ฟ้า พูลวรลักษณ์ : หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (145) : ฉันเป็นฝ่ายมีสิ้นสุด

ฟ้า พูลวรลักษณ์

ฉันเป็นฝ่ายมีสิ้นสุด ฉันจึงอยู่ฝ่าย finite

ในโลกนี้อาจมีคนที่อยู่ฝ่ายไม่สิ้นสุด หรือผู้อยู่ฝ่าย infinite

ฉันจะไม่พูดถึงความตาย ที่เป็นความสิ้นสุดอย่างชัดเจน เพราะบางคนก็อาจคิดว่าชีวิตตายแล้วเกิดใหม่ ไม่สิ้นสุดชาติภพ หากคิดเช่นนี้ ก็คิดได้ เป็นพวกไม่สิ้นสุด ดังนั้น แม้แต่ความตายก็ยังไม่อาจตัดสิน

แต่ความสิ้นสุดของฉัน แปลกที่มันกลับเป็นเรื่องเรียบง่าย มีอยู่รอบตัวของฉัน และมีในชีวิตนี้

จบก่อนที่ฉันจะตาย

ยกตัวอย่างเช่น สมัยหนึ่งที่ฉันกำลังทำข้อสอบ A Level ในประเทศอังกฤษ ซึ่งคือการทำข้อสอบระดับมัธยมปลาย วันนั้นฉันเดินเข้าห้องสอบ นั่งลง เปิดข้อสอบ และทันใดนั้นเอง ฉันเกิดความรู้สึกว่าพอแล้ว ฉันเดินออกมา แล้วส่งกระดาษเปล่า ฉันรู้สึกเบื่อแล้ว พอแล้ว ไม่ต้องการสอบอีก

อาจารย์ของฉันสงสัยมาก เขาไม่ได้สงสัยว่าทำไมฉันส่งกระดาษเปล่า แต่สงสัยว่าทำไมในพริบตาเดียว ฉันตัดสินใจได้ มีอะไรมาดลใจฉันหรือ เรื่องแบบนี้ ไม่น่าตัดสินใจได้ง่าย เมื่ออาจารย์ถามฉัน ฉันจึงคิดปัญหานี้ เพราะตอนทำไม่ได้คิด มันพวยพุ่งขึ้นมาเหมือนภูเขาไฟระเบิด และฉันรู้ว่า นี่คือสิ้นสุด

ที่จริงกรณีนี้ มีเหตุผล คือการสอบ A Level ฉันได้สอบก่อนหน้านั้น เรียกว่าสอบก่อนหนึ่งปี ตามหลักสูตรมีสองปี แต่เรียนไปได้หนึ่งปี ฉันก็ไปสอบเล่นๆ และสอบได้ ติดเกรดดีพอใช้ การมาสอบในปีที่สองก็เพื่อให้ได้เกรดสูงขึ้นไป แต่หากไม่สอบก็ได้ มันต่างกันเพียงแค่นี้ และในบ่ายวันนั้น ฉันก็พอใจแล้ว ฉันพอใจในเกรดที่ตัวเองเคยได้ ที่เข้าไปสอบ เพราะไม่ได้คิดประเด็นนี้ถี่ถ้วนพอ หลงเสียเวลาไปอีกตั้งหนึ่งปี

เพราะเด็ดขาดไม่พอ

ที่จริงในชีวิต เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง ความพอเพียง มันไม่มีเหตุผล ฉันไม่ได้บอกว่าอะไรถูกหรือผิด เพียงบอกว่า เราสามารถสิ้นสุดได้ สำหรับฉัน เวลาเกิดขึ้น มันจะฉับพลันและรุนแรงมาก สมกับคำว่าสิ้นสุด

เช่น หากฉันมีเงินถึงจุดหนึ่ง ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องเยอะมาก แต่ฉันรู้สึกว่าพอแล้ว ฉันก็หยุดทันที ไม่ต้องการเงินเพิ่มมากกว่านี้ นี้คือความสิ้นสุด ฟังดูง่ายๆ มันง่ายพอๆ กับบุหรี่มวนสุดท้าย ที่ใครคนหนี่งที่ติดบุหรี่ แต่เขารู้สึกตัวอย่างชัดเจนว่านี้คือมวนสุดท้าย แล้วจากนั้นเขาก็ไม่สูบอีกเลย นี้คือคนสิ้นสุด

ต่างกับคนไม่สิ้นสุด ที่ไม่อาจเลิก หรือเลิกด้วยความยากลำบาก ทุรนทุราย ที่จริงการเลิกบุหรี่ ก็คือการมาถึงมวนสุดท้าย ก็แค่นั้นเอง เพียงแต่มันคือมวนไหน

ไม่มีใครมีเงินไม่สิ้นสุดได้ หากมี ก็ไม่มีค่าอะไร คำถามคือเท่าไรจึงจะพอ เท่าไรจึงมาถึงฉับพลันแห่งความรู้สึกว่านี้คือสิ้นสุด มันเกิดขึ้นเหมือนฟ้าแลบ มันรวดเร็ว รุนแรง หากคุณบอกว่า ไม่เคยถึงวันนั้นสักที

แสดงว่าคุณยังเป็นฝ่ายไม่สิ้นสุด

๑๐

ข้อดีของการไม่สอบคือ ฉันก็มีอิสระ เดินออกมา ไปทำอย่างอื่น เกรดที่ได้มาแล้ว ก็พอแล้ว

๑๑

ข้อดีของการมีเงินสิ้นสุด ก็เช่นกัน คุณมีวันเวลาที่เหลือในชีวิต ไปทำเรื่องอื่น มีสิ่งมีคุณค่ามากมายในโลก แปลกนะ คนที่บอกได้ว่า เงินของฉันแค่นี้พอแล้ว สิ้นสุดแล้ว

๑๒

การต่อสู้บางอย่างจบแล้ว การทะเลาะเบาะแว้งบางเรื่อง จบแล้ว คนที่รู้ คือคนที่รู้สึก อย่างฉับพลันว่าสิ้นสุด เขาจะไม่ต้องการสิ่งนี้อีก เบื่อหน่ายเกิน และเหนื่อยหน่ายเกิน และไม่เห็นคุณค่าใดๆ ในการทะเลาะ ในการถกเถียง ฉันเป็นคนแบบนี้ ฉันจึงสามารถเดินออกมาได้ ในหลายเรื่อง และจะไม่กลับไปอีก

๑๓

มันเป็นเรื่องแปลก แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดา เท่าคนเลิกเหล้า เลิกบุหรี่ ที่ก็มีไม่น้อย คนแบบนี้ ยิ่งเร็ว ยิ่งหมดจด ยิ่งงดงาม

๑๔

ความดีสูงสุดของมันอยู่ที่ มันทำให้ฉันพบว่าชีวิตนี้มีสิ้นสุด เท่ากับมันขยายความไปทุกเรื่อง แม้บางเรื่องในวันนี้ยังไม่สิ้นสุดก็ตาม

๑๕

ความตายจึงไม่น่ากลัว และไม่แปลก และไม่เร้นลับอะไร เนื่องจากมันเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบอยู่แล้ว รอบตัวของฉัน ในทุกวันเวลา ในขณะนี้

๑๖

ในทางตรงข้าม บางเรื่องแม้จะเล็กนิดเดียว แต่กลับยังไม่จบ และโชคดีเหลือเกินที่ยังไม่จบ ยกตัวอย่างเช่น การดูหนัง สำหรับฉันยังไม่จบ หนังเกือบทุกเรื่อง ฉันดูแล้วดูอีกได้ และจำไม่ได้ แปลกมาก พยายามเท่าไรก็จำไม่ได้ และพิศวงในการจำไม่ได้นั้น เหมือนเป็นหนังใหม่

๑๗

ไม่ใช่เพราะดูนานมากแล้ว ที่จริงก็เพิ่งดูไม่นานมานี่เอง เช่น ดูมาเมื่อสองปีก่อน แต่พอมาดูใหม่ ก็เหมือนหนังใหม่ ความแปลกใหม่ของมัน ประดังเข้ามาในทุกทิศทาง จนฉันตกตะลึง ฉันอึ้ง และฉันงงงวย ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น

สมองของฉันผิดปกติหรืออย่างไร ไม่น่าใช่ มีอะไรบางอย่างกำลังดำเนินอยู่ และลึกซึ้งกว่านั้นมาก

โลกกำลังเปลี่ยนแปลง และตัวฉันกำลังเปลี่ยนตาม หนังเหล่านี้เหมือนเส้นอะไรบางอย่าง มาช่วยฉันวัด

๑๘

ในห้องเก็บดีวีดีของฉัน ที่มีหนังเป็นพันเรื่อง เท่ากับว่าฉันดูได้ใหม่เกือบหมด ในขณะเดียวกันก็มีหนังใหม่ๆ มากมายที่กำลังทยอยออกมา นับไม่ถ้วนเช่นกัน

ฉันถูกหนีบอยู่ตรงกลาง ความรู้สึกที่ถูกหนีบอยู่ตรงกลางนี่ต่างหาก ที่น่าสนใจ เพราะหากแค่อยากดูหนังไม่สิ้นสุด ไปข้างใดข้างหนึ่ง ก็มีให้ดู แต่นี่มันไขว้สลับ เป็นรูปแบบที่สวยงามเหมือนดอกไม้

๑๙

ฉันไม่ได้พูดถึงหนัง แบบนักวิจารณ์หนัง แต่ฉันกำลังพูดถึงมัน แบบชีวิต

๒๐

วันหนึ่งฉันดูหนังเรื่อง Game of Thrones จนจบหกฤดูกาล ได้ยินว่าหนังยังขาดอีกสองฤดูกาล จากนั้นฉันก็มาอ่านหนังสือจนจบห้าเล่ม ได้ยินว่าจะยังมีอีกสองเล่มในอนาคต จากนั้นฉันก็ย้อนกลับไปดูหนังใหม่ทั้งหกฤดูกาลนั้น เพราะจำไม่ได้ และจากนั้น ด้วยเหตุผลคล้ายกัน ฉันก็ย้อนกลับมาอ่านหนังสือใหม่ทั้งห้าเล่ม เกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์

๒๑

ที่จริงหนังทีวีชุดนี้สร้างได้ดีมาก และหนังสือชุดนี้ก็เขียนได้ดีมาก เรียกว่าต่างเป็นสุดยอดในวงการของตัวเอง และมันก็แตกต่างกันมาก เป็นคนละเรื่องเลย ทั้งหนังและหนังสือ มันแยกออกเป็นสองชีวิต

แต่ความมหัศจรรย์อยู่ที่ การเปรียบเทียบพวกมันสองชีวิตนี้ ยิ่งเทียบยิ่งแปลกใจ ยิ่งเห็นอะไรมากมาย

๒๒

บางคนอาจคิดว่าฉันว่างมาก ไม่มีอะไรทำ กับสิ่งที่เป็นเพียงนิยาย หรือสิ่งที่เป็นแฟนตาซี แต่นั่นพวกเขาไม่เข้าใจ ความแปลกของ Game of Thrones อยู่ที่ว่า สัดส่วนของความสมจริงของมันกับความเป็นแฟนตาซีของมันนั้น ลงตัวพอดี ทำให้เหนือกว่าหนังหรือนิยายเรื่องอื่น ที่อยู่ในหมวดเดียวกัน

เช่น หากมันขาดไร้แฟนตาซี มันก็จะแห้งเกินไป หรือหากมันแฟนตาซีมากกว่านี้ ก็ไร้คุณค่าเช่นกัน มันมาผสมผสานกันพอดี มันกลายเป็นสูตรที่ลงตัวในยุคนี้

๒๓

มันจริงจนกลายเป็นประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ทั้งที่มันเป็นเรื่องแต่ง สิ่งสมมุติ

๒๔

งานวรรณกรรมที่สร้างสรรค์ได้ระดับนี้ ต้องถือว่าช่างบังเอิญเหลือเกิน ช่างเป็นการกลายพันธุ์ มันรอด และมันขยายตัวได้ แต่ที่น่าสนใจคือ หนังกับหนังสือ มันเคียงคู่กัน หักล้างกัน เปรียบเทียบกัน ทะเลาะกัน แข่งขันกัน มันยิ่งเสริมคุณค่า เพิ่มมิติตัวมันเองอีก

๒๕

นี้เป็นไวรัสนก ที่มาผสมพันธุ์กับไวรัสหมู จนกลายเป็นอีกหนึ่งไวรัส

๒๖

ฉันนั่งดูหนังแล้วงง ทำได้ยังไง บางตอนเป็น masterpiece ที่ดูแล้วขนลุก แต่เมื่อเทียบกับหนังสือ หนังสือลึกซึ้งยิ่งกว่า ก็กลายเป็นอีกหนึ่งพิศวง มันมาจากไหน และฉันที่ถูกหนีบอยู่ตรงกลาง ก็แปลกอีก ฉันมาเจอมันได้ยังไง หรือมันมาเจอฉันได้ยังไง

๒๗

เหมือนอยู่ๆ ฉันก็มาเจอร่องร่องหนึ่ง และโดยไม่ตั้งใจ ฉันก็เดินเข้าไป และพบว่ามันไม่สิ้นสุด

๒๘

ฉันเป็นคนสิ้นสุด ทำไมมาเจอสิ่งไม่สิ้นสุด และลอยเคว้งคว้าง หายไป

๒๙

ทันใดนั้น ฉันก็นึกได้ สมัยฉันเป็นนักศึกษา ฉันเคยเจอสมการคณิตศาสตร์ บรรทัดหนึ่ง ซึ่งฉันจำชื่อไม่ได้ ยามมันถูกสร้างขึ้นมาเป็นภาพคอมพิวเตอร์ มันกลายเป็นภาพที่ไม่สิ้นสุด และงดงาม มีพลังอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ต่อให้คิด จินตนาการยังไง ก็สู้ภาพที่ปรากฏรูปขึ้นมาไม่ได้ ฉันต้องหลับตาลง

๓๐

และทุกวันนี้ ฉันยังไม่กล้าลืมตาเลย