กาละแมร์ พัชรศรี : สิ่งที่จะมาแทนทีวี

ในฐานะของคนที่ชอบดูทีวีมาตั้งแต่เด็ก เกิดมาก็ดูทีวี อยากทำงานทีวี จนได้มาทำทีวี ตลอด 40 ปีที่ผ่านมาลมหายใจเข้าออกฉันคือทีวี…

ทีวีดิจิตอลเมืองไทยเดินทางมาถึงจุดที่คนดูทีวีกันน้อยลง แต่ช่องกลับมีมากขึ้น เงินโฆษณาเท่าเดิม เพิ่มเติมคือการแบ่งเค้กก้อนนั้น คนทำงานก็มีกันกระจุกเดิม เพิ่มเติมคือคุณภาพที่ลดลงเพราะต้องกระจายไปทำรายการต่างๆ มากขึ้น

คนเจเนอเรชั่นใหม่แทบไม่ดูทีวีเพราะเขามีจอส่วนตัวของเขา เขาไม่ต้องการเสาทีวี เขาต้องการแค่ wifi

ฉันเกรงว่าหลังคนเจเนอเรชั่น X อย่างฉัน และต้นๆ คนเจเนอเรชั่น Y อาจเป็นรุ่นสุดท้ายที่ดูทีวี!

เมื่อคนรุ่นใหม่ก้าวเข้าสู่โลกออนไลน์อย่างเต็มตัว เขาไม่ต้องรอดูรายการ รอดูข่าว รอดูละครที่อยากดูอีกต่อไป เขาจะดูก็ต่อเมื่อเขาอยากดู แค่คลิกดูย้อนหลังตอนไหนก็ได้ เขาไม่ต้องรอหาคำตอบจากผู้รู้ทางทีวี เขามีกูเกิลที่ตอบเข้าได้เพียงเสี้ยววินาทีตลอด 24 ช.ม.

คนที่อยู่กับทีวีอย่างฉันมาครึ่งค่อนชีวิตอดใจหายกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้

ฉันคิดวนเวียนถึงอนาคตของตัวเองกับทีวีมาพักใหญ่ว่าจะดำเนินต่อไปอย่างไร

จนวันหนึ่ง Facebook มีออปชั่นขึ้นมาใหม่ว่าต่อไปนี้ Facebook สามารถ Live ได้ตลอด 24 ช.ม.!!!!

มันคืออย่างนี้ค่ะ ปรกติเวลาที่เราจะเขียน status ลงรูปภาพ หรือลงรูปลงวิดีโอ มันก็จะมีสัญลักษณ์ให้เราใช่ไหมคะ แต่คราวนี้มันเพิ่มปุ่มขึ้นมาอีกปุ่มไว้สำหรับการ Live

เมื่อคุณกดปุ่มนี้ มันจะเหมือนคุณกำลังออกทีวีให้คนดูกันสดๆ มีหน้าให้เขียนคำบรรยายสั้นๆ เกี่ยวกับการจะ Live ของคุณในครั้งนี้ แล้วมันจะขึ้นตัวเลข 3…2…1 เริ่มค่ะ

คราวนี้ภาพและเสียง การเคลื่อนไหวของคุณจะถูกถ่ายทอดไปสู่คนที่เขาติดตามคุณอยู่ แบบสดๆ ไม่มีการตัดต่อใดๆ

แล้วคนที่ดูคุณอยู่เขาก็สามารถมีคอมเมนต์มาหาคุณได้เป็น real time

เขาจะทักทาย ตอบโต้ แสดงความเห็นอะไรก็แล้วแต่มาหาคุณที่ใต้ภาพเคลื่อนไหวของคุณ

คุณจะมองเห็นมันในทันทีและตอบโต้กับคนคนนั้น และคุณก็จะเห็นว่า ณ ตอนนั้นมีคนดูคุณอยู่กี่คน มันจะขึ้นไว้บนหน้าจอ

ไม่ใช่ทุกคนที่จะ Live ได้ ตอนนี้ Facebook จะสุ่มไปเรื่อยๆ บางคนใช้ account ส่วนตัวก็ทำได้ บางคนต้องเปิดเป็น page ที่ไม่จำกัดคนติดตามถึงทำได้ แต่ไม่ว่า account ไหนต้องตั้งค่าเป็น public ให้คนติดตามได้สะดวก

ทุกวันนี้คนใช้ facebook ในประเทศไทยมีประมาณ 35 ล้านบัญชี เป็นลำดับ 3 ในอาเซียน คิดเป็นครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศ เด็กบางคนเกิดมาก็มี account facebook แล้วเพราะพ่อแม่ทำให้

ในวันที่ฉันเริ่ม live ฉันตื่นเต้นเหมือนเราออกทีวีใหม่ๆ ฉันมีเรื่องเล่ามากมาย

บางทีก็คิดว่าตัวเองบ้าหรือเปล่าที่พูดคนเดียวอยู่ได้

แต่ฉันรู้ว่ามีคนติดตามดูและฟังฉันอยู่

จำนวนอาจจะไม่มากเท่ากับการดูทีวีในปัจจุบัน เพราะ facebook : kalamare เพิ่งมีคนติดตาม ได้ 4 หมื่นกว่าคน และเพิ่มเป็น 6 หมื่นกว่าคนในช่วงเวลา 2 สัปดาห์

ซึ่งในตอนแรกฉันมีน้องแฟนคลับคนหนึ่งที่รักกันเป็นคนทำ fanpage นี้ขึ้นมาและเป็น admin คนดูแลมัน คอยอัพเดตผลงานฉันอยู่เนืองๆ

สิ่งที่ฉันพูดและทำเวลา live ก็คือทำกับข้าวบ้าง พูดคุยเม้าธ์มอยในสิ่งที่ไปเจอมา ตอนทำงานบ้าง เซ็นหนังสือบ้าง

หรือตอนพักผ่อนชิลๆ บ้าง

ตอนแรกๆ ก็ตั้งโทรศัพท์ไว้ตามมุม ตามซอก หรือหาอะไรมาให้โทรศัพท์พิงไว้ มีคว่ำบ้าง หล่นบ้าง

จนในวันที่ฉันไปเซ็นหนังสือในงานหนังสือก็มีแฟนๆ ที่เข้ามาแล้วบอกว่า “หนูตามดู live พี่อยู่ เอาขาตั้งกล้องมาให้ โทรศัพท์จะได้ไม่ตกลงไปในกระทะ”

เฮ้ย!!!! งงเลย คนเอาอุปกรณ์การ live มาให้ฉันเพื่ออำนวยความสะดวกมากขึ้น ไม่ใช่คนเดียว

อีกคนเอาคลิปตัวหนีบแบบเป็นลวดๆ แล้วดึงยืดออกมาได้มาให้ บอกให้หนีบเวลาทำกับข้าว!

ยังไม่พอ มีพี่อีกคนเอาข้าวของ ผัก ผลไม้ มาให้ไปทำกับข้าวกิน

แล้วก็มีคนเข้ามาบอกว่าดู Live อยู่นะ คืนนี้อย่าลืม Live จะรอดูอยู่

เชื่อไหมว่าทุกวันของการเจอผู้คนต้องมีคนมาพูดกับฉันอย่างนี้ “คืนนี้จะ live ไหม”

แต่ถ้าคนไหนดูตอน live ไม่ทัน มันก็จะเก็บเป็นคลิปไว้ในหน้า page เรา คนสามารถมาดูย้อนหลังได้

แต่คนมักชอบดูตอน live สดๆ มากกว่าเพราะสามารถพิมพ์เข้ามาทักทายและโต้ตอบกับเราได้

เวลาใครเข้ามาดู live ทันจะพิมพ์เข้ามาบอกว่า “ดีใจจังวันนี้ทันดู live”

ตอนนี้ในเมืองไทยเริ่มที่มีคน live มากขึ้น

บางคนร้องเพลง จัดรายการวิทยุ บางคนตั้งกล้องไว้ในบ้านเฉยๆ ให้คนได้ดูชีวิตเขาไปเรื่อยๆ

บางสำนักข่าวใช้วิธีการ live เวลามีแถลงข่าว แค่ตั้งกล้องแล้ววางยาวตลอดการแถลง นั่นหมายถึงเราก็จะมีช่องเป็นคนตัวเอง แบบไม่ต้องจ่ายค่าเช่า ค่าโปรดักชั่น แสง เสียง ค่าฉาก โปรดิวเซอร์ คนเขียนบท รถถ่ายทอดสด ขอแค่มีสัญญาณโทรศัพท์แรงๆ เท่านั้นก็พอ

เมื่อพฤติกรรมคนดูทีวีเปลี่ยนไป เขาต้องการดูของจริงมากขึ้น ไม่ต้องเซ็ตหรือตัดต่ออะไรมาก การต่อสู้ทาง content เนื้อหาจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง

หรือบางทีอาจไม่ต้องมีเนื้อหาใดแค่คนนั้นเป็นคนดังจะ live อะไรคนก็ติดตามแล้ว

และนอกจากนี้ เรายังรู้ได้ว่าคนที่ดูเราส่วนใหญ่เป็นใคร อยู่ในอายุเท่าไหร่ ดูนานเฉลี่ยกี่นาที วัดเรตติ้งต่อสัปดาห์ให้ มันรอบคอบไหมล่ะ facebook ต่อไปจะลงโฆษณาอะไรก็ดูจากเรตติ้งเหล่านี้ได้

Live มาตอบโจทย์การออกทีวีได้ทั่วโลกของฉัน นับจากนี้ฉันจะถ่ายทอดสดจากทุกมุมโลกที่ฉันไป สัญชาตญาณนักข่าวของฉันกลับมาอีกครั้ง ไฟในตัวลุกโชนเมื่อคิดว่าเราจะได้มีโอกาสบอกคนอื่นๆ ว่าด้านหลังของเรามันเกิดอะไรขึ้น ฉันจะเล่าให้คุณฟังเอง

เมื่อโลกหมุนไป เราจึงต้องเคลื่อนไหวเสมอ…