จดหมาย มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 11 พ.ย. 2559

ร่วมไว้อาลัย

ดิฉันอ่าน มติชนสุดสัปดาห์ เป็นประจำค่ะ

วันนี้ได้เขียนบทกลอนไว้อาลัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9

มาให้พิจารณา

สิบสามตุลาวันมหาวิปโยค

ชาวไทยเศร้าโศกพ่อจากไกลพาใจหาย

พระองค์จากลูกไป พระชนม์ไม่มากมาย

แสนเสียดายสุดจะหาใครมาแทน

วันวานยังเห็นภาพเสด็จไปทั่วทุกแหล่งหล้า

ไม่ย่นย่อต่อความยากลำบากพระกายา

วันนี้โรคาพยาธิมาพราก โอ้…พระภูวนัย

ดุจควักเอาดวงใจของปวงข้า พสกนิกร

ไม่มีแล้วพระพักตร์ที่มีแต่พระเสโท

ไม่มีอีกแล้วฉลองพระองค์สุดโก้ที่เปื้อนโคลนฝุ่น

ไม่มีแล้วสายพระเนตรที่เปี่ยมด้วยการุณย์

ไม่มีอีกแล้วพระกรุณาธิคุณของลูกไทย

ตั้งแต่นี้ต่อไปไม่มีแล้ว

โอ้…ทูลกระหม่อมแก้วที่เคยเห็น

เหลียวหน้าก็เปล่าจิต ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า

เหลียวหลังก็เงียบเหงาโอ้…ตัวเราพ่อจากไกล

น้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณ

ยังอบอุ่นในดวงจิตมิรู้หาย

โครงการ ในพระราชดำริอันมากมาย

สุดที่จะนำมาบรรยายให้ถ้วนถี่

พระกรณียกิจทั้งหลายที่เคยมี

ปวงลูกนี้จะสืบสานพระปณิธาน

ขอน้อมเกล้าถวายส่งเสด็จสู่สรวงสวรรค์

มีเหล่านางฟ้าและทวยเทพเทวัญ

มาขับกล่อมองค์ราชันด้วยสำเนียงเสียงดนตรี

ธ ทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกายมามากแล้ว

โอ้ทูลกระหม่อมแก้วทรงพักผ่อนให้เต็มที่

ขอพระองค์ทรงคลายกังวลในทุกทุกกรณี

เจ็ดสิบปีที่ทรงครองราชย์มา

ปวงประชาทั้งหลายต่างสุขสันต์

ขอพระองค์ทรงพระเกษมสำราญ

ในทิพย์พิมานแมนแดนสวรรค์

ขออินทร์พรหมแลเทพไท้เทวัญ

โปรดอภิบาลพระมิ่งขวัญของปวงชน

ขอดวงพระวิญญาณอันพิศุทธิ์

สถิตในทิพย์พิมานสวรรคาลัยเทอญ

เปี่ยมจิต มากนวล

กทม.

 

คนเร่ร่อน

ตามที่มีข่าวว่าในการแจกของตามกิจกรรม “จิตอาสา” ณ ท้องสนามหลวง

ปรากฏว่ามีผู้รับบริจาคแล้วเอาไปขายต่อ

บ้างก็ว่าเป็นพวกคนเร่ร่อน

ข้อนี้ไม่จริง

คนเร่ร่อนเป็นคนดีกว่านั้นมาก

ผม ในฐานะประธานมูลนิธิอิสรชน ที่ให้การช่วยเหลือคนเร่ร่อน หรือ “ผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ” มาอย่างต่อเนื่อง

เห็นว่า คนที่ถูกจับได้ว่าเป็นคนนำอาหารหรือของใช้ต่างๆ ที่ได้รับจากการบริจาคไปขายนั้น ไม่ใช่คนเร่ร่อน

แต่เป็นบุคคลอื่นที่ “เวียนเทียน” มาขอรับบริจาค

คนเร่ร่อน ไม่มีศักยภาพพอที่จะนำของเหล่านี้มาขาย

การแต่งกายก็อาจมอมแมมบ้าง

คงไม่สามารถประกอบการค้าแบบนี้ได้

ปกติคนเร่ร่อนนั้นค่อนข้างจะกลัวคนธรรมดาด้วยซ้ำไป ไม่ค่อยกล้าสู้หน้า

เพราะรู้สึกตนเองต่ำต้อยในสังคม

จะสังเกตได้ว่าผู้ที่ให้ความช่วยเหลือสังคมนั้น มักไม่ได้ให้ความช่วยเหลือคนเร่ร่อน

คนกลุ่มนี้จึงอยู่ตาม “ชายขอบ” ของสังคม

พวก “จิตอาสา” ชอบเข้าไปในชุมชนมากกว่า

นัยหนึ่งเป็นเพราะประชาชนเป็นกลุ่มก้อน เหมาะแก่การ “หาเสียง”

แต่คนเร่ร่อนนั้น จะปลีกตัวในสังคม ไม่ได้รวมกลุ่มกัน แต่ก็มีการช่วยเหลือเจือจานต่อกันและกันดี

คนเร่ร่อนไม่ใช่พวกขอทาน (อาชีพ) ซึ่งมีทั้งคนไทยเอง และคนต่างชาติ (ที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน)

พวกขอทานจะมีรายได้วันละ 500-1,500 บาท หรืออาจมากกว่านั้น

ในการเดินทางมา “ทำงาน” ขอทาน ก็มักจะมีรถรับส่ง โดยว่าจ้างมาเอง หรือมี “แก๊ง” มารับส่ง

มีบ้าน อาหาร เป็นหลักแหล่งแน่นอน เช่น เช่าบ้านในชุมชนแออัด หรือบ้านเช่าอื่นๆ

ส่วนคนเร่ร่อนนั้น นอนอยู่ตามที่สาธารณะ เช่น สนามหลวงหรืออื่นๆ

คนเร่ร่อนนั้นมักจะเป็นผู้ที่มีปัญหาสังคม ถูกทอดทิ้ง ขาดการเหลียวแล ไม่มีญาติมิตร หรือมี แต่ไม่มีใครดูแล

จึง “ประท้วงชีวิต” หรือ “จนตรอก” จนต้องมานอนข้างถนน

คนที่นอนในที่สาธารณะได้นั้น มักจะต้องมีอาการผิดปกติทางจิตใจบ้าง เพราะการนอนในลักษณะนี้ ไม่ถูกสุขลักษณะ ไม่มีความเป็นบ้าน

จึงต้องสร้างมาตรการป้องกันตนเอง (Defense Mechanism) โดยไม่ค่อยพูดคุยกับใคร มีความระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ

เพราะที่ผ่านมาก็มีผู้นำอาหารที่มีพิษมาให้รับประทาน ทำให้เสียชีวิตหรือเจ็บป่วย

ผมมีโครงการที่จะขอ “ยืม” ที่ดินเพื่อสร้างเป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราว (ระยะเวลา 6 เดือน – 3 ปี) แต่ปลอดภัยสำหรับคนเร่ร่อน

โดยอาจเป็นที่ดินขนาด 100-400 ตารางวา นำคอนเทนเนอร์ หรือสร้างเป็นเต๊นท์ เพื่อให้พัก ดูแลความปลอดภัย

เพื่อให้เขาสามารถค่อยๆ กลับคืนสู่สังคมในฐานะพลเมืองที่ดี

ที่ดินนี้ควรอยู่ในเขตพระนคร ป้อมปราบฯ สัมพันธวงศ์

นอกจากนี้ มูลนิธิยังมีกิจกรรมส่งคนไข้ไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ส่งกลับบ้านต่างจังหวัด เลี้ยงอาหารแก่คนเร่ร่อนรายสัปดาห์ ฯลฯ

ท่านใดประสงค์จะช่วยเหลือผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ ติดต่อ มูลนิธิอิสรชน (www.issarachon.org) 72 วัดสุขใจ 12 แขวงทรายกองดิน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร 10510 โทรศัพท์ : 0-2915-6227, 08-6687-0902 โทรสาร : 0-2915-6227 อี-เมล : [email protected]

ดร.โสภณ พรโชคชัย

การเข้าใจ “อะไร” อย่างรอบด้าน

เช่น ข้อมูลคนเร่ร่อน จาก ดร.โสภณ พรโชคชัย นั้น

ย่อมจะทำให้เรา ทำ “อะไร” ได้ดียิ่งขึ้น

โดยเฉพาะ “ความดี” ที่เป็น ความดี จริงๆ