หนุ่มเมืองจันท์ : ทัวร์ไฮเทค

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

ผมเพิ่งไป “เซี่ยงไฮ้” ครั้งแรกครับ

“พี่ต้อม” สุรเดช มุขยางกูร ซีอีโอของ “เอสวีแอล กรุ๊ป” ชวนไปดูงานเทคโนโลยีใหม่ๆ พร้อมกับทีมงาน

จำได้ว่าผู้บริหารของ “อาลีบาบา” คนหนึ่งเคยพูดในงานประชุมระดับชาติว่าวันนี้ถ้าต้องการดูเทคโนโลยีเก่าให้ไปดู “ซิลิคอน วัลเลย์”

แต่ถ้าต้องการดูโลกแห่งอนาคต

ให้ซื้อตั๋วเครื่องบินไปเมืองจีน

โคตะระขี้คุยเลย

แต่แสดงว่าเขามั่นใจว่าเทคโนโลยีของ “จีน” ล้ำมาก

เป็น “ผู้นำ” ในหลายเรื่อง

และ “เซี่ยงไฮ้” คือเมืองหนึ่งที่เต็มไปด้วยความทันสมัย

โปรแกรมครั้งนี้น่าสนใจ เพราะได้ดูทั้งรถยนต์ไฟฟ้า “ซูเปอร์มาร์เก็ต” ของ “แจ๊ก หม่า” เทคโนโลยีแปลภาษา และอื่นๆ อีกมากมาย

มีร้านอาหารระดับมิชลิน 2 ดาวด้วย

ถือเป็น “เทคโนโลยี” ความอร่อยรูปแบบหนึ่ง

อีกแรงจูงใจหนึ่งคือ ได้เดินทางไปกับ “ป้อม” ภาวุธ พงษ์วิทยาภานุ ซีอีโอ Talad.com และ “โบ้ท” ไผท ผดุงถิ่น ซีอีโอ builk one group

2 ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและสตาร์ตอัพ

แค่คุยกับ 2 คนนี้ “รอยหยัก” เพิ่มขึ้นแน่นอน

และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ

เราเริ่มจากท่าเรือน้ำลึกหยางชาน ท่าเรือคอนเทนเนอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เขาสร้างถนนทอดลงไปในทะเลยาว 32 กิโลเมตร

เพื่อไปถึงจุดน้ำลึก 15 เมตร

แล้วสร้างท่าเรือขึ้นมาเพื่อรองรับเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่

ถนนมีการฝังชิพไว้เพื่อให้รู้ว่ามีรถบรรทุกคันไหนวิ่งมา มีตู้คอนเทนเนอร์กี่ตู้ ฯลฯ

ท่าเรือแห่งนี้สร้างมานานแล้ว

ไกด์ชาวจีนเล่าว่าเมื่อประมาณ 10 กว่าปีก่อน เกิดพายุถล่ม รัฐบาลกลัวว่าสะพานจะมีปัญหา

ต้องหาอะไรหนักๆ มาทับไว้

รัฐบาลก็เลยเอา “รถถัง” มาจอดเล่นไว้บนสะพาน

เท่มาก

แต่ที่เป็น “ความหวัง” ของมวลมนุษยชาติอย่างผมมาก ก็คือเทคโนโลยีการแปลภาษาของ IFLYTEK

เหมือน “โดราเอมอน” กลับชาติมาเกิดเลยครับ

เครื่องแปลภาษาของ IFLYTEK ล้ำมากๆ

“วุ้นแปลภาษา” ชัดๆ

ดีกว่าแอพพ์แปลภาษาของ “กูเกิล” หลายเท่า

แปลภาษาจีนเป็นภาษาไทยได้เนียนหู

เราถามเป็นภาษาไทย

เครื่องแปลเป็นภาษาจีน

เราไม่รู้ว่าแปลดีหรือไม่

แต่พอเขาตอบกลับเป็นภาษาจีน

เครื่องแปลกลับเป็นภาษาไทยได้เนียนสุดๆ

ตรงตามประเด็นที่เราถาม

เทคโนโลยีของบริษัทนี้ ยักษ์ใหญ่ในจีนหลายรายซื้อไปใช้ในอุปกรณ์ของตัวเอง

ที่ชอบมากคือ การแปลภาษาแบบ “เรียลไทม์” เป็นตัวอักษรได้พร้อมกันหลายภาษามาก

พูดปั๊บ ซับไตเติลขึ้นเลย

ที่เขาแสดงให้ดูบนจอประมาณ 4 ภาษา

ซึ่งหมายความว่า ถ้าเป็น “ตัวอักษร” ได้ก็แปลงเป็น “เสียง” ได้

แบบนี้ก็เป็นเรื่องสิครับ

นึกถึงภาพในห้องประชุมในสหประชาชาติ

ข้างหลังห้องจะมีคนแปลภาษาต่างๆ แบบ “เรียลไทม์” อยู่เต็มไปหมด

แต่ละคนก็ใส่หูฟังฟังภาษาของตัวเอง

ลองคิดดูสิครับว่าถ้าใช้เครื่องแปลภาษาตัวนี้

“คนแปล” ตกงานทันที

เครื่องแปลภาษาเป็นเทคโนโลยีที่ผมชอบมาก

เบื่อมานานแล้วที่ต่างชาติพูดภาษาไทยไม่ได้

เครื่องแปลเครื่องนี้จึงก่อให้เกิดความสมานฉันท์ทางภาษา

ลองนึกดูเล่นๆ สิครับ ถ้าพัฒนาถึงขั้นทำเป็น “หูฟัง”

แปลแบบ “เรียลไทม์”

แค่นี้นักเรียนโรงเรียนอินเตอร์กับนักเรียนโรงเรียนต่างจังหวัดอย่างผมก็เท่าเทียมกันทันที

น่าปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่ง

ไปร้านสตาร์บัคส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยครับ

ร้านนี้ “อาลีบาบา” ร่วมทุนด้วย

ตอนทีมของเราเข้าไป ร้านแน่นมาก

เพราะร้านนี้ไม่ใช่แค่ร้านกาแฟ

แต่กลายเป็นจุดท่องเที่ยวหนึ่งของเซี่ยงไฮ้ด้วย

ครับ เรานึกว่าคนแน่นแล้ว

แต่ไกด์ชาวจีนบอกว่าวันนี้เราโชคดี

คนไม่แน่น

เพราะตามปกติจะต้องต่อคิวรออยู่หน้าร้าน

บางคนรอเป็นชั่วโมงกว่าจะได้เข้าร้าน

“สตาร์บัคส์” ร้านนี้มี 2 ชั้น

เขาเอาโรงคั่วกาแฟมาโชว์ในร้าน

นึกถึงโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงที่เอาเครื่องต้มเบียร์มาโชว์กลางร้านให้รู้ว่าเป็น “เบียร์สด” จริงๆ

เช่นเดียวร้านสตาร์บัคส์ที่ทำให้เรารู้ว่ากาแฟที่นี่คั่วสดจริงๆ

มีการโชว์เทคนิคการคั่ว มีการดูดกาแฟไปตามท่อ

บรรจุใส่ถุงเพื่อจำหน่ายด้วย

ถ้าคิดในมุมธุรกิจบริการ นี่คือการโชว์อย่างหนึ่ง

มีการนำระบบ AR มาใช้ โหลดแอพพ์แล้วส่องดูจะพบข้อมูลที่มาของกาแฟ และรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ ลอยขึ้นมา

แต่ที่ชอบที่สุดคือ มีพนักงานจะมารับออเดอร์ตามโต๊ะด้วย

พอเราสั่งกาแฟ เขาจะกดบนจอในมือ

แล้วเอื้อมมือไปข้างหลัง

ดึงใบเสร็จออกมาจากเครื่องปริ๊นต์เล็กๆ ขนาดพกพาที่ซ่อนไว้ที่เอวด้านหลัง

เท่มาก

รายละเอียดเล็กๆ แบบนี้ทำให้เราเกิดความรู้สึกเหนือความคาดหมาย

เพราะเครื่องนี้ไว้ข้างหน้าหรือข้างเอวก็ได้

ปริ๊นต์ใบเสร็จก็ง่าย

หยิบออกมาก็สะดวก

แต่ทำไมต้องไว้ด้านหลัง

เหตุผลง่ายๆ ก็คือ เป็นเทคนิคการทำให้ลูกค้า “ว้าว”

นึกไม่ถึง

นี่คือการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีกับลูกเล่นด้านการบริการ

“ความใหญ่” แค่เป็น “จุดขาย” เบื้องต้น

ยังมีอีกหลายแห่งที่ได้ไปครับ

ทั้งบริษัทดาวรุ่งรถยนต์ไฟฟ้าของจีน

หรือ Hema Supermarket ของ “แจ๊ก หม่า”

แต่ถ้าถามว่าทริปผมประทับใจอะไรที่สุด

ไม่ใช่บริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้

แต่เป็นไกด์ชาวจีนครับ

เขาชื่อ “ชาตรี”

ทำไมถึงประทับใจ

ขอเล่าต่อสัปดาห์หน้า