อนุสรณ์ ติปยานนท์ : “Burning-ความรัก-ความสัมพันธ์”

ขอบคุณภาพจาก Documantary Club

ครึ่งหนึ่งของชีวิต (3)

เด็กหนุ่มคนหนึ่งพบกับเด็กสาวคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนเล่นสมัยวัยเด็ก

เด็กสาวคนนั้นจำเด็กหนุ่มได้ในทันที หากแต่เขากลับจำเธอไม่ได้

สาเหตุที่เด็กสาวจำเด็กหนุ่มได้นั้นเป็นเพราะเขาคือผู้ที่ช่วยเหลือชีวิตเธอให้ขึ้นมาจากบ่อน้ำแห้งที่เธอตกลงไปในวัยเด็ก

เด็กหนุ่มลืมเรื่องนั้นไปแล้ว และเขาเชื่อด้วยว่ามันอาจไม่ได้เกิดขึ้นจริง

เรื่องราวทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการของเด็กสาวเท่านั้นเอง

เด็กสาวเชื้อเชิญเด็กหนุ่มไปที่ห้องพักของเธอ พวกเขามีเพศสัมพันธ์กัน เด็กสาวบอกว่าห้องของเธอมีแต่ความมืดมิด จะมีแสงสว่างเพียงแค่วันละหนึ่งครั้งเท่านั้นเอง

ในขณะที่เด็กหนุ่มอยู่บนร่างของเด็กสาว เขาแลเห็นแสงสว่างเพียงวันละครั้งนั้นปรากฏขึ้นกับสายตา

เด็กหนุ่มรู้สึกผูกพันกับเด็กสาวมากขึ้น พวกเขาเริ่มต้นพูดคุยถึงเรื่องราวส่วนตัว

เด็กสาวบอกว่าเธอชอบทำงานอิสระ เธอไม่ปรารถนาการตกอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์

กระนั้นเธอก็ต้องการมีเงินมากๆ เธอต้องการได้เงินมาเพื่อการเดินทาง

เธอต้องการเดินทางไปยังทวีปแอฟริกา

เธอบอกกับเด็กหนุ่มว่าที่นั่นมีคนหิวโหยอยู่สองกลุ่มที่เธออยากเจอ

คนหิวโหยกลุ่มแรกเรียกว่าพวกหิวโหยตามปกติ คนกลุ่มนี้หิวโหยเฉพาะอาหารที่พวกเขาจะหาใส่ท้อง

ในขณะที่คนหิวโหยอีกกลุ่มเป็นคนที่หิวโหยอย่างยิ่ง คนกลุ่มนี้ไม่ได้หิวโหยอาหาร พวกเขาหิวโหยสิ่งที่สูงส่งกว่านั้น

พวกเขาหิวโหยใน “ความหมายของการมีชีวิตอยู่”

 

แมรี่ ไรต์ -Mary Wright นักจิตวิทยาด้านความรัก เล่าว่า ความรักและความสัมพันธ์ของมนุษย์นั้นมีอยู่ห้าระดับด้วยกัน

แต่น่าเสียดายที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่อาจสร้างหรือหล่อเลี้ยงความสัมพันธ์ของพวกเขาให้เติบโตไปถึงระดับสุดท้ายได้ ผู้คนส่วนใหญ่มักยุติความสัมพันธ์ลงที่ระดับที่สาม ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?

ความสัมพันธ์ระดับแรกนั้นเป็นความสัมพันธ์แบบที่เราคุ้นเคยกันดี

เขาหรือเธอหรือเราหรือใครคนหนึ่งได้มีโอกาสประสบพบเจอกับใครอีกคนที่เราคิดว่าเขาคือบุคคลที่เราจะฝากชีวิต เขาหรือเธอคือบุคคลที่เราจะอยู่ร่วมไปทั้งชีวิต

บุคคลเหล่านั้นหน้าตางดงาม นิสัยดี ร่าเริง แจ่มใส มีคุณสมบัติจำนวนมากที่เราพึงใจ

เราคิดถึงบุคคลนั้นแทบตลอดเวลา

เมื่อใดก็ตามที่เราได้รับข้อความจากเขา ได้รับโทรศัพท์จากเขา หัวใจของเราเต้นแรง ร่างกายของเรามีปฏิกิริยาจำนวนมากที่ดึงดูดไปหาเขา

ช่วงเวลานั้นเองที่ฮอร์โมนในตัวของเราทำงานอย่างหนัก

ความตื่นเต้น ความถวิลหา ความรู้สึกเพลิดเพลินใจที่ได้คิดถึงเขาล้วนเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ว่านี้

เราเรียกช่วงเวลาดังกล่าวว่าช่วงเวลาน้ำผึ้งพระจันทร์ หรือ Honeymoon Period

ช่วงเวลานี้เองที่เรามักกล่าวว่า “โลกนี้ช่างเป็นสีชมพู”

 

เด็กหนุ่มผ่านช่วงน้ำผึ้งพระจันทร์ไปแล้ว

เขาคิดถึงเด็กสาวตลอดเวลา เขาทบทวนความทรงจำที่เขาเคยมีต่อเด็กสาวผู้นั้นในอดีต

เขาหมกมุ่นกับความรู้สึกที่มีต่อเด็กสาวผู้นั้นในปัจจุบัน และเขาวาดหวังถึงเด็กสาวผู้นั้นในอนาคต

เขาได้สัมผัสเธอ เขาได้ลิ้มรสร่างกายของเธอ

นี่เป็นระดับที่สองของความสัมพันธ์

คุณและเธอใกล้ชิดกันมากขึ้น

คุณและเธอสัมผัสกันมากขึ้น

คู่รักพากันจูงมือไปชมภาพยนตร์

คู่รักพากันเกาะกุมมือในระหว่างมื้ออาหาร

คู่รักสวมกอดและจุมพิตซึ่งกันและกัน ในระดับที่สอง พวกเขาอาจโยกย้ายมาอาศัยอยู่ร่วมกัน

พวกเขาอาจหมั้นหมายกัน ช่วงเวลาน้ำผึ้งพระจันทร์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ทุกสิ่งสงบลง ไม่มีอารมณ์พลุ่งพล่าน ลึกซึ้ง ดื่มด่ำเหมือนดังช่วงแรก

ความจริงจังที่จะคบหากันในระยะยาวเดินหน้าไป

ต่างฝ่ายต่างวาดหวังที่จะได้อิงแอบกันชั่วชีวิต ที่จะได้อยู่ร่วมกันตลอดกาล

เด็กหนุ่มผู้นั้นก็มีความหวังดังกล่าวเช่นกัน แต่น่าเสียดายเขาไม่อาจไปถึง ณ จุดนั้น

เด็กสาวบอกเขาว่าเธอพร้อมจะออกเดินทางไกลแล้ว

สิ่งเดียวที่เธอปรารถนาต่อเขาในยามนี้คือขอให้เด็กหนุ่มแวะเวียนมาให้อาหารแมวยังที่พักของเธอเป็นครั้งคราวจนกว่าเธอจะกลับมา

 

เด็กสาวกลับมาในที่สุด เธอรักษาสัญญา หลังการออกเดินทางผจญภัยยังทวีปแอฟริกา เธอกลับมายังประเทศเกาหลีอีกครั้ง

แต่ในครานี้ เธอไม่ได้กลับมาเพียงลำพัง เธอกลับมาพร้อมกับคู่รักคนใหม่ของเธอ

เด็กหนุ่มไม่อาจมีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ของเขาไปยังระดับที่สามกับเธอ

เขากลับมาสู่ความสัมพันธ์ระดับที่หนึ่ง เขาครุ่นคิดถึงเธอ เขาโหยหาเธอ

เธอที่เขาไม่อาจครอบครองได้ในชีวิตจริง เขาหล่อเลี้ยงน้ำผึ้งพระจันทร์ระหว่างเขากับเธอขึ้นมาอีกครั้ง แต่ไม่ใช่เธอผู้มีตัวตน

เป็นเธอที่มีอยู่ในจินตนาการของเขาเอง

ความสัมพันธ์ในระดับที่สามเป็นระดับแห่งความซับซ้อน ยุ่งยาก ไม่น่าพึงพอใจ สิ่งที่ซ่อนเร้นไว้ในตัวของแต่ละฝ่ายในช่วงเริ่มแรกเริ่มเปิดเผยออกมา

หน้ากาก การเสแสร้งแกล้งทำ การเป็นบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ตัวตนที่แท้ของเราเริ่มพังทลายออกมา

ภาพมายาถูกขจัดทิ้งไป

คุณเริ่มแลเห็นอีกฝ่ายในแบบที่เขาเป็นจริงๆ ไม่ใช่ในจินตนาการของคุณ

พวกเขาเริ่มกลายเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ มีความน่ารังเกียจ น่าชิงชัง ไม่น่ารักใคร่เหมือนดังแต่ก่อน

พวกเขามีด้านมืดที่คุณเริ่มเผชิญ พวกเขามีด้านเลวร้ายที่เรียกร้องการยอมรับจากคุณ อะไรเกิดขึ้นในช่วงนี้กันแน่?

ความรู้สึกสดชื่นหวานหอมที่เคยมีมาไยจึงเสื่อมสลายไป ความรู้สึกเป็นสุข สันติ และสงบ ไยจึงดับสูญไป

คุณไม่น่าสนใจสำหรับเขาอีกต่อไปหรือ เขาไม่อาจดึงดูดใจคุณได้อีกกระนั้นหรือ

พวกคุณทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยครั้ง โต้เถียง โกรธเคือง ไม่ได้ดังใจ และหลายครั้งคุณรู้สึกว่าการละเลยอีกฝ่าย การได้อยู่เพียงลำพังกลับให้ความสุขกับคุณมากกว่า

คุณเริ่มคิดถึงชีวิตโสดอีกครั้ง คุณเริ่มเห็นคุณค่าของอิสรภาพ การไม่ต้องผูกพันทางใจกับใคร การไม่ต้องผูกมัดตนเองกับใคร

และแล้วคุณก็ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์

 

คุณมาได้ไกลที่สุดในความสัมพันธ์นี้ถึงระดับที่สาม

คุณพักผ่อน คุณอยู่กับตนเองสักระยะจนคุณรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยว จนคุณรู้สึกเข้มแข็ง

และแล้วคุณก็พบใครอีกคน โลกเริ่มกลับมาเป็นสีชมพูอีกครั้ง คุณเริ่มรู้สึกใจเต้นแรงเมื่อเห็นใบหน้าของเขา เมื่อได้รับข้อความจากเขา เมื่อได้ยินเสียงของเขา

คุณเดินหน้าต่อไปในความสัมพันธ์ระดับที่หนึ่ง วาดฝันว่าคุณจะได้อยู่เคียงข้างเขาผู้นั้นชั่วนิรันดร์

เด็กหนุ่มจมอยู่กับความผิดหวังซึ่งเขายอมรับได้ จมอยู่กับจินตนาการถึงเด็กสาวอันเป็นสิ่งที่เขาพึงใจ แต่แล้วเขาก็พบว่าเด็กสาวผู้นั้นหายสาบสูญไป ไม่เพียงแต่จากตัวเขา แต่จากโลกนี้ด้วย

เขาตามหาเธอไปทุกหนแห่ง แต่ไม่เคยมีใครได้เห็นเด็กสาวผู้นั้นอีก ราวกับว่าเธอไม่เคยมีตัวตนมาก่อน ราวกับว่าเธอไม่เคยมีชีวิตมาก่อน

เขาเริ่มเพาะความเคียดแค้นชิงชัง เป็นเพราะคนรักใหม่ของเธอที่ไม่เพียงแต่พรากเธอไปจากเขา แต่ยังพรากเธอไปจากโลกใบนี้ด้วย

เขาเริ่มคิดว่าเด็กสาวอาจถูกแฟนหนุ่มคนใหม่สังหาร เขาไม่อาจยุติความคิดที่ว่านั้นได้

เขาติดตามชายหนุ่มผู้นั้นไปทุกที่ สะกดรอย เฝ้ามองและรอวันทวงคืนซึ่งความเคียดแค้นชิงชังอันเกิดจากความรักที่ไม่สมหวังของตัวเขาเอง

 

ความสัมพันธ์ระดับที่สี่ ทั้งคุณและเขาเริ่มยอมรับตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย พวกคุณได้เดินกลับลงมาสู่พื้นดินหลังจากไปเคว้งคว้างล่องลอยในท้องฟ้าเบื้องบน

คุณตระหนักแก่ใจแล้วว่าคู่รักของคุณไม่ใช่มนุษย์ผู้สมบูรณ์พร้อม

พวกเขามีความบกพร่อง พวกเขามีปัญหาส่วนตน พวกเขามีหลายสิ่งที่ต้องเยียวยาแก้ไข ไม่ต่างจากคุณ คุณเองก็มีความบกพร่อง คุณเองก็มีปัญหาส่วนตน คุณเองก็มีหลายสิ่งที่ต้องเยียวยาแก้ไข คุณมีหลายสิ่งที่คู่รักของคุณต้องเปิดใจยอมรับเช่นกัน

ระดับความสัมพันธ์ที่ว่านี้บังคับให้คุณและเขาต้องช่วยกันเยียวยาแก้ไขในปัญหาของอีกฝ่ายร่วมกัน มีการเปิดออกซึ่งตัวตนที่แท้จริง มีการยอมรับ มีการเรียนรู้ มีความเข้าใจ มีความเห็นอกเห็นใจและมอบให้ซึ่งความรู้สึกให้อภัยและอดทน ความรักที่แท้จริงเริ่มเกิดขึ้นในระดับความสัมพันธ์ที่ว่านี้เอง

เด็กหนุ่มมีโอกาสเข้าไปยังบ้านของคนรักใหม่ของเด็กสาว

ที่นั่นเขาได้เห็นนาฬิกาที่เขาเคยกำนัลแก่เธอ

เขามั่นใจแล้วว่าเด็กสาวผู้นั้นได้ถูกสังหารแล้ว เธอได้จากโลกนี้ไปแล้ว

เขาสิ้นหวัง เขานัดเจอคนรักใหม่ของเด็กสาว

และในการนัดหมายครั้งนั้นเองที่เขาได้สังหารชายหนุ่มผู้นั้น

เขาได้แก้แค้นให้กับเด็กสาวแล้ว

เขาได้แก้แค้นให้กับความรักที่ไม่สมหวังของเขาแล้ว

เด็กหนุ่มเผาทุกอย่างที่เขาสวมใส่ในวันนั้น

เขาเผามันพร้อมกับร่างและรถยนต์ของคนรักใหม่ของเด็กสาว

ทุกอย่างมอดไหม้เป็นจุณ เขาเดินเปลือยเปล่าดังทารกกลับไปที่รถของตนเอง

สภาพของเขาในยามนี้ช่างไม่ต่างจากทารกแรกเกิด ภารกิจในความรักครั้งนี้ของเขาได้เสร็จสิ้นลงแล้ว

ไม่มีใครได้ครอบครองเด็กสาวคนนั้น ทุกคนสูญเสียเธอไป

แต่เด็กหนุ่มในฐานะทารกยังมีโอกาสที่จะเริ่มต้นความรักใหม่ได้อีก เขาในฐานะทารกคนหนึ่งมีโอกาสที่จะเริ่มต้นความรักครั้งใหม่ได้เสมอ

 

ความสัมพันธ์ระดับที่ห้าคือการที่ต่างฝ่ายต่างช่วยกันแก้ไขและประคองในจุดอ่อน ในความอ่อนแอของคนรัก

พวกเขาเสริมความแข็งแกร่ง มั่นคงให้แก่กัน

พวกเขาพยุงดูแลซึ่งกันและกัน

นี่คือระดับขั้นสุดท้ายของความรัก เป็นความรักที่จะยืนยงต่อไปอีกแสนนาน

เรื่องราวของความรักของเด็กหนุ่ม เด็กสาว และคนรักของเธอปรากฏในภาพยนตร์เรื่อง Burning ของอีชางดง