ทำการใหญ่ ใจต้องใหญ่

เรารู้เสมอว่า เวลาที่เราจะทำอะไรให้ประสบความสำเร็จ มันไม่ใช่แค่การลงแรง ไม่ใช่แค่เรื่องของร่างกาย ไม่ใช่แค่เรื่องของสมอง สองมือ แต่มันมีอีก “ใจ” ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญ

จริงหรือไม่ เวลาที่เราจะลงมือทำอะไร มันต้องเริ่มจากที่ “ใจ” เราอยากทำก่อน ถ้ามันฝืน มันไม่อยาก มันไม่เคยเวิร์ก

อะไรที่ถูกบังคับ อะไรที่ต้องทำเพราะเป็นหน้าที่ มันจะทำแบบแกนๆ ทำได้แต่ไม่ฟิน ไปได้แต่ไม่สุด และจะหยุดง่าย เบื่อเร็ว

เวลาที่เราจะทำอะไรสักอย่าง ใจมันต้องสั่งก่อนว่า เราจะทำอะไร ทำอย่างไร ทำมันไปเพื่ออะไร และจริงๆ แล้วใจเราต้องการอะไร

ทุกครั้งเวลาที่ฉันจะลงมือทำอะไร ฉันจะรู้ได้ทันทีว่าอันไหนมันจะสำเร็จ อันไหนมันจะเฉยๆ เพราะใจมันบอกจริงๆ

 

อาการก็คือ มันเหมือนมีคนมาเต้นๆ ในใจเราตลอดเวลา มันคึกคัก มันอยากลุกขึ้นกระโดด วิ่งๆๆ เต้นๆๆ ทำๆๆ พูดๆๆ เล่าๆๆ ให้ใครต่อใครฟัง มันตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ตื่นมาก็แทบกระโดดดึ๋งออกจากเตียงแล้วลงมือทำอย่างบ้าคลั่ง

สนุกในทุกขั้นตอน กระเหี้ยนกระหือรือในการเรียนรู้ ปรับปรุง ทำให้มันดีขึ้น แม้จะเหนื่อยแต่สนุก เราจะรู้เลยว่า มันสำเร็จแน่นอน

และยิ่งเรามีเป้าหมายที่วางไว้แล้วมันใหญ่ มันยาก มันเยอะ เราก็ต้องปรับใจของเราให้มันเข้ากับเป้าหมายเราด้วย ไม่เช่นนั้นมันไม่มีวันเป็นจริง

การปรับใจนั่นหมายความว่า เราต้องเห็นในความเป็นไปได้ เราต้องเห็นภาพว่าเราสำเร็จอย่างที่เราวางเป้าหมายนั้นจริงๆ

อย่างเช่น อยากได้งานระดับโลก อยากได้ยอดขายกี่ร้อยล้าน อยากเข้าตลาดหุ้น อยากมีบ้านแบบนี้ อยากใช้ชีวิตแบบนี้ อยากเห็นตัวเองไปยืนอยู่ตรงนั้นตรงนี้ แต่ถ้าใจเราเท่าหอยมดเราก็ไม่มีวันเป็นอย่างที่ตั้งใจได้

และการทำใจนี่ไม่ใช่แค่วันที่เราตั้งเป้าเท่านั้น แต่เราต้อง “รักษาใจ” เราให้มันอยู่ในระดับนั้นตลอดเวลา ใจตกก็ต้องยกใจขึ้นมา จะทำด้วยวิธีใดก็ต้องยกขึ้นมาให้ได้

 

บางทีคนใกล้ตัวนี่ตัวดีเลย พูดจาต่างๆ นานาให้เราท้อใจ หรือให้หมดแรงกลางทาง หรือบอก เอาละพอแล้วแค่นี้แหละ บางคนไม่กล้าที่จะประสบความสำเร็จเกินเพื่อน เกินหน้าเกินตาคนรอบข้าง เพราะกลัวเพื่อนจะไม่คบ กลัวคนจะไม่รัก รวยมากไปเพื่อนจะหมั่นไส้ไหม ใช้ชีวิตดีเกินไปเดี๋ยวเพื่อนจะอิจฉา ไม่คบเรา

เดี๋ยวนะ แต่เรายากจน หมดสภาพก็หาคนคบยากนะคะสมัยนี้ แล้วถามหน่อย ถ้าวันไหนต้องแบกหน้าไปยืมเงินเพื่อน ถามจริงเขาจะให้ยืมไหม

การประสบความสำเร็จของเราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ไม่ได้ไปสำเร็จบนบ้านใครหรือหัวใคร อย่าเอามาใส่ในชีวิตให้รุงรัง เลอะเทอะ

เพราะบางคนเขาก็นึกภาพไม่ออกว่า มันไปได้มากกว่านี้อีกเหรอ มันมีดีมากกว่านี้อีกเหรอ มันมีมากกว่านี้อีกเหรอ แล้วหน้าตามันเป็นอย่างไรล่ะ เขาไม่เคยรู้ไม่เคยสัมผัส เขาก็บอกได้แค่ อันนี้ก็ดีแล้วนะ

แล้วลองถามย้อนกลับไปหาเพื่อนคนที่ชอบมาตั้งคำถามว่า “แล้วแกอยากมีชีวิตที่ดีกว่านี้ไหม อยากสะดวกสบายกว่านี้ไหม อยากเลี้ยงดูพ่อ-แม่ได้ดีกว่านี้ไหม”

มีใครไหมที่จะปฏิเสธ

เพียงแต่เขาทำไม่ได้เท่านั้นเอง

 

อีกสิ่งหนึ่งที่คุณต้องทำใจคุณให้พร้อมที่จะได้ในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คุณต้องเตรียมใจให้ควรค่า ให้คู่ควร ให้สมเกียรติ สมฐานะที่เราจะได้สิ่งดีงาม

ทำชีวิตให้ดีอยู่ในร่องในรอย พูดเหมือนง่าย ลองสังเกตตัวเองสิ บางทีก็จิตตก คิดลบ กังวล โกรธ เศร้าเสียใจ อิจฉา บ้าคลั่ง วี้ดแตก เก็บขยะมาใส่ชีวิต คิดวนไปเรื่อยๆ อาฆาตแค้น จับผิด อีกหลายอย่างที่มันเกิดขึ้นในใจเรา

เรามีหน้าที่ที่ต้องดูแลใจเราให้เบิกบาน สนุกสนาน มีความสุข คิดดี พูดดี ทำดี ให้กำลังใจตัวเองอย่างสม่ำเสมอ วันไหนเผลอๆ ต้องมีสติรู้ตัว ดึงมันขึ้นมา ไม่ปล่อยไหลไปยาว

ของแบบนี้ฝึกได้ จะอายุเท่าไหร่ก็ฝึกได้ อย่าบอกว่าไม้แก่ดัดยาก มันอยู่ที่อยากดัดหรือเปล่า อยากดีขึ้นหรือเปล่า

การเรียนรู้มันไม่มีวันจบสิ้นไม่ว่าอายุเท่าไหร่ เราดีขึ้นได้ทุกวัน

และเมื่อเรามีชีวิตที่ดี ความเป็นไปได้ที่มันดูเหมือนยาก ดูเหมือนมหัศจรรย์จังเลยมันจะเกิดขึ้น เราจะรู้เลยว่าเราสมควรได้รับมัน เรารู้เลยว่าเราเหมาะกับความสำเร็จนี้ ไม่สงสัย ไม่กลัว ไม่ผลักไสมัน

ทำการใหญ่ นอกจากใจต้องนิ่งแล้ว

ใจมันต้องเจ๋งด้วย

ขอให้คนที่ลงมือทำ สำเร็จอย่างที่ต้องการค่ะ