บทวิเคราะห์ : Land Slide ยังไม่พอ ต้องแบบ Avalanche! เสียงเตือน ถึง “พลังดูด” ยิ่งคิดสืบต่อ ยิ่งพ่ายแพ้

การเมืองเข้าสู่ช่วงโรมรันพันตูเต็มรูปแบบ

ตระกูล “ชินวัตร” ยังเป็นเป้าหมายสำคัญของฝ่ายผู้มีอำนาจ ที่จำเป็นต้องโค่นล้มชนิดขุดรากถอนโคนให้จงได้

หากต้องการให้แผนการ “สืบทอดอำนาจ” ที่วางไว้ประสบความสำเร็จในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งหมายถึงการเลือกตั้งตามที่ประกาศโรดแม็ปไว้ต่อประชาชนและนานาประเทศ

การโรมรันพันตูนี้สะท้อนจากหลายเหตุการณ์โดยเฉพาะช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา

ท่ามกลาง “พายุพลังดูด” โหมซัดกระหน่ำรุนแรง กวาดม้วนอดีต ส.ส. และนักการเมืองจากพรรคต่างๆ เข้าไปกองสุมอยู่ในพรรคของตนเอง

ขณะที่ผู้ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำไม่ว่าพรรคเพื่อไทย หรือตระกูล “ชินวัตร” ก็ไม่ได้ยอมงอมืองอเท้าเป็นเป้านิ่งให้ฝ่ายผู้ถืออำนาจย่ำยีตามอำเภอใจ

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แสดงความมั่นใจ ด้วยพฤติการณ์ของพรรคพลังดูด “นอมินี” ของกลุ่มผู้มีอำนาจในปัจจุบัน

เมื่อดำเนินการไประยะหนึ่งก็จะก่อให้เกิดกระแส “ดีดกลับ” เมื่อนั้นเสียงของประชาชนจะเทกลับมาอีกฝั่ง

ส่งผลให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งด้วยเสียงถล่มทลาย

นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนโตของนายทักษิณ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม

นอกจากกล่าวถึงกรณีนายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ แฉเบื้องหลังขบวนการสมคบคิดขจัดอดีตนายกฯ จากขั้วตรงข้าม เป็นเหตุให้ทั้งนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่สามารถอยู่ในเมืองไทยได้

ยังกล่าวถึงการดูด ส.ส. ไปเข้ากับขั้วการเมืองที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจว่า เครื่องมือที่ใช้ดูด ประกอบด้วยปัจจัยทรงพลังด้านมืด 3 ด้าน ได้แก่

การใช้ “พลังเงิน” จำนวนมหาศาลที่ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไป ทุ่มซื้อตัวอดีต ส.ส. บางประเภทไปเป็นพวก

การใช้ “พลังองค์กรอิสระ” ข่มขู่อดีต ส.ส. ว่าจะตรวจสอบทุกเรื่องที่สามารถจะหามาเอาผิดได้ ถ้าไม่ยอมย้ายพรรคไปอยู่ด้วย แต่หากยอมย้ายไปอยู่ฝั่งเดียวกัน ก็จะรอดตรวจสอบ

การใช้ “พลังข้าราชการ” แต่ละกรมกอง ใช้อำนาจการปกครองให้คุณให้โทษด้านต่างๆ ที่อำนาจรัฐพึงกระทำได้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม แต่ถ้ามาอยู่ด้วยกันก็จะได้รับการช่วยเหลือ

นายพานทองแท้ยังระบุ ทั้ง 3 พลังดูดด้านมืด คือที่มาคำพูดของทักษิณ ที่ว่า เข้าใจอดีต ส.ส. ที่ถูกดูดไปว่ามีเหตุจำเป็น แต่ขณะเดียวกันถึงแม้จะดูดไป แต่ Majority หรือเสียงส่วนใหญ่ของประเทศยังอยู่ที่เดิม

และจะมีคะแนนเสียงเทมามากขึ้นกว่าเดิมแบบ Land Slide

ก่อนตบท้ายไว้น่าคิด

“พ่อเล่นพูดตรงๆ แบบนี้ ถ้า “เขา” รู้ว่าพรรคที่อุตส่าห์ตั้งชื่อกันมาให้เหมือนชื่อโครงการของภาครัฐ จะแพ้หมดรูปขนาดนี้ ต้นปีหน้าเขาจะกล้าจัดให้มีการเลือกตั้งเหรอครัช…!!”

อะไรคือการชนะเลือกตั้งแบบ “Avalanche”

เมื่อครั้งจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบ 51 ปีให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้เป็นน้องสาว ที่ร้านอาหาร “อีสานเขียว” ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา

นายทักษิณประกาศว่าพรรคเพื่อไทยมีโอกาส “เขียวทั้งอีสาน” เป็นความมั่นใจในการเลือกตั้งที่ใกล้มาถึง พรรคเพื่อไทยจะชนะทุกเขตทั้งภาคอีสาน

รวมถึงก่อนหน้านั้น นายทักษิณเคยให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่น เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคม ว่า พรรคเพื่อไทยจะสามารถชนะแบบ “แลนด์สไลด์” ได้อีกครั้ง

ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พานทองแท้ ชินวัตร โพสต์ทวิตเตอร์ คลิปบรรยากาศงานเลี้ยงวันเกิด 69 ปีของนายทักษิณในกรุงลอนดอน

ตอนหนึ่งเจ้าของวันเกิดกล่าวกับผู้มาร่วมงาน ซึ่งนอกจากครอบครัว คนสนิท ยังมีทั้งนักการเมือง อดีตรัฐมนตรี อดีต ส.ส. และผู้สื่อข่าวต่างประเทศ

“ผมต้องแตะการเมืองหน่อย ผมไม่ได้สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับการเมืองไทย เพราะเรามีการรัฐประหาร โดยทหารที่ไม่เป็นสุภาพบุรุษ สิ่งที่พวกเขาทำเพื่อเลื่อนเลือกตั้งออกไป ทำให้พวกเขาได้รับความนิยม

แต่ผมแค่หัวเราะจากด้านหลัง

ยิ่งพวกเขาทำอะไร พวกเขาก็จะยิ่งแพ้ เพราะพวกเขาไม่เข้าใจหัวใจของผู้คน พวกเขาไม่เคยเข้าไปนั่งในหัวใจผู้คน เราสิ นั่งอยู่ในหัวใจของผู้คน เรารู้ว่าพวกเขาต้องการอะไร มองหาอะไร หวังอะไร

ตอนนี้ทั้งชนชั้นกลางและชั้นล่างเริ่มไม่แน่ใจอนาคตของพวกเขา เพราะค่าครองชีพสูงขึ้น แต่รายได้ในอนาคตกลับอยู่ตรงนั้น พวกเขามองหาวิธีการทางพรรคการเมือง ผมเชื่อว่าวิธีการของพรรคเพื่อไทยคือทางออกของประเทศไทย

และเราอาจจะชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย แบบแอวะแลนช์ (Avalanche) หรือหิมะถล่ม เพราะรุนแรงกว่าแลนด์สไลด์ (Land Slide) หรือดินถล่ม”

ในแวดวงการเมือง หลายคนแปลกใจกับความเชื่อมั่นของ “ทักษิณ”

ไม่ว่าชนะแบบ “แลนด์สไลด์” หรือชนะแบบ “แอวะแลนช์” เนื่องจากเป็นความเชื่อมั่นท่ามกลางกระแสข่าวอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนโดน “3 พลังด้านมืด” ดูดจนตัวปลิว

อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของทักษิณ ไม่ต่างจากดาบสองคม

ด้านหนึ่ง เป็นการปลุกปลอบอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไม่ให้ขวัญเตลิดไปกับพลังดูด

แต่อีกด้านก็อาจเป็นการกระตุ้นให้ฝ่ายตรงข้ามต้อง “เล่นเกมแรง” มากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องคดีความต่างๆ ทั้งใหม่และเก่า ที่บางคดีโทษหนักถึงขั้น “ยุบพรรค”

นายทักษิณเองก็เพิ่งได้ของขวัญวันเกิด หมายจับใบที่ 5

จากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว หรือหวยบนดิน หลังจากไม่ไปขึ้นศาลตามนัดพิจารณาคดีนัดแรก

สำหรับหมายจับ 4 ใบก่อนหน้า ได้แก่ คดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย, คดีทุจริตการปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์, คดีออกกฎหมายแปลงค่าสัมปทานโทรคมนาคมและมือถือเป็นภาษีสรรพสามิต

และคดีแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ

ล่าสุดจากการเปิดเผยของสำนักข่าวบีบีซีไทย รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ว่า

สถานเอกอัครราชทูตไทยในสหราชอาณาจักร ได้ส่งจดหมายลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 ไปยังกระทรวงต่างประเทศของสหราชอาณาจักร

อ้างถึงสนธิสัญญาระหว่างสหราชอาณาจักรและสยามปี 1911 ว่าด้วยการส่งตัวอาชญากรผู้หลบหนีคดีกลับประเทศ ร้องขอต่อทางการของอังกฤษ

ให้ส่งตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับมารับโทษในไทย

จากกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำตัดสินจำคุก 5 ปี ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ.2542 และศาลฎีกาฯ ได้ออกหมายจับตั้งแต่มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2560

ถึงแม้ผู้นำรัฐบาล คสช. จะชี้แจงเรื่องนี้เป็นการทำตามขั้นตอนปกติ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อัยการสูงสุดและกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งมีหน้าที่ในการทำเรื่องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน

แต่สังคมส่วนหนึ่งก็ยังตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับจดหมายลับแต่ไม่ลับดังกล่าว ว่าเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการไล่บดขยี้พรรคเพื่อไทยอย่างไร หรือไม่

เนื่องจากเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า

“ทักษิณ” และ “ยิ่งลักษณ์” คือศูนย์รวมใจของอดีต ส.ส. และกลุ่มมวลชนผู้ให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทย

กระนั้นก็ตามมีมุมความเป็นไปได้ที่รัฐบาลทหาร คสช. อาจสะดุดขาตัวเองล้มคว่ำ

ในจังหวะพยายามใช้สารพัดวิธี มืดมั่ง สว่างมั่ง ในการ “ขุดรากถอนโคน” การเมืองฝ่ายตรงข้าม

เหมือนที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ วิเคราะห์ไว้น่าคิดว่า หากรัฐบาลไม่สืบต่ออำนาจ เชื่อว่านายทักษิณต้องแพ้

แต่พอรัฐบาลคิดจะอยู่ต่อ เขาก็กลับมาชนะ

ต้องโทษทหารทำ “เสียของ”

ฉะนั้น ถ้าไม่ระวังตัว คิดจะอยู่ต่อ ความน่าเชื่อถือจะหมดลง เพราะไหนจะเรื่องไปดูดนักการเมืองจากพรรคเพื่อไทย ก็เกิดความไม่ชอบธรรมแล้ว

ทำให้ผลสะวิงกลับมาสู่ฝ่ายยึดอำนาจ