วงค์ ตาวัน : โจรระดับรับโล่ปราบคอร์รัปชั่น

วงค์ ตาวัน

คดีแก๊งคนร้ายบุกปล้นบ้านอดีตปลัดคมนาคม นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ที่ตกเป็นข่าวใหญ่เมื่อปี 2554 ซึ่งถือเป็นการลงมือปล้นที่สร้างผลสะเทือนใหญ่หลวง เนื่องจากการเป็นการปล้นพร้อมกับเปิดโปงว่า ภายในบ้านหลังดังกล่าวมีเงินสดเก็บเอาไว้มากมายมหาศาล ส่งผลให้เจ้าของบ้านต้องโดนดำเนินคดีร่ำรวยผิดปกติไปในที่สุด

ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา เรื่องนี้ได้กลับมาเป็นข่าวกันอีกครั้ง เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ 9 คน มีมติเสียงข้างมาก พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

“ให้จำคุกนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม เป็นเวลา 10 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และห้ามดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเวลา 5 ปี กรณียื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ”

ถือว่าเป็นการพิพากษาถึงที่สุด นำตัวเข้าเรือนจำไปทันที

นอกจากนี้ยังมีคดีการยึดทรัพย์โดย ป.ป.ช.อีกต่างหาก

เท่ากับว่า ชีวิตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่เคยรุ่งโรจน์ถึงขั้นก้าวขึ้นเป็นปลัดกระทรวงคมนาคม ที่เรียกว่ากระทรวงเกรดเอบวก

“ต้องพังทลาย ถูกดำเนินคดีทุจริต ถูกยึดทรัพย์สิน และต้องไปใช้ชีวิตในเรือนจำ ด้วยฝีมือของคนร้ายนับสิบที่บุกเข้าปล้นบ้านในค่ำคืนหนึ่งเมื่อปลายปี 2554”

แน่นอนว่า การปล้นครั้งนี้ผ่านการเฝ้าสังเกตการณ์ วางแผนกันมาอย่างละเอียด

เลือกลงมือในคืนที่นายสุพจน์พร้อมครอบครัวเดินทางไปเป็นเจ้าภาพงานวิวาห์ของลูกสาวที่โรงแรมหรูในใจกลางกรุง

ส่วนภายในบ้านพักของปลัดย่านวังทองหลาง เหลืออยู่เพียงสาวใช้ไม่กี่คน

เมื่อคนร้ายพร้อมอาวุธบุกเข้าจี้จับมัดคนในบ้าน แล้วตรงดิ่งไปยังห้องนอนใหญ่ กวาดเอาเงินสดๆ ที่วางไว้เต็มไปหมด

“จังหวะนั้นเอง สาวใช้รายหนึ่งแอบโทรศัพท์ไปแจ้งเจ้านายถึงเหตุร้ายที่เกิดขึ้น!”

เจ้าของบ้านที่กำลังติดต้อนรับแขกเหรื่อในงานหรู ซักถามข้อมูลจากสาวใช้เท่าที่พอได้ แต่ก็ยังสับสนว่าคนร้ายเข้ามาปล้นอะไร อย่างไร

ด้วยความที่ไม่สามารถปลีกตัวออกไปจากงานฉลองสมรสอันใหญ่โตนั้นได้ จึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปถึงนายตำรวจใหญ่ในกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่รู้จักมักคุ้นกันเป็นการส่วนตัว

กระซิบกระซาบว่า สาวใช้ในบ้านโทร.มาบอกว่ามีคนบุกปล้น วานช่วยไปตรวจสอบให้หน่อย

“ใจจริงหวังจะให้นายตำรวจรายนี้เดินทางไปดูที่บ้านเอง เพื่อจะได้ไม่เป็นเรื่องเอิกเกริก เพราะในบ้านมีความลับบางประการซ่อนอยู่!?”

แต่เพราะไม่ได้อธิบายลงไปในรายละเอียด ทำให้นายตำรวจใหญ่ที่ได้รับโทรศัพท์ดังกล่าว ใช้วิธีแจ้งเหตุไปยัง สน.ท้องที่ ให้เข้าไปตรวจสอบดำเนินการโดยด่วน

เท่านั้นแหละ จากคดีปล้นบ้านเลยบานปลาย!!

คดีนี้ตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายบางส่วนได้อย่างฉับไว พอนำตัวมาสอบปากคำก็ต้องตื่นตะลึง เพราะคนร้ายบอกว่า ภายในห้องที่บุกเข้าไปปล้นนั้น ขนเงินสดๆ ออกมาแทบไม่หวาดไม่ไหว และยังมีที่ยังไม่ได้ขนออกมาอีกหลายกระเป๋า วางไว้บนชั้นวางของเป็นจำนวนมาก

ข่าวสะพัดทันทีว่า มีเงินสดอยู่ในบ้านมากมาย

“หลายร้อย จนถึงพัน เลยทีเดียว!?!”

จังหวะนั้นเอง เจ้าของบ้านได้ให้คำอธิบายกับตำรวจและกับสื่อมวลชนทำนองว่า ที่มีเงินสดอยู่มาก ก็เป็นเงินใส่ซองงานวิวาห์ของลูกสาวนั่นแหละ อ้างว่าน่าจะมีราว 5 ล้านบาท

แต่หลังจากนั้นตำรวจตามจับคนร้ายได้เพิ่ม และยึดเงินของกลางคืนมาได้ แม้จะไม่เต็มจำนวน ก็เกินกว่า 5 ล้านที่อ้างมากมายหลายเท่า

“โดยประมาณว่าทีมที่เข้าปล้นน่าจะมีราว 10 คน แบ่งกันไปมากมาย แถมตัวหัวหน้าแก๊งที่หอบไปด้วยหลายสิบล้านไม่สามารถตามจับตัวได้”

จุดที่น่าสนใจก็คือ เมื่อประมวลจากคำให้การของกลุ่มโจร พบว่ามีคนสั่งการและวางแผนมาให้เรียบร้อย ระบุเลยว่าภายในบ้านหลังนี้มีเงินสดเก็บไว้เป็นจำนวนมาก

ดังนั้น ต้องเป็นคนภายในกระทรวง หรือคนที่มีความใกล้ชิดกับเจ้าของบ้าน หรือคนที่ร่วมรู้เห็นอยู่ในโครงการต่างๆ ของกระทรวงคมนาคม เป็นคนสั่งการวางแผน

“อาจจะเกิดขัดแย้งกัน หรือต้องการล้างแค้นอะไรบางอย่าง!”

กลุ่มคนร้ายที่ได้รับคำสั่งให้มาปล้น ได้ลงทุนเช่าอพาร์ตเมนต์ใกล้บ้านเป้าหมาย ส่องกล้องสังเกตการณ์อยู่นับเดือน โดยเลือกห้องในชั้นบนๆ ที่สามารถจ้องมองความเป็นไปของบ้านเหยื่อ เพื่อเตรียมแผนในรายละเอียด

แถมคำสั่งยังเร่งรัดให้รีบลงมือ บอกว่าช้าไปจะไม่ทันการณ์ เพราะจะมีการสร้างห้องไว้เตรียมเก็บใหม่ ทำให้ยากต่อการเข้าถึง

จนมาลงล็อก เมื่อขณะนั้นสถานการณ์มหาอุทกภัยกำลังจมพื้นที่ต่างๆ ไปทั่วประเทศ และกำลังเคลื่อนเข้ามาจ่อใกล้ กทม.

“เจ้าของบ้านตัดสินใจถอดเครื่องรีโมตไฟฟ้าควบคุมประตูหน้าบ้านออก เพื่อเตรียมรับน้ำที่กำลังจะเข้ามาท่วมใหญ่”

ทำให้แก๊งปล้นโล่งอก เพราะถ้าเป็นประตูใช้ระบบรีโมตไฟฟ้า จะไม่สามารถเปิดเข้าไปได้ง่ายๆ

แถมยังได้วันดีที่คนในบ้านจะต้องไปร่วมงานฉลองวิวาห์ที่โรงแรมในใจกลางเมืองอีกด้วย

ดีเดย์ปล้นจึงมาถึง และลงมือได้สำเร็จ โดยไม่รู้มาก่อนว่าเรื่องจะใหญ่ไปกว่านั้นอีก!

เชื่อได้เลยว่าคนสั่งการวางแผนปล้นทั้งหมดคงแอบคิดเอาไว้ว่า เมื่อปล้นเสร็จได้เงินมาแล้วคงหนีลอยนวลได้ เพราะเหตุการณ์นี้คงไม่น่าจะกล้าแจ้งความ ด้วยจำนวนเงินนั้นเยอะเกินไป คงไม่อยากให้เรื่องไปถึงหู ป.ป.ช.

แต่เพราะคืนนั้นเจ้าทรัพย์ไม่อยู่ในบ้าน เลยไม่รู้รายละเอียดของการปล้นชัดเจน อีกทั้งเดิมทีก็ตั้งใจจะแจ้งให้นายตำรวจใหญ่ที่รู้จักกันดีไปช่วยดูให้ ไม่คาดคิดว่าจะใช้วิธีแจ้งโรงพักท้องที่แทน

“สุดท้ายการถูกปล้นก็เลยบานปลายถึงหมดตัว และยังต้องใช้ชีวิตในคุกตะรางอีก”

นี่จึงเป็นปฏิบัติการปล้นมหาประลัย ปล้นสะท้านวงการข้าราชการระดับบิ๊ก ปล้นแล้วกลายเป็นการเปิดโปงไปอีกด้วย

กลายเป็นเหตุการณ์ตัวอย่าง ที่อาจจะทำให้บ้านข้าราชการหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีกหลายหลังสั่นสะท้านไปตามๆ กัน

“แล้วคงรีบหาทางป้องกัน ไม่ให้เกิดซ้ำรอยกับบ้านอดีตปลัดกันอย่างอลหม่าน!?!”

แต่ถึงที่สุดแล้วก็เป็นอุทาหรณ์บอกให้รู้ว่า ความลับไม่มีในโลก

มีอะไรที่งอกเงยเกินเลยผิดปกติ ต้องมีคนใกล้ตัวรู้เห็น หรือคนที่ร่วมมือกันก็รู้ด้วย

แล้ววันหนึ่งก็อาจเป็นเรื่องขึ้นมาได้

“ความซื่อสัตย์สุจริตและใช้ชีวิตตามความเป็นจริง เป็นความปลอดภัยกับตัวเองได้ดีที่สุด”

ขณะเดียวกันผลงานของแก๊งโจรแก๊งนี้ อีกด้านต้องถือว่าเป็นการช่วยเหลือสังคมประเทศชาติครั้งใหญ่

ช่วยให้ ป.ป.ช.ได้ทำงานใหญ่ ได้ยึดทรัพย์สินมาเป็นของแผ่นดิน

ดังนั้น องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นทุจริต ที่เพิ่งโดนผู้คนหัวเราะขบขันกันทั้งเมือง เมื่อไปให้คะแนนรัฐบาล คสช.ดีเยี่ยม

น่าจะมาจัดทำโล่ประกาศเกียรติคุณ มอบให้แก๊งปล้นบ้านรายนี้ ดูจะเข้าทีกว่าตั้งเยอะ!