หลังเลนส์ในดงลึก /ปริญญากร วรวรรณ/ ‘เก้งกับหมา’

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ
เก้ง - เก้งมีจมูกรับกลิ่นได้ดี มันจะเชิดหน้าสูดกลิ่นเพื่อความมั่นใจเมื่อได้กลิ่นผู้ล่า

หลังเลนส์ในดงลึก /ปริญญากร วรวรรณ

‘เก้งกับหมา’

 

ในงานถ่ายภาพสัตว์ป่า ผมมีโอกาสพบเก้งบ่อยกว่าสัตว์ป่าชนิดอื่น

รวมถึงคนที่เดินป่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ก็มีโอกาสพบเจอเก้งเสมอๆ ทั้งๆ ที่ว่าตามจริง เก้งมีจมูกรับกลิ่นดีมาก มันสามารถหลบไปให้พ้นจากสายตาคนง่ายๆ ผมคิดเอาเองว่า เพราะความมีนิสัยช่างสงสัยของเก้ง ทำให้มันจะหยุด หลังจากวิ่งไปสักครู่ เมื่อได้กลิ่นผู้ล่า

หยุดทำคอเอียง เขม้นมอง ตาสอดส่ายหาผู้บุกรุก ถ้าไม่เห็นอะไรก็จะค่อยย่องกลับมา

ท่าทางระมัดระวัง ก้าวช้าๆ จมูกเชิด หันหน้าหันหลัง หางสั้นๆ กระดกขึ้นลง

ถ้าได้กลิ่นอีก แต่ไม่แน่ใจ มันจะหันหน้ามองด้านที่รับกลิ่นได้ ยกขาหน้าข้างหนึ่งขึ้น กระทืบพื้น กึก! กึก! ทำเช่นนี้พักใหญ่ จนแน่ใจว่าไม่มีอันตราย จึงจะก้มกินน้ำในโป่ง

โป่งซึ่งมีแร่ธาตุจำพวกเกลือ โซเดียมคลอไรด์ แคลเซียม แมกนีเซียม และอื่นๆ อีกหลายอย่าง นั้นเป็นแหล่งอาหารเสริมของเหล่าสัตว์กินพืช

โป่งเป็นที่ชุมนุม และนักล่าทั้งหลายก็รู้ดี

ในโป่งเกือบทุกแห่ง มีเก้งเป็นขาประจำ สัตว์ป่าชนิดอื่น ไม่ว่าจะเป็นกระทิง วัวแดง กวาง รวมทั้งพี่ใหญ่คือ ช้าง ใช้เก้งเป็นแนวหน้า พวกนั้นจะดูอาการจากเก้ง

ถ้าเก้งแสดงท่าทางปกติ ไม่ตื่นตระหนก ย่อมแปลว่า บริเวณนั้นปลอดภัยดี

 

เก้งเป็นนักปลูกป่ามืออาชีพ

นี่ไม่ใช่การยกย่องเกินความจริง เพราะเก้งกินผลไม้มากกว่าใบไม้ อีกทั้งเขี้ยวยาว บริเวณขากรรไกรด้านบนนั้นช่วยให้เก้งลอกเปลือกไม้ได้ดี

เมล็ดพืชที่ผ่านการบ่มเพาะจากกระเพาะสัตว์ป่า และนก มีอัตราการงอกมากกว่าเมล็ดพืชที่หล่นลงพื้นเฉยๆ

มีความจริงว่า สัตว์ป่าทุกตัวมีหน้าที่ทำงานอยู่ในป่า จะเห็นได้ว่า งานของเก้งค่อนข้างหนัก ด้วยเหตุผลนี้ เก้งจึงได้รับสิทธิพิเศษให้สืบพันธุ์ได้ตลอดทุกฤดูกาล ไม่ต้องรอเฉพาะช่วงฤดูแห่งความรักเหมือนสัตว์ตัวอื่นๆ

เก้งจึงขยายพันธุ์ได้เร็ว ตัวเมียตั้งท้อง 6 เดือน ลูกเกิดใหม่มีจุดเล็กๆ สีขาวตามลำตัว เพื่อเป็นลายพรางไม่ให้ผู้ล่าเห็นง่ายไป

พออายุ 6 เดือน จุดๆ ก็จะหายไป

ลูกเก้งซุกซนตามประสาเด็กเล็ก พอออกมาที่โล่ง มักกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจวิ่งไปวิ่งมา ไม่ระวัง แม่ต้องคอยต้อนให้หลบๆ ตามพุ่มไม้

 

เก้งจะอยู่แถวต้นมะขามป้อม ต้นไทรที่มีลูกสุก

เก้งขึ้นต้นไม้ไม่ได้หรอก แต่นี่ไม่ใช่ปัญหา เพราะพวกอยู่ข้างบนอย่างนกและลิง ค่าง จะเขย่าหรือทำลูกไทรหล่นลงพื้นมาให้

เมล็ดผลไม้ที่เก้งกิน จะถูกนำไป แม้แต่ผลไม้ที่สัตว์ไม่กินอย่างลูกกระโดน ก็ได้รับการออกแบบมาให้มีความเหนียว

เมื่อแก่จัด เก้งและสัตว์ที่มีตีนเป็นกีบ เดินมาเหยียบ ก็จะติดไปแพร่กระจายที่อื่นได้

 

เก้งระมัดระวังตัวมากเมื่อออกมาอยู่ในที่โล่งๆ

แต่ความระวังอย่างสูงนี้จะคลายไปเมื่อเก้งอยู่ด้วยกันสองตัว และจะไม่ระวังเลยถ้าตัวเมียอยู่ในช่วงพร้อมผสมพันธุ์

ในเวลานั้น คล้ายกับว่า โลกนี้ไม่มีใครอื่นอีกแล้ว

ไม่แค่เดินคลอเคลีย ตัวเมียจะเป็นผู้เดินต้อนหน้าต้อนหลัง ทำตัวหมอบ กระโดด วิ่งไปมา ส่วนตัวผู้ยืนตัวแข็งๆ นิ่ง ราวกับไม่สนใจ ลีลาแสดงความรักนี้จะดำเนินไปตลอดวัน บรรยากาศแห่งความหวานชื่นกระจายไปรอบๆ ดูเหมือนสัตว์ป่าตัวอื่นๆ ก็รู้ ออกมาร่วมสมทบ บางครั้งหมูป่า หลายครั้งเป็นนกยูง

เมื่อนกยูงออกมา เก้งก็สบายใจ เพราะนกยูงนั้นมีประสาทสัมผัสในการระวังภัยสูงสุด ไว้ใจได้

ในระหว่างนกยูงกับเก้ง ดูเหมือนว่าพวกมันเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน ในช่วงที่นกยูงอยู่ในฤดูกาลแห่งความรัก ตั้งหน้ารำแพนหาง เรียกร้องความสนใจจากตัวเมีย โดยไม่สนใจอย่างอื่น

เก้งจะออกมาคอยช่วยระวังภัยให้เช่นกัน

 

เก้งไม่ใช่สัตว์แปลกหน้าของคน มีพวกมันอยู่ทั่วไป จำนวนมากขยายพันธุ์เร็ว

เก้งถูกรู้จักในแง่ของการเป็นอาหารมากกว่าในความเป็นนักปลูกป่ามืออาชีพ

อาจเป็นเพราะไม่ใช่สัตว์หายาก มีจำนวนมาก ความธรรมดากลายเป็นความไม่น่าสนใจ ในความเป็นจริง พวกมันเดือดร้อนจากการขาดแคลนแหล่งอาศัย เช่นเดียวกับสัตว์ชนิดอื่น

พื้นที่อาศัยโดนตัดขาด พวกมันติดอยู่ตามเกาะ ร่วมกับสัตว์ตัวอื่น

พื้นที่แคบลง ถ้าไม่อดตายเสียก่อน หรือผสมกันเองภายในกลุ่ม กระทั่งมีลักษณะด้อยลงเรื่อยๆ ก็มักถูกไล่ล่า ฆ่าเพื่อเอาเนื้อไปขายตามร้านอาหารป่า

นี่เป็นชะตากรรมที่พวกมันหลีกเลี่ยงไม่พ้น

 

เก้งเป็นคล้ายเพื่อนที่มาอยู่ด้วยเสมอ เวลาผมเฝ้ารออยู่ในซุ้มบังไพร นอกจากนั้น พวกมันยังเป็นบททดสอบที่ดี การต้องนิ่งเพื่อไม่ทำให้สัตว์ซึ่งมีประสาทสัมผัสในการระวังภัยดี ไม่ตื่นหนี คือบทเรียนอันสำคัญ

ผมมีรูปเก้งมาก

ในการทำงานเฝ้ารอสัตว์ที่อยากเจอ ระหว่างนั้นจะได้พบเก้ง

ผมเคยคิดว่า นั่นเป็นเพราะผมนิ่งพอ มีทักษะอยู่บ้าง แต่ถึงวันนี้ ผมรู้แล้วว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย

การทำงานกับสัตว์ป่า ไม่ว่าจะอย่างไร พวกมันสัมผัสได้รู้ว่า เราอยู่ในบริเวณนั้น

เหตุผลเดียวที่ผมได้รูปคือ มันอนุญาต

ยอมให้ถ่ายรูป ใช้ผมนำเรื่องราวพวกมันมาเล่าให้ผู้อื่นได้รับรู้

 

เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเก้งคือ เสียงร้อง พวกมันมีสำเนียงเดียวกันกับเสียงหมาเห่า

ในป่า มันมักส่งเสียงเมื่อได้กลิ่นผู้ล่า คน หรือควันไฟจากในแคมป์ นี่คือเสียงเตือนสัตว์อื่น คนได้ยินเสียงมักเข้าใจผิดบ่อยๆ

ผมรู้จักคนจำนวนไม่น้อย ผู้ซึ่งพยายามเป็นปากเสียงแทนเหล่าสัตว์ป่า บอกเล่าความเดือดร้อน ปัญหา หรือคัดค้านโครงการใหญ่โต ซึ่งจะเป็นการทำลายแหล่งอาศัยสัตว์ป่า

พวกเขาเหล่านั้นเปรียบเสมือนเก้ง

เพราะเสียงเก้งนั้น ถ้าฟังอย่างไม่ใส่ใจ

ผู้ได้ยินจะเข้าใจว่าเป็นเสียงหมา