงขึ้นครองแทน

เมื่อเจ้าชายเติบโตเป็นหนุ่มและไปหลงรักสาวชาวนา เจ้าชายจึงต้องพาหญิงคนรักหนีให้พ้นเงื้อมหัตถ์ของพระราชินีผู้หวังจะครองบัลลังก์ต่อไปด้วยการอภิเษกกับเจ้าชาย

เจ้าชายขี่ม้ามาพักแรมใต้ต้นยิวใหญ่พร้อมสาวคนรัก เมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า ก็พบว่าสาวคนรักถูกสังหาร และประกาศก้องว่าพระราชินีใจร้ายเป็นคนทำ ชาวเมืองจึงโกรธแค้นพระราชินีและจับตัวขังไว้ สถาปนาให้เจ้าชายขึ้นครองบัลลังก์

ขณะที่ต้นยิวใหญ่ช่วยนำตัวพระราชินีไปไว้ในที่ปลอดภัย

คอเนอร์เห็นว่านิทานเรื่องนี้ไม่เห็นมีเหตุผลเลย ตัวร้ายไม่ได้ถูกลงโทษอย่างยุติธรรม

แต่อสูรต้นไม้ก็ตอบว่า จริงๆ แล้วเจ้าชายเป็นคนสังหารสาวชาวนาเสียเองเพื่อป้ายความผิดให้แก่พระราชินี และคนเรามีทั้งดีและเลวปะปนกันอยู่ในตัวทั้งนั้น ไม่มีใครเป็นสีขาวหรือสีดำ คนส่วนใหญ่มักเป็นสีเทา มีทั้งด้านสว่างและด้านมืดอยู่ในตัว

 

นิทานเรื่องที่สองเป็นเรื่องของคนปรุงยาสมัยโบราณ ที่ต้องการโค่นต้นยิวใหญ่เพื่อนำมาเป็นตัวยารักษาโรคต่างๆ แต่ถูกขัดขวางโดยนักบวชคนหนึ่งที่วางตัวเป็นคู่อริของเขา เทศนาให้ชาวบ้านรังเกียจเขาจนกิจการปรุงยาของเขาหาลูกค้าไม่ได้

ให้เผอิญลูกสาวสองคนของนักบวชล้มป่วยลงและไม่มีหมออื่นรักษาให้หายได้ นักบวชจึงต้องมาขอความช่วยเหลือจากคนปรุงยาผู้นี้ ซึ่งปฏิเสธจะช่วย ทำให้ลูกสาวสองคนของนักบวชตายลง

คอเนอร์ก็เห็นว่านิทานเรื่องนี้ไม่มีเหตุผลและไม่ยุติธรรมอีกนั่นแหละ เขาโกรธแค้นจนทุบข้าวของในห้องนั่งเล่นบ้านของยายเสียหายหมด

 

และเมื่อต้นไม้ยักษ์ไม่ยอมมาหาเขาเสียที คราวนี้คอเนอร์ต้องออกตามหา เพื่อให้ต้นยิวช่วยรักษาแม่ และทวงถามถึงนิทานเรื่องที่สาม

เนื้อหาของนิทานเริ่มเข้ามาปะปนกับชีวิตจริงของคอเนอร์ ในลักษณะที่เขารู้สึกตนเป็นมนุษย์ล่องหนที่ไม่มีใครมองเห็นตัว และในความพยายามจะทำตัวให้คนอื่นเห็น เขาทำร้ายร่างกายเด็กอีกคนจนบาดเจ็บหนัก ซึ่งส่งผลให้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีใครเห็นมากยิ่งขึ้นไปอีก

และที่สุด ต้นไม้ยักษ์ก็บีบให้คอเนอร์ต้องยอมเล่าเรื่องของเขาเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่คอเนอร์ซ่อนเร้นปกปิดไว้ไม่ให้ใครรู้ ด้วยความรู้สึกผิดและละอาย

และส่งผลให้เขาปรับตัวให้ยอมรับความจริงที่อยู่ตรงหน้าอย่างที่มันเป็นอยู่ได้

หนังดีมากนะคะ…โดยเฉพาะบทบาทของเด็กชายซึ่งเป็นตัวนำเรื่อง…ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นนักแสดงหน้าใหม่ในวงการนั้น…ทำให้เราอยู่กับเขา รู้สึกนึกคิดไปตามเขาได้อย่างแนบสนิท

ส่วนนักแสดงเจนเวทีอื่นๆ ซึ่งอยู่ในระดับแถวหน้าทั้งนั้น ก็ทำได้ดีตามความคาดหวัง

การเล่าเรื่องใช้เทคนิคผสม โดยเรื่องราวของนิทานเล่าด้วยแอนิเมชั่นภาพเขียนสีน้ำฝีมือหยาบๆ ซึ่งแปลกตาและจับใจ

สิ่งละอันพันละน้อยที่ประกอบขึ้นมาเป็นเรื่องราวอันจับใจ ทำให้ผู้เขียนนึกไม่ถึงว่าหนังจะดีอย่างนี้เลยค่ะ ตอนดูหนังตัวอย่าง รู้สึกเหมือนเป็นแฟนตาซีที่เล่าเรื่องเด็กชายที่ได้อำนาจในการแก้แค้นศัตรูของเขา ด้วยการเป็นเพื่อนกับสัตว์ประหลาดที่มีพลังอำนาจเหนือมนุษย์ แต่เรื่องราวของหนังเป็นมากกว่านั้นมากค่ะ

เจ. เอ. บาโยนา แสดงฝีมือกำกับหนังให้ประจักษ์อีกครั้ง หลังจาก The Impossible และ The Orphanage

ตามธรรมเนียมหลังจากดูหนังดีๆ ที่โดนใจ และรู้ว่าหนังสร้างจากหนังสือ ผู้เขียนก็เลยซื้อหนังสือของ แพทริก เนสส์ มาอ่านค่ะ เนสส์เป็นคนเขียนบทหนังด้วย โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก ซิโอบัน ดาวด์ ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่องผู้เผชิญหน้ากับความตายด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย และเสียชีวิตไปก่อนจะเขียนนวนิยายจบ

ยังอ่านไม่จบหรอกค่ะ ยังไม่รู้ว่าความประทับใจจะแตกต่างกันไปอย่างไร รู้แต่ว่างานสร้างสรรค์ที่ออกมาเป็นภาพด้วยแอนิเมชั่นภาพเขียนสีน้ำนั้น

น่าจะมีสีสันมากกว่าในหนังสือแน่ๆ

A MONSTER CALLS 

กำกับการแสดง
J. A. Bayona

นำแสดง
Liam Neeson
Lewis MacDougall
Sigourney Weaver
Felicity Jones
Toby Kebbell