ภาพยนตร์ / นพมาส แววหงส์ / BILLIONAIR BOYS CLUB

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์ / นพมาส แววหงส์

BILLIONAIR BOYS CLUB

‘หาทางรวยลัด’

กำกับการแสดง  James Cox
นำแสดง  Ansel Elgort Taron Egerton Kevin Spacey

Billionaire Boys Club สร้างจากเรื่องจริงที่เป็นข่าวฉาวโฉ่และคดีความที่เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1980 ในสหรัฐอเมริกา ในสมัยของประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ซึ่งตั้งต้นขึ้นในลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย และขยายวงจรอุบาทว์ออกไปในวงการนักลงทุน
นี่เป็นหนังที่นำมาสร้างใหม่จากหนังชุดโทรทัศน์เป็นตอนๆ ในชื่อเดียวกันนี้
และชวนให้นึกถึงหนังที่ทำได้เหนือชั้นกว่าในเนื้อหาคล้ายกัน อย่างเช่น The Wolf of Wall Street (เลโอนาร์โด ดิแคปริโอ) และ American Hustle (คริสเตียน เบล) เป็นต้น
กลุ่มคนหนุ่มที่ตั้งต้นจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนในโรงเรียนระดับแถวหน้าของกลุ่มอภิสิทธิ์ชนในลอสแองเจลิส รวมตัวกันจัดตั้งบริษัทที่ตั้งชื่อว่า บี.บี.ซี. (เหมือนบรรษัทกระจายเสียงของทางการอังกฤษ แต่น่าจะเป็นอักษรย่อของ “สโมสรคนหนุ่มพันล้าน” ตามชื่อหนัง)
หลังจากเรียนจบมาแล้ว ดีน คาร์นีย์ (ทารอน เอเกอร์ตัน จาก The King’s Men) บังเอิญไปเจอเข้ากับโจ ฮันต์ (แอนเซล เอลกอร์ต จาก Divergent และ The Fault in Our Stars) นายหน้าค้าหุ้นที่หาเงินได้แบบชักหน้าไม่ถึงหลัง


ดีนซึ่งเป็นเซลส์ขายรถหรูและรถอิมพอร์ตหายาก ยกย่องโจว่ามีมันสมองของอัจฉริยะที่มองการณ์อะไรๆ ได้ทะลุปรุโปร่ง และไม่ควรจะมาย่ำต๊อกอยู่กับงานนายหน้าก๊อกๆ แก๊กๆ ที่ทำอยู่ จึงคิดการใหญ่ หาทางรวยทางลัด โดยการลงทุนในตลาดซื้อขายทอง หุ้น และอื่นๆ
แต่การลงทุนที่จะเห็นผลเป็นกอบเป็นกำทันตาเห็นนั้นจะต้องใช้เงินทุนก้อนโต
สองสหายจึงชักชวนเพื่อนหนุ่มๆ ที่มีพ่อแม่มั่งคั่งเข้ามาร่วมทุนด้วย เพื่อระดมทุนก่อตั้งและทุนหมุนเวียนต่อไป
ทว่าจะตกปลาใหญ่ก็ต้องใช้เหยื่อล่อชิ้นโตด้วย ดังนั้น จึงต้องสร้างกำไรเป็นผลตอบแทนคืนเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ล่อใจนักลงทุนในระยะเวลาชั่วพริบตา
บริษัทจึงต้องเริ่มสร้างภาพลักษณ์ และแม้จะขาดทุนจากตลาดทองอันผันผวนขึ้นลงอย่างคาดเดาไม่ได้ หุ้นส่วนบริษัทก็ต้องทำหน้าใหญ่โดยเอาเงินส่วนอื่นมาโปะให้ดูเหมือนว่าผู้ลงทุนได้ผลตอบแทนคืนจนเกินคุ้มตัวเงินต้น
จะว่าไปนี่ก็คือต้นตอของธุรกิจแบบแชร์ลูกโซ่ ซึ่งเอาเงินของนักลงทุนหน้าใหม่มาจ่ายเป็นผลตอบแทนให้นักลงทุนดั้งเดิม เพื่อให้เกิดสภาพคล่องของการดำเนินงานที่ดูเหมือนให้ผลประโยชน์สูงลิ่ว
กลายเป็นธุรกิจหรือวงจรอุบาทว์ที่ต้มตุ๋นเงินคนที่หลงเชื่อจนล้มละลายกันไปเป็นแถวๆ อย่างที่บ้านเราก็เจอมาเหมือนกัน

ค.ศ.1983 หนุ่มไฮโซพลังสูงของสังคมแอลเอ ก่อตั้งบริษัทชื่อ บี.บี.ซี. ด้วยรูปลักษณ์สวยหรู โดยขายแผนการลงทุนในตลาดทองคำ และสัญญาผลตอบแทนสูงลิ่วภายในชั่วเวลาไม่กี่สัปดาห์ รู้ทั้งรู้ว่าตลาดทองเป็นตลาดที่ผันผวน และเมื่อเริ่มหาเหยื่อจากนักลงทุนรายใหญ่ ก็เอาเปลี่ยนตัวเลขจากผลขาดทุนไปเป็นผลกำไรเสียเฉยๆ แค่เปลี่ยนเครื่องหมายลบให้เป็นเครื่องหมายบวก และเอาเงินลงทุนส่วนอื่นมาโปะให้เป็นเครื่องล่อใจ
“หนุ่มพันล้าน” พวกนี้เป็นนักต้มตุ๋นตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว และยิ่งพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสภาพความเสี่ยงสูงด้วยการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนักต้มตุ๋นระดับมหากาฬจากนิวยอร์ก คือรอน เลวิน (เควิน สเปซีย์ ในบทที่ไม่ได้ช่วยปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ให้แก่ตัวเองแม้แต่น้อย กลับจะยิ่งทำให้เขาเป็นบุคคลชวนน่ารังเกียจในสายตาสาธารณะทวีขึ้นอีกด้วยซ้ำ)
อันที่จริง นี่คือบทถนัดของเควิน สเปซีย์อยู่แล้ว ที่นึกได้คือเรื่อง 21 เกี่ยวกับแผนการรวยทางลัดของอาจารย์สอนคณิตศาสตร์ของสถาบันเอ็มไอที ซึ่งเป็นศูนย์รวมของนักศึกษาหัวกะทิที่ฉลาดเฉลียวและมีความจำเป็นเลิศ
เควิน สเปซีย์ เล่นเป็นอาจารย์เจ้าเล่ห์คนนั้น ซึ่งใช้สถานะของตนเกลี้ยกล่อมนักศึกษาหัวดีให้เป็นลูกทีม ส่งไปเข้ากาสิโนในลาสเวกัส โดยเล่นไพ่ยี่อิ้ดตามชื่อหนัง (หรือเรียกให้หรูหน่อยก็คือไพ่แบล๊กแจ๊ก) และใช้การจำไพ่นับไพ่เพื่อเอาชนะเจ้ามือ และกวาดเงินนับหมื่นนับแสนเหรียญออกจากบ่อน จนเจอดีเข้า
โดยถูกตามล้างแค้นจากอันธพาลแบบกระอักเลือด

หลังจากข้อกล่าวหาเรื่องความผิดทางเพศจากผู้กล่าวหาจำนวนมากจนน่าเชื่อว่าจะเป็นจริงและท่าทีตอบโต้ของเขาเมื่อไม่นานมานี้ เควินก็ถูกสังคมประณาม และถูกวงการต่อต้าน
โดยเรื่องที่เป็นรูปธรรมที่สุด เห็นจะเป็นเรื่องที่เขาถูกไล่ออกจากหนังชุดยอดนิยมทางทีวี House of Cards ซึ่งได้รับความนิยมต่อเนื่องกันมาถึงหกปี และกำลังจะต้องตามต่อมาเป็นปีที่เจ็ด
โดยที่บทบาทของเควิน สเปซีย์ ยังเข้มข้นควบคู่ไปกับโรบิน ไรต์ แบบต้องคอยลุ้นคอยติดตามว่าประมุขของประเทศสองคนนี้จะออกลายอะไรให้คนดูได้เห็นอีก
แต่แล้ว หลังจากความสำเร็จยอดเยี่ยมในบทบาทที่ถึงใจคนดู เควินก็ถูกปลดประจำการกลางอากาศ จากกระแสต่อต้านของสาธารณะอันต้านเอาไว้ไม่อยู่ แฟนหนังชุด House of Cards เลยต้องร้องเพลงรอว่าเมื่อขาดตัวนำสำคัญไปแล้ว เรื่องราวจะออกหัวออกก้อยอย่างไร…
…แต่ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ คนทำหนังไม่เคยอับจนปัญญาหาทางออกไม่ได้ในการสร้างสรรค์ เมื่อไปทางนี้ไม่ได้ ก็ต้องหาทางอื่นไปต่อ-แม้จะต้องแถไปยังไงก็ตาม–จนได้นั่นแหละ

หนัง Billionaire Boys Club มีสีสันของยุคทศวรรษ 1980 โดยเฉพาะในฉากหนึ่ง โจได้รับเชิญไปงานวันเกิดหนุ่มไฮโซคนหนึ่ง โดยดีนเพื่อนเขาบอกว่าเป็นงานแฟนซี และให้แต่งเป็น “เรแกน” ไปด้วยกันทั้งสองคน
โจใส่สูท สวมหน้ากากประธานาธิบดีเรแกน ไปเจอดีนที่สวมชุดแดง โจถามว่าไหนบอกให้แต่งเป็นเรแกนด้วยกันไง ดีนตอบว่าก็ฉันแต่งเป็นแนนซี่ (เรแกน) อยู่นี่ไงล่ะ 555!
นอกจากนั้นยังมีฉากที่ให้เห็นคนเด่นคนดังในทศวรรษนั้นคือ แอนดี้ วอร์ฮอล (แครี่ เอลเวส) ศิลปินคนดังของยุค
แม้จะมีนักแสดงหนุ่มดาวรุ่งสองคนที่สร้างสีสันให้ แต่หนังเรื่องนี้ก็ขาดความเข้มข้นเหมือนอย่าง American Hustle และดูไปได้เรื่อยๆ แม้ว่าจะมีจุดพลิกผันของเรื่องในตอนจบในด้านลักษณะนิสัยตัวละครสำคัญตัวหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มาด้วยพลังที่โดนใจคนดูนัก
ดูได้เรื่อยๆ แต่ก็ไม่อยากดูซ้ำอีกแล้วละค่ะ