วิเคราะห์ : 3 สายเลือด “ตระกูลชิน” “แม้ว-ปู-เจ๊แดง” ชะตากรรมโหด ลี้ภัย-ตัด “กำลัง-ท่อน้ำเลี้ยง”

ความเคลื่อนไหวของฟากฝั่ง “สายเลือดชินวัตร” ล่าสุดถูกโฟกัสไปที่ “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว “ทักษิณ” และพี่สาว “ยิ่งลักษณ์” ที่อาจมีชะตากรรมทางการเมืองไม่ต่างจาก “อดีตนายกฯ ตระกูลชินวัตร” ที่ต้องไปอยู่ต่างประเทศ หลังมีกระแสข่าวว่า “เจ๊แดง” ได้เดินทางออกนอกประเทศไทย

ว่ากันว่ามาจากกรณีที่ ป.ป.ช.เตรียมตรวจสอบคดีทุจริตจำนำข้าวล็อต 2 โดยครั้งนี้จะขยายผลให้ไปถึงระดับหัว โดยมีการปล่อยชื่อ “เจ๊แดง” ออกมาว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่อาจถูกทาง ป.ป.ช.ไต่สวน และที่ผ่านมา “เจ๊แดง” เริ่มถอยห่างเรื่องการเมือง เก็บตัวเงียบ

ด้าน “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ป.ป.ช.ได้แจ้งผู้ถูกไต่สวนแล้วตามกระบวนการ ผู้ถูกไต่สวนมีสิทธิ์คัดค้านได้ และได้สั่งไต่สวนผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม รวมถึงการสอบถามผู้ที่ถูกดำเนินคดี เพื่อพิจารณาว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่

“ตามกระบวนการของกฎหมายใหม่ แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะหลบหนีออกนอกประเทศ คดีก็จะไม่สะดุดหยุดลง สามารถเดินหน้าสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานได้ตามกฎหมาย แต่ผู้ถูกกล่าวหาจะไม่มีโอกาสชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา”

พล.ต.อ.วัชรพลกล่าว

 

หลังการพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในล็อตแรก ได้พิพากษาจำคุก “ยิ่งลักษณ์” 5 ปี และ “บุญทรง เตริยาภิรมย์” อดีต รมว.พาณิชย์ จำคุก 42 ปี ซึ่งมีรายงานข่าวว่า “บุญทรง” ได้ให้ข้อมูล ป.ป.ช.ในเรื่องทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี ที่ขยายผลไประดับหัวและเบื้องหลังมากขึ้น

1 ปีกว่าที่ “บุญทรง” ถูกดำเนินคดี แต่เมื่อ 2 เดือนก่อน “บุญทรง” มีอาการป่วยหนักด้วย โรคหมอนรองกระดูกสันหลังและต้นคอเคลื่อน ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ จึงตามมาด้วยปรากฏการณ์ “สลับขั้ว” ที่เรียกได้ว่า “กระจ่างชัด” ในหลายๆ อย่าง

หลังนายเดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ บุตรชาย สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ พร้อมให้สัมภาษณ์อย่าง “ทิ่มแทงใจ” พรรคเพื่อไทย และ “ตระกูลชินวัตร” ไม่น้อย โดยเปิดเผยว่า “บุญทรง” ให้มาปรึกษาอนาคตทางการเมืองกับ “2 ส.” สมศักดิ์ เทพสุทิน และสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตแกนนำกลุ่มสามมิตร จึงเป็นที่มาของการมาร่วมพรรคพลังประชารัฐ และตั้งใจจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เชียงใหม่ ในเขตเดิมของ “บุญทรง” ด้วย จึงมีการมองว่า แม้แต่ “บุญทรง” เองก็ไม่อยากให้ “ลูกชาย” มาเผชิญชะตากรรมแบบตน

“การที่คุณพ่อเป็นอยู่ทุกวันนี้ ไม่ต้องตอบก็คงทราบว่าเป็นเพราะอะไร ทุกวันนี้พอเราต้องการความช่วยเหลือ ดันมาขี่ซ้ำ ผมก็ถามพ่อว่าเราจะเอาอย่างไรกันดี ถ้าอยู่มันโหดร้ายให้ผมทำการเมืองไหม พ่อให้ที่เหลือจากนี้เป็นการตัดสินใจของผมล้วนๆ ท่านบอกว่าชีวิตการเมืองของท่านจบไปแล้ว ต่อไปให้เป็นเรื่องของลูกตัดสินใจเอง” นายเดชนัฐวิทย์กล่าว

การออกมาพูดของ “เดชณัฐวิทย์” อีกมุมก็สะท้อนความในใจของ “บุญทรง” ที่ไม่มีสิทธิได้พูดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

รวมทั้งการย้ายขั้วของ “ลูกชาย” ก็เป็นผลตีกลับไปยังพรรคเพื่อไทยและเครือข่ายชินวัตร และวาทะทางการเมือง “ติดคุกแทนนาย” ด้วย เพราะสภาพของ “บุญทรง” ตอนนี้เหมือนคนถูกทอดทิ้ง ไม่นับรวมกรณีที่ “สุรนันทน์ เวชชาชีวะ” ได้โพสต์เฟซบุ๊กเล่าถึงเรื่องราวที่ “บุญทรง” บอกว่า “กูพูดไม่ได้”

ดังนั้น กระแสข่าวที่ “บุญทรง” จะไปให้ข้อมูลกับ ป.ป.ช. เพื่อขยายผล จึงมีความเป็นไปได้ไม่น้อย เพื่อสาวให้ถึง “ระดับหัว-เบื้องหลัง” ออกมา จนทำให้หนาวๆ ร้อนๆ กันถ้วนหน้า แม้แต่ “เจ๊แดง” เองด้วย

 

ด้าน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. เปิดเผยว่า เมื่อมีกระแสข่าว “เจ๊แดง” ออกมา เจ้าหน้าที่ก็ได้ทำการตรวจสอบทันที แต่ยังไม่พบตัว ก็ไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด แต่คิดว่ายังคงหลบอยู่ในไทย

สอดรับกับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมระบุว่า พบว่ายังไม่มีประทับตราตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) พร้อมเลี่ยงตอบว่าใช้ช่องทางแบบ “ยิ่งลักษณ์” หรือไม่ ว่า “ไม่รู้ เขายังไม่ผิดอะไรเลย แล้วจะไปไหน เขายังไม่เริ่มทำคดีเลย”

ทั้งนี้ มีรายงานว่า เมื่อ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา ในงานแต่งงานของลูกชายนายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา ปธ.ชมรมคนรักอุดร ในการ์ดเชิญมีทั้งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนางเยาวภา เป็นประธานในพิธี

แต่เมื่อถึงวันงานปรากฏว่ามีเพียงนายสมชายเป็นประธานเพียงคนเดียวเท่านั้น

 

สถานการณ์เช่นนี้มีการมองกันว่าเป็นการ “ตัดท่อน้ำเลี้ยง” ของขั้วพรรคสีแดงหรือไม่ เพราะ “เจ๊แดง” ถือว่าเป็น “ผู้ทรงอิทธิพล” แม้จะแยกเป็น “เพื่อไทย-ไทยรักษาชาติ” ก็ตาม ซึ่งในเวลานี้ก็ไม่มีใครยืนยันได้ว่า “เจ๊แดง” อยู่ไหนกันแน่ และไม่ปรากฏกายเป็นข่าวออกมาชัดเจนเสียที ซึ่งส่งผลต่อ “กำลังใจ” คนในพรรคไม่น้อย

ทั้งหมดนี้สะท้อนภาพการต่อสู้ของ “ตระกูลชินวัตร” นับจากนี้ไม่น้อย ที่ถือไพ่ “ทางการเมือง” มีแต้มรองขั้วตรงข้าม แม้ที่ผ่านมามีกระแสข่าว “ดีลจบ-เคลียร์แล้ว” มาตลอด แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ เห็นได้จากกรณี พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย ที่ก็พลาดมาแล้ว

ทั้งนี้ ไม่นับรวมกรณี “โอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร จำเลยคดีฟอกเงิน กรณีการทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยกับกลุ่มกฤษดามหานคร เป็นเช็ค 1 ฉบับ 10 ล้านบาท ที่อยู่ในกระบวนการของศาล

แต่หนึ่งใน “เครือญาติ” ตระกูลชินวัตร “อดีตนายกฯ สมชาย” ก็เคยรอดคดีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ปี 2551 หลังศาลฎีกาฯ พิพากษายกฟ้อง พร้อมกับ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. น้องชาย “บิ๊กป้อม” และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น.

ซึ่งทั้ง 4 คน “ทักษิณ-เยาวภา-ยิ่งลักษณ์-พานทองแท้” ถือเป็น “ผู้นำ” ทัพพรรคสีแดง แม้ทั้ง “”ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” อยู่ต่างประเทศ แต่พรรคก็ยังขับเคลื่อนได้ ผ่านโซเชียลและการให้ลูกพรรคบินไปพบ

แต่ในครั้งนี้ “เจ๊แดง” เงียบหายไป ก็ถือว่าเป็นการ “ตัดกำลัง” ไปไม่น้อยในการจัดทัพในประเทศที่ต้องมีผู้คุมแบบใกล้ชิด จึงต้องหามือไว้วางใจและคุมทัพได้มาทำหน้าที่แทน

แต่ระบบ “ท่อน้ำเลี้ยงแดนไกล” ก็ยังส่งผ่านกันได้อยู่ โดยมีรายงานว่า “น้ำเลี้ยง” ล็อตแรกเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งมาถึงลูกพรรคที่ไทยแล้ว หาก “พรรคสีแดง” นำทัพกลับเอาชนะ “เครือข่ายพรรคสีเขียว” นำโดยพลังประชารัฐได้ ระวังจะถูก “เช็กบิลคืน” ด้วย

ชะตากรรม “มนุษย์” มีขึ้นมีลง ทีใครทีมัน!!