ฟ้า พูลวรลักษณ์ : หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (146) : มันแกล้งโง่

ฟ้า พูลวรลักษณ์

หากคุณต้องเลือกระหว่างสองเซ็ตนี้ คุณจะเลือกอันไหน

๑ วิบากกรรม

๒ กฎหมาย

๓ การให้อภัย

หรือ

๑ ประวัติศาสตร์

๒ ความยุติธรรม

๓ ความเห็นอกเห็นใจมนุษย์

หากเรามองผิวเผิน เราจะพบว่าเซ็ตที่สองดีกว่า แสดงความเป็นมนุษย์ที่มีหลักการ

แต่เรามาลองมองลึกลงไป

วิบากกรรมเป็นนามธรรม มันเหมือนโชคชะตา พรหมลิขิต มันคลุมเครือ ปฏิเสธไม่ได้ จับต้องไม่ได้ คล้ายคำตอบ สำหรับสิ่งที่ไม่มีคำตอบ เพราะมันไม่มีเหตุผล

มันขมขื่น แต่มันก็จริง เพราะทุกสิ่งที่ดำเนินไปรอบตัวของเรานั้น มากมายไม่มีเหตุผล โดยเฉพาะพฤติกรรมของมนุษย์ ที่เรางงงวยอยู่ทุกวันนี้ ก็คือพฤติกรรมของมนุษย์นี่เอง ว่าทำทำไม ทำไมเลือกแบบนี้

แต่หากเรายอมรับในวิบากกรรม เราก็จะเข้าใจ คือเรายอมรับในพลังของสิ่งไม่มีเหตุผล แต่มันคือชีวิต และมันเกิดขึ้น ดำเนินไปรอบตัวของเรา ไม่เฉพาะบางคน แต่มากมายนับไม่ถ้วน

หากเปรียบเป็นมวย เทียบกับประวัติศาสตร์ มันก็เหนือกว่า

มันสร้างประวัติศาสตร์

และมันก็ทำลายประวัติศาสตร์ได้

ประวัติศาสตร์ที่ดูเข้มแข็ง แข็งแกร่ง แต่ก็เปราะบาง เมื่อเจอวิบากกรรม เพราะประวัติศาสตร์เป็นเพียงหุ่นกระบอก มันถูกควบคุม ถูกกำหนด

หากสงครามโลกครั้งที่สามจะเกิด มันก็เกิด ต่อให้เรามองเห็น ก็ห้ามไม่ได้

ต่อให้เรารู้ว่า ราคาที่ต้องจ่ายมากเพียงใด เราก็ห้ามไม่ได้

และต่อให้สาเหตุของมันเล็กน้อย ไร้สาระเพียงใด ก็ช่วยไม่ได้

ประวัติศาสตร์ตกอยู่ในอุ้งมือของวิบากกรรม

ชีวิตคนแต่ละคนรอบตัวของฉันก็เช่นกัน ไม่ว่าพวกเขาจะมีการศึกษาสูงเพียงใด ฉลาดแค่ไหน ฉันก็พบว่า ชีวิตของพวกเขา ล้วนเคลื่อนไปแบบไม่มีเหตุผล

ไม่มีใครแม้แต่คนเดียว เป็นคนปกติ

เราคือคนปกติ ที่มีวิบากกรรม ซึ่งก็คือไม่ปกตินั่นเอง

หากเป็นมวย กฎหมายเหนือกว่าความยุติธรรม ทุกเมื่อ

ทำไม ความยุติธรรมก็เป็นนามธรรมเช่นกัน น่าจะกว้างใหญ่ เหนือกฎหมาย

แต่ไม่ใช่ กฎหมายที่มนุษย์เขียนขึ้น เหนือกว่าความยุติธรรม เราเขียนมันยังไงก็ได้ และเมื่อใช้มัน ก็ประกาศตัวได้ว่า นี้คือความยุติธรรม

ความยุติธรรมที่เป็นนามธรรมถูกข่มขืน และตกเป็นทาสของกฎหมาย

แต่บ้านเมืองไม่มีกฎหมายไม่ได้ เพราะถ้าไม่มี หายนะที่ยิ่งใหญ่กว่าจะมาเยือน

มนุษย์ไม่ค้ายาเสพติด เพราะกลัวติดคุก ไม่ใช่เพราะเห็นว่ามันผิดศีลธรรม

คนเราไม่กล้าฆ่ากัน เพราะกลัวติดคุก ไม่ใช่เพราะกลัวบาป

หากไม่มีกฎหมาย เราจะขับรถยังไงก็ได้

กฎหมายจึงดำรงอารยธรรมของมนุษย์ และข่มความยุติธรรมไว้ อย่างไม่กล้าหือ

สิ่งดังต่อไปนี้

๑ ความสงสาร

๒ ความเห็นอกเห็นใจ

๓ ความเอาใจใส่

๔ ความห่วงใย

๕ ความมีมารยาท

๖ ความอ่อนไหว

๗ ความอดทน

คุณสมบัติที่ดีของมนุษย์เหล่านี้ รวมกันทั้งหมด ก็ยังเอาชนะการให้อภัยไม่ได้

ไม่น่าเชื่อ

เพราะในโลกนี้ หากคุณไม่ให้อภัย สิ่งทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ก็พร้อมจะล่มสลาย

หากเปรียบเป็นมวย การไม่ให้อภัยสามารถน็อกเอาต์คุณสมบัติดังกล่าวทั้งหมดได้

โลกที่ฉันอยู่จึงน่ากลัวยิ่งนัก เพราะมันไม่ได้ขึ้นกับ ประวัติศาสตร์ ความยุติธรรม หรือความดีใดของมนุษย์ แต่ขึ้นกับ วิบากกรรม กฎหมาย และการให้อภัย

เซ็ตดังกล่าวนี้ ดำมืด ขมขื่น และโบราณ

แต่มันก็เหนือกว่าเซ็ตที่ทันสมัย อายุน้อย และฟังดูดี

นี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ที่สิ่งโบราณสามารถเอาชนะสมัยใหม่ได้ เหมือนอาหารโบราณบางอย่าง ที่ยังเหนือกว่าอาหารสมัยใหม่ ยาโบราณบางตัว ยังใช้ได้ผล

เมืองไทยที่มีแดงเหลือง ฟังดูบ้าคลั่ง คล้ายเป็นปรากฏการณ์เฉพาะในประเทศนี้ แต่แค่ดูเหตุการณ์ในอเมริกา ก็พบว่า ไม่ต่างกัน มีปรากฏการณ์ Hillary กับ Trump

อเมริกา ที่จริงคือสองประเทศ ที่ซ้อนกันอยู่

มันต่างกับเมืองไทยที่ตรงไหน ไม่เพียงไม่ต่าง มันใหญ่กว่า แรงกว่า มีพลังมากกว่า ลึกกว่า ซับซ้อนกว่า มันเหนือกว่าในทุกทิศทาง

แปลกเหลือเกิน

ทำไมซ้ายต้องส่งคนโกง

ทำไมขวาต้องส่งคนบ้า

และทำไม แปลกซ้อนขึ้นไปอีก อะไรที่อยู่ตรงกลาง ส่งคนโง่

เราจึงมีสามตัวเลือก ที่ล้วนไม่น่าเลือกเลย แม้แต่สิ่งที่อยู่ตรงกลาง ก็ไม่ใช่ทางเลือก เพราะมันก็ไม่ได้ดีกว่า คนโง่คล้ายจะไม่มีพิษสง แต่มันก็มีพิษสง เท่ากับคนโกงบวกคนบ้า

เราเกลียดทักษิณจนพร้อมจะทำลายระบอบประชาธิปไตย คล้ายเป็นเหตุการณ์เฉพาะตัวในเมืองไทย แต่ในอเมริกา ผู้คนจำนวนมากเกลียดนาง Hillary และ Trump มากจนยอมทำลายระบอบประชาธิปไตยเช่นกัน และเมื่อมันเกิดกับประเทศที่เป็นพี่ใหญ่ของโลกเสรี และเป็นมหาอำนาจ มันทำให้เหตุการณ์ในบ้านเรา กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย แสดงว่าธาตุแท้ของมนุษย์ ดำดิ่งลงไปในวิบากกรรม กล้าทำลายประชาธิปไตย

และเต็มไปด้วยความอาฆาต เหนือกว่าสิ่งใด

เรามักคิดว่าอเมริกาเป็นพี่ใหญ่แห่งโลกเสรี

แต่หากเรามองดีๆ เราจะพบข้อมูลที่น่าสนใจ เช่น การเลิกทาส เขาเลิกทาสไปเกือบร้อยปีแล้วในยุโรป ก่อนที่อเมริกาจะเลิกทาส

อังกฤษเลิกทาสในปี 1772

ฝรั่งเศสเลิกทาสในปี 1794

อเมริกาเลิกทาสในปี 1863

ทั่วโลก มีนายกรัฐมนตรีหญิง หรือประธานาธิบดีหญิงมานานแล้ว

แต่พี่ใหญ่แห่งโลกเสรี ยังไม่เคยมีเลย และไม่รู้จะมีเมื่อไหร่ ทำไมมันลำบากยากเย็นอย่างนี้

ขอเพียงอเมริกามีประธานาธิบดีหญิง สิ่งดีงามหลายอย่างก็เกิดขึ้น

สมกับเป็นประเทศที่ให้คุณค่าความเสมอภาค เสรีภาพ ความยุติธรรม

แต่วิบากกรรมส่ง Ku Klux Klan มาแทนที่ มันดูชั่วร้าย จนกลายเป็นสิ่งตลก กระนั้นมันมีอยู่จริง เท่าวิบากกรรม มันแสยะยิ้ม ทำหน้าทำตา แกล้งโง่

มันแกล้งโง่ เพราะมันเป็นเงามืดที่ซ่อนอยู่ข้างหลัง