ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 2 - 8 ธันวาคม 2559 |
---|---|
คอลัมน์ | กรองกระแส |
เผยแพร่ |
ความสัมพันธ์ระหว่างปัญหาของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นกับพระเทพญาณมหามุนีแห่งวัดพระธรรมกาย เริ่มต้นอย่างง่ายๆ ในเบื้องต้น แต่ก็เพิ่มความสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ
จากเรื่องของ “คดีความ” กลายเป็นเรื่องทาง “ศาสนา”
เพราะว่าเป็นคดีความอันเกี่ยวกับพระมหาเถระซึ่งมีฐานันดรชั้น “เทพ” และเคยดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
“วัดพระธรรมกาย” เองก็มีสถานะในทาง “ความคิด” อย่างไม่ธรรมดา
เพียงอาณาบริเวณอันเป็นพื้นที่ตั้งวัดพระธรรมกายซึ่งมีปริมาณมากกว่า 2,000 ไร่ ก็ใหญ่โตอย่างยิ่งอยู่แล้ว แต่นี่ยังมีสาขาทั้งที่เป็นวัด เป็นสำนัก เป็นมูลนิธิ ทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกจำนวนมหาศาลกว้างไกล
แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นยังมีพื้นฐานทางความเชื่อในแบบ “ธรรมกาย”
ความสัมพันธ์ของสำนัก “วัดพระธรรมกาย” กับพุทธศาสนิกจึงมีความหมาย มีอิทธิพล มีผลสะเทือนขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ของสำนัก “วัดพระธรรมกาย” กับสำนักอื่น จึงมีความหมาย มีอิทธิพล มีผลสะเทือน
ปัจจัยเหล่านี้เองกลายเป็น “มูลฐาน” ทำให้กรณีของวัดพระธรรมกายอันเป็นเรื่องในทาง “ศาสนา” พัฒนาและขยายกลายเป็นเรื่องในทาง “การเมือง”
เป็นการเมืองเนื่องแต่ “รัฐประหาร”
รัฐประหาร 2549
รัฐประหาร 2557
หากพิจารณาจากบุคคลที่เคลื่อนไหวและพยายามดำเนินการเกี่ยวกับกรณีของวัดพระธรรมกายอย่างเอาจริงเอาจังจะมองเห็นสายสัมพันธ์
สายสัมพันธ์จากก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549
สายสัมพันธ์จากก่อนและหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
ไม่ว่าจะเป็น นายมโน เลาหวณิช ไม่ว่าจะเป็น นายไพบูลย์ นิติตะวัน ไม่ว่าจะเป็น พระสุวิทย์ ธีรธัมโม แห่งวัดอ้อน้อย นครปฐม
เหมือนกับ คสช. และรัฐบาลอยู่เฉยๆ ใน “เบื้องต้น”
แต่เมื่อนักกิจกรรมเหล่านี้เคลื่อนไหวจากกรณีคดีความในเรื่องสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่มีข้อหาในเรื่องรับของโจร ในเรื่องฟอกเงิน กรมสอบสวนคดีพิเศษแห่งกระทรวงยุติธรรมจึงมิอาจนิ่งเฉย เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษเคลื่อนไหวก็จำเป็นต้องใช้กำลังพลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เหมือนกับทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษและสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะจำกัดวงอยู่เพียง “คดีความ” อันพัวพันกับพระภิกษุอันเป็นส่วนหนึ่งของ “ศาสนา”
แต่แล้ว “สถานการณ์” ก็ค่อยๆ ขยาย ค่อยๆ บานปลาย
ความอ่อนไหวอย่างยิ่งก็เมื่อมีการขยายจากเรื่องของ “วัดพระธรรมกาย” กลายเป็นเรื่องอันโยงไปยังการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่
ละเอียดอ่อนเพราะมีสีสันทางการเมืองเข้ามาปรากฏอย่างเด่นชัด
โยงวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
เข้ากับสำนัก ธรรมกาย
ถามว่าเหตุปัจจัยอันใดทำให้ไม่สามารถสถาปนา สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปัญโญ) เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ได้
ทั้งๆ ที่มหาเถรสมาคมลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์มาแล้ว
เป็นการลงมติด้วยคะแนนเสียงอันเป็นเอกภาพภายในกรรมการมหาเถรสมาคม เป็นการลงมติตามบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535
แต่เรื่องมารออยู่ในแฟ้มของ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และ ครม.
คำตอบก็คือ เพราะสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปัญโญ) ถูกกล่าวหาในเรื่องความไม่เหมาะสมที่มีสิ่งที่เรียกว่า “รถหรู” ในครอบครอง
เรื่องนี้มีจุดเริ่มมาแบบเดียวกับกรณีของ “สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น”
เป็นความพยายามขยายเรื่องโดยคณะบุคคลชุดเดียวกัน ทำให้ “รถหรู” กลายเป็นประเด็นและไม่สามารถเดินหน้าในเรื่องการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ได้
มูลเชื้อก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่าง วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กับ วัดพระธรรมกาย
ที่เด่นชัดก็คือ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปัญโญ) เป็นพระอุปัชฌาย์ให้กับ พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธัมมชโย)
จึงมีการเสกปั้น “รถโบราณ” ให้กลายเป็น “รถหรู”
ผลก็คือ จากเดือนมกราคมที่มหาเถรสมาคมมีมติเห็นชอบเสนอชื่อ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปัญโญ) เป็นสมเด็จพระสังฆราช ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าแม้จะเข้าสู่เดือนธันวาคมแล้วก็ตาม
นี่คือการขยายเรื่องในทาง “ศาสนา” ให้กลายเป็นเรื่องในทาง “การเมือง”
ปฏิบัติการ ดีเอสไอ
ปฏิบัติการ การเมือง
แทนที่ปฏิบัติการของกรมสอบสวนคดีพิเศษอันดำเนินภายใต้คดีความในเรื่องรับของโจร ในเรื่องฟอกเงินจะสามารถดำเนินไปด้วยความราบรื่น
กลับมากด้วย “อุปสรรค” กลับมากด้วย “ปัญหา”
เห็นได้จากความพยายามเมื่อเดือนมิถุนายนตามหมายจับที่ได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ไม่เพียงแต่ไม่สามารถบังคับให้ พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธัมมชโย) ออกมามอบตัวได้ หากแม้กระทั่งเมื่อส่งกำลังรุกเข้าไปตามหมายค้นในวัดพระธรรมกายก็ไม่ประสบผลสำเร็จ
จำเป็นต้อง “ปฏิบัติการ” อีกหากว่า พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธัมมชโย) ไม่ยอมออกมามอบตัวภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน
มีความเด่นชัดยิ่งว่าสถานการณ์จะซ้ำรอยกับเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
เพียงแต่คราวใหม่นี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด จะประสานและร่วมมือกันอย่างละมุนละม่อมได้อย่างไร
เพราะปัญหานี้มิได้เป็นเรื่องในทาง “คดีความ” มิได้เป็นเรื่องในทาง “ศาสนา” แต่ได้พัฒนาและบานปลายกระทั่งกลายเป็นเรื่องในทาง “การเมือง”
เป็นการเมืองอันเนื่องแต่ “รัฐประหาร”