เศรษฐกิจ/ประชานิยมโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง… ซานต้า ‘ตู่’ แจกแหลก ให้ส่วนลดน้ำมันพี่วิน อัดฉีดเงินอุ้มดีเซล…ไม่กระทบค่าครองชีพ

เศรษฐกิจ

 

ประชานิยมโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง…

ซานต้า ‘ตู่’ แจกแหลก ให้ส่วนลดน้ำมันพี่วิน

อัดฉีดเงินอุ้มดีเซล…ไม่กระทบค่าครองชีพ

 

ภายหลังเกิดความชัดเจนช่วงวันเลือกตั้งคร่าวๆ คือเดือนกุมภาพันธ์ 2562

เวลานี้จึงถือเป็นโค้งสุดท้ายในการทำงานของรัฐบาลลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จำเป็นต้องระดมนโยบายคล้ายการหาเสียงออกมาอย่างต่อเนื่อง

หนึ่งในนั้นคือนโยบายด้านพลังงาน

โดยเฉพาะการดูแลราคาพลังงานไม่ให้สูงเกินไป

รวมทั้งการมอบส่วนลดราคาพลังงานหลายๆ ชนิดให้กลุ่มประชาชนฐานรากที่จะเป็นฐานเสียงสำคัญในอนาคต เป็นโมเดลที่ทุกรัฐบาลเลือกทำอยู่ร่ำไป

ล่าสุดนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ก็ออกมาให้ความชัดเจนว่า รัฐบาลกำลังช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการประชารัฐที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงการคลัง

โดยจะให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมกับกระทรวงพลังงานเข้าช่วยเหลือกลุ่มรถจักรยานยนต์ (มอเตอร์ไซค์) รับจ้างให้ได้รับส่วนลดราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 เป็นการคอนเฟิร์มว่ารัฐบาลช่วยแน่ หลังจากก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังให้ข่าวมาระยะหนึ่งแล้ว

ประเด็นนี้ กระทรวงพลังงานโดยนายสมบูรณ์ หน่อแก้ว รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าว57’ความคืบหน้ามาตรการช่วยเหลือลดค่าครองชีพประชาชนให้กับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ถือบัตรสวัสดิการประชารัฐให้ได้รับส่วนลดราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ในอัตรา 3 บาทต่อลิตรว่า อยู่ระหว่างการทำงานร่วมกับกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ที่ดูแลผู้ถือบัตรสวัสดิการประชารัฐ และกรมการขนส่งทางบก ที่ดูแลผู้ถือใบอนุญาตประกอบอาชีพขับรถจักรยานยนต์ (มอเตอร์ไซค์) รับจ้างทั่วประเทศ หลังจากเดือนกันยายนที่ผ่านมา กรมได้หารือกับทั้งสองกรมแล้ว คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้

โดยหลักการช่วยเหลือเบื้องต้นจะให้ส่วนลดกับผู้ถือบัตรสวัสดิการประชารัฐและใบอนุญาตขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่มีทั่วประเทศประมาณ 1 แสนคันให้ได้รับส่วนลดน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ในอัตราลิตรละ 3 บาท ไม่เกิน 5 ลิตรต่อวัน คิดเป็นส่วนลดรวม 15 บาทต่อวัน หรือ 450 บาทต่อเดือน

“ส่วนลด 450 บาทต่อเดือนต่อคัน จากผู้ขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างทั่วประเทศประมาณ 1 แสนคัน จะคิดเป็นเงิน 45 ล้านบาท หรือ 540 ล้านบาทต่อปี ส่วนจะใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนหรือไม่ ต้องอยู่ที่การพิจารณาของกระทรวงพลังงาน และรัฐบาล”

นายสมบูรณ์กล่าว

 

โดยแนวทางการอุดหนุนส่วนลดน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 3 บาทต่อลิตร จากการติดตามข้อมูล กระทรวงพลังงานจะใช้เงินจากกองทุนน้ำมันฯ อุดหนุนปีละประมาณ 600 ล้านบาท และให้ผู้ค้ามาตรา 7 อาทิ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมอุดหนุนด้วย แต่ตัวเลขอุดหนุนของสองส่วนจะกำหนดอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เบื้องต้นกองทุนน้ำมันฯ อุดหนุน 2 บาทต่อลิตร ผู้ค้ามาตรา 7 อุดหนุน 1 บาทต่อลิตร

อย่างไรก็ตาม มีที่ไม่ชัดเจนคือตัวเลขจำนวนผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ของกรมการขนส่งทางบก เพื่อนำมาเชื่อมกับข้อมูลผู้ถือบัตรสวัสดิการประชารัฐ

โดยทางกรมการขนส่งทางบกแจ้งกระทรวงพลังงานว่าการดึงข้อมูลดังกล่าวต้องใช้เวลาหลังเลิกงาน เพราะหากทำในเวลาราชการอาจกระทบระบบทั้งหมดได้ แต่เชื่อมั่นว่าจะดำเนินการตามกรอบเวลา ทันใช้บัตรช่วงปลายปีแน่นอน

ส่วนผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ที่มีรายได้น้อยแต่ยังไม่ทำบัตรสวัสดิการประชารัฐ ก็คาดว่าจะสมัครได้ช่วงเดือนเมษายนที่กรมบัญชีกลางจะเปิดรับสมัครรอบใหม่ ส่วนลดช่วงสิ้นปีนี้คงไม่ทัน

มีคำถามว่าทำไมต้องให้ความช่วยเหลือผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง

 

ผู้บริหารกระทรวงพลังงานรายหนึ่งให้เหตุผลว่า ราคาน้ำมันอยู่ในช่วงขาขึ้น จึงต้องการช่วยเหลือลดค่าครองชีพกลุ่มดังกล่าว เนื่องจากเป็นกลุ่มเดียวยังไม่ได้รับความช่วยเหลือเช่นเดียวกับผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะประเภทอื่น อาทิ รถตู้สาธารณะ แท็กซี่ ได้รับส่วนลดก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) รถบรรทุกสินค้า รถบัส และประชาชนทั่วไปได้รับการดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ดังนั้น จึงควรช่วยเหลือผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างด้วย และกำหนดน้ำมันชนิดเดียวคือ แก๊สโซฮอล์ 95 เพราะเป็นประเภทที่รัฐบาลสนับสนุนอยู่

ภายหลังมีประเด็นนี้ออกมา ในโลกออนไลน์พบความเคลื่อนไหว โดยส่วนใหญ่แสดงความไม่เห็นด้วย มีการตั้งคำถามว่านโยบายดังกล่าวควรถามผู้ถือหุ้น ปตท. ก่อน หากทำตามคำสั่งรัฐทันทีควรออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อเป็นหน่วยงานรัฐ 100% นอกจากนี้ยังมีdkiตั้งคำถามถึงการคัดกรองผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ที่ยากจนจริง เพราะปัจจุบันส่วนใหญ่มีรายได้ดีจากการตั้งราคาค่าโดยสารที่สูง

เป็นประชานิยมเพื่อซื้อใจพี่วินมอเตอร์ไซค์ทั่วประเทศ…

 

ไม่เพียงเท่านี้ ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่กระทรวงพลังงาน มีนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน มีมติใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปัจจุบันมีฐานะสุทธิ 24,592 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมัน 28,919 ล้านบาท และแอลพีจีติดลบ 4,327 ล้านบาท แบบหมดหน้าตักเพื่ออุ้มราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันอยู่ที่ 29.89 บาทต่อลิตร ภายใต้สมมุติฐานราคาน้ำมันดูไบ 3 กรณี

กรณีแรก หากราคาน้ำมันดิบดูไบยังไต่ระดับ 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล บวกลบไม่เกิน 2.50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จะใช้เงินกองทุนน้ำมันดีเซลอุดหนุนไม่เกิน 1 บาทต่อลิตร โดยช่วยเหลือได้ถึงเดือนมิถุนายน 2562 รวมเวลา 9 เดือน หรือจนกว่าเงินกองทุนจะหมด

กรณีสอง หากราคาน้ำมันดิบดูไบยังไต่ระดับ 85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล บวกลบไม่เกิน 2.50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จะใช้เงินกองทุนน้ำมันดีเซลอุดหนุนไม่เกิน 1.5 บาทต่อลิตร โดยช่วยเหลือได้ถึงเดือนมีนาคม 2562 รวมเวลา 6 เดือน หรือจนกว่าเงินกองทุนจะหมด

และกรณีสาม หากราคาน้ำมันดิบดูไบยังไต่ระดับ 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หรือมากกว่า จะใช้วิธีผสมผสาน คือ อัดเงินกองทุนน้ำมันดีเซลอุดหนุนมากกว่า 1.5 บาทต่อลิตร พร้อมกับเพิ่มราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 29.89 บาทต่อลิตร และจะใช้วิธีปรับลดภาษีสรรพสามิต ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 5.98 บาทต่อลิตร

แต่หากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบหลังจากนี้ ไม่ได้หวือหวา ไต่ระดับต่ำกว่า 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล กบง.จะลดการชดเชยเหลือ 50 สตางค์ต่อลิตร มาตรการนี้จะสามารถดูแลราคาดีเซลไม่ถึง 30 บาทต่อลิตร ได้นานถึงเดือนมีนาคม 2563 รวมเวลา 18 เดือนทีเดียว

ด้านราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) จะอุดหนุนต่อเนื่อง เพื่อคงราคาขายปลีก 363 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม (ก.ก.) และจะดูแลไปถึงเดือนมีนาคม 2562 แน่นอน

 

จากมติดังกล่าว นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ยังย้ำว่า มาตรการต่างๆ จะพิจารณาจากราคาน้ำมันดิบดูไบเป็นหลัก ซึ่งจะมีทั้งการใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ อุดหนุน และใช้การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลร่วมด้วย แต่จะพิจารณาอย่างรอบด้านอีกครั้ง ทั้งนี้ กบง.คาดว่าเมื่อสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2562 ซึ่งเป็นช่วงสิ้นฤดูหนาว ราคาน้ำมันโลกจะลดลง ทำให้สถานการณ์ราคาเข้าสู่ระบบปกติ

ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเป็นสินค้าอ่อนไหวขึ้นลงรุนแรงและกระทบทั่วโลก

  ดังนั้น ต้องลุ้นให้ฝ่าอากาศหนาวเข้าสู่ช่วงขาลงให้ได้เพื่อบรรเทาภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต้องดูแลทั้งดีเซลและพี่วินมอเตอร์ไซค์ โกยคะแนนนิยมโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง…