ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 28 ตุลาคม - 3 พฤศจิกายน 2559 |
---|---|
คอลัมน์ | โลกหมุนเร็ว |
เผยแพร่ |
สี่วันหลังจากที่พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคต คนไทยก็ได้รับรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ได้รู้ว่าความเศร้าโศกจากการสูญเสียมีมากแค่ไหน ได้รู้ว่ารักพระองค์ท่านหมดหัวใจ ได้รู้ว่าแม้แต่คนต่างชาติก็ยกย่องพระองค์ท่านอย่างสูงสุด
และได้รู้ว่าพระองค์ท่านทรงงานเพื่อคนไทยมากมายมหาศาลเพียงไร
เพิ่งได้รู้ว่าบุคคลสำคัญของโลกเขาเฝ้ามองพระองค์ท่าน ยกย่องเทิดทูนพระองค์ท่านอย่างสูงสุด
วลาดิเมียร์ ปูติน ประมุขของรัสเซียบอกว่า “มหาราชผู้ยิ่งใหญ่ ที่ไม่เคยสู้รบกับใคร แต่สามารถทำให้ทุกคนยกย่องสรรเสริญได้ ทั่วโลกยอมแพ้ได้ มีแค่คนคนเดียวคือ คิงส์ภูมิพล”
ผู้เขียนก็มองเห็นภาพดอยสูงและไร่ฝิ่นสุดลูกหูลูกตาเป็นสนามรบ เห็นชาวเขาที่ยากจนเป็นนักรบผู้เหนื่อยล้า และแล้วด้วยความเพียรของพระองค์ที่ทรงงานไม่รู้เหน็ดเหนื่อยวันแล้ววันเล่า ทรงศึกษาภูมิประเทศ ศึกษาคน
ตรัสด้วยพระเมตตา วางแผนด้วยพระปรีชา แล้วก็ชักชวนชาวเขาให้หันมาปลูกพืชอื่นแทน
คงไม่มีอะไรสำเร็จชั่วข้ามคืน มันคงกินเวลาเป็นปีๆ กว่าที่ชาวเขาจะเห็นผลว่าสิ่งที่พระองค์แนะนำนั้นดีจริง หลังจากนั้นชีวิตของพวกนักรบผู้เคยอ่อนล้าก็เปลี่ยนไป กลายเป็นผู้ชนะศึกที่เข้มแข็ง
ไร่ฝิ่นเปลี่ยนไป กลายเป็นทุ่งข้าวเขียวขจี แปลงปลูกผัก ผลไม้ ดอกไม้ ที่ขึ้นงามและราคาดี ทรงรับซื้อไว้ แล้วชีวิตของพวกเขาก็ดีขึ้น
พวกเขามีชีวิตที่ดี พระองค์ทรงบอกให้เขาดูแลปลูกป่า เมื่อป่าฟื้นพวกเขาก็มีความสุข เพราะเขาเกิดมากับป่า ชินกับการอยู่ป่า และเขาได้กลายเป็นผู้รักษาระบบนิเวศให้พี่น้องคนไทยที่อยู่ข้างล่าง
เขามีเงินซื้อรถกระบะ มีเงินส่งลูกเรียนหนังสือ โดยเข้าใจคำว่า “ชีวิตที่พอเพียง” อย่างลึกซึ้ง ไม่หลงไปกับสิ่งฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย
ความยากจนในประเทศไทยลดน้อยลง
พระองค์ทำให้มนุษยชาติส่วนหนึ่งมีศักดิ์ศรีด้วยการอยู่รอดและพึ่งพาตนเอง และทำให้ประเทศไทยคงความเป็นสังคมเกษตรที่ผลิตอาหารให้มนุษย์ในส่วนอื่นๆ ของโลก
แน่นอนที่พระองค์ท่านย่อมได้รับความยกย่องสูงสุด
นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้รับบทหนัก แบกรับตำแหน่งผู้นำและที่พึ่งทางใจกลายๆ ได้เตือนสติคนไทยว่า เสียใจได้ แต่อย่าเสียหน้าที่
นายกฯ ท่านรู้ว่าคนไทยเสียใจ จึงเตือนว่ามีหน้าที่อะไรก็ต้องทำ เพราะพ่อบนสวรรค์เฝ้าดูอยู่ นายกฯ คนนี้ได้เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท คือดูแลทุกข์สุขของคนไทย ไม่เว้นแม้คนเล็กคนน้อย อย่างเช่นเรื่องนี้ที่มีผู้ส่งไลน์มาว่านายกฯ พูดขอบคุณวินมอเตอร์ไซค์ “ผมขอขอบคุณพี่น้องบรรดาวินมอเตอร์ไซค์ ที่อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนด้วยการให้บริการขนส่งผู้โดยสารไปถวายสักการะในการอัญเชิญพระบรมศพ”
ในวาระเช่นนี้เป็นเวลาแห่งการทดสอบตัวเรา และมองไปรอบๆ ว่าภายใต้บรรยากาศที่เราได้สัมผัสถึงความดีและความเสียสละของพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่เปลี่ยนแปลงไปบ้างทั้งในตัวเราและสังคมรอบๆ
คำพูดของท่านที่จำติดหูว่า “แยกคนดีจากคนไม่ดี อย่าให้คนไม่ดีมีอำนาจปกครองประเทศ” ก็อาจนำมาใช้กับเรื่องเล็กๆ ได้ เช่นว่ามีพ่อค้าบางคนค้ากำไรเกินควรกับการขายเสื้อดำ หรือเข็มกลัดริบบิ้นราคาร้อยละ 600 บาท ในขณะที่ร้านขายยาแห่งหนึ่งทำแจกฟรี
คำว่าเสียใจได้ แต่อย่าเสียหน้าที่ของนายกฯ ตีความให้ดีก็ลึกซึ้งเหมือนกัน คงไม่ใช่ทำตามหน้าที่ไปตามแกน แต่คงหมายถึงการทำหน้าที่ตามสำนึกที่ดีด้วย
ถ้าเป็นพ่อค้าก็ต้องมีสำนึกที่ดี ไม่ค้ากำไรเกินควรให้คนอื่นเดือดร้อน
แรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่จากพระเจ้าอยู่หัวอีกข้อหนึ่งคือการเป็นอยู่อย่างพอเพียง ผู้เขียนชอบภาพของพระองค์ท่านในชุดลำลองแบบอยู่บ้านรูปหนึ่งเป็นพิเศษ บ้านที่เห็นด้านหลังเป็นบ้านของท่าน เลขที่ 1 หมู่ 5 บ้านหนองคอกไก่ ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี เจ้าของบ้านถือโฉนดและมีชื่อในทะเบียนบ้าน – ขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรทำไร่ นี่คือวังของพระราชาที่ทรงงานหนักที่สุดในโลก อยู่ในโครงการชั่งหัวมัน จังหวัดเพชรบุรี
มองดูก็รู้ว่าเป็นบ้านธรรมดาๆ ภายในบ้านก็คงจะธรรมดาๆ
ก็ไม่รู้นะว่าภาพนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนที่ไขว่คว้าหาสิ่งที่ดีเลิศฉุกคิดบ้างหรือเปล่าว่า เมื่ออยู่ในหน้าที่ท่านอยู่วังอลังการ
แต่โดยส่วนพระองค์แล้ว พระองค์ท่านเรียบง่ายเช่นนี้เอง
อีกเรื่องที่เรียบง่าย อ่านมาจากไลน์เหมือนกัน ถ่ายทอดตรงนี้เผื่อคนที่ไม่มีไลน์
คือเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งนั่งแท็กซี่ คนขับเล่าให้ฟังว่าเป็นชาวพระประแดง สมุทรปราการ เคยเห็นคนแอบดูอยู่ตามต้นไม้ สงสัยว่ามาแอบทำอะไรกัน ถามคนที่แอบก็ได้คำตอบว่าพวกเค้ามาแอบดูในหลวงทรงงานตอนดึกๆ ในหลวงจะทรงขับรถมาเองไม่มีขบวนนำเสด็จอะไร เพราะไม่อยากให้ประชาชนรู้ว่ามาทรงงาน ก็เลยแอบกันตามต้นไม้ คนขับแท็กซี่ก็เอาอย่างบ้าง มาถึงก็ดับไฟหน้ารถ ไม่นานตอนกลางดึกก็เห็นพระองค์ทรงขับรถมาจอดแล้วทรงงาน
ต่อมาเห็นสะพานภูมิพลเกิดขึ้นจึงรู้ว่ามาทรงงานสร้างสะพานนี้เอง
ผู้เขียนไปบางน้ำผึ้งวันหนึ่งเมื่อไม่นานนี้ ก็ได้ใช้สะพานนี้กลับบ้านรวดเร็วมาก
สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่า มีอะไรก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ท่านคงทอดพระเนตรอยู่เบื้องบน เราเป็นหมื่นเป็นแสนคนละมังถึงจะทำได้เท่ากับที่พระองค์ท่านทำพระองค์เดียว แต่นี่ล่ะค่ะ หน้าที่ของคนไทยต่อจากนี้ไป