ลบทิ้งได้เลยปฏิวัติ! “บิ๊กเจี๊ยบ”ส่งสัญญาณ จับตา“บิ๊กแดง”กับแผงอำนาจ ตท.20 ทัพบก-ทัพเรือ

ลบทิ้งได้เลย “ปฏิวัติ” ? “บิ๊กเจี๊ยบ” ส่งสัญญาณ Impossible บูรพาพยัคฆ์-วงศ์เทวัญ ล้อมรบพิเศษ จับตา “บิ๊กแดง” หน่วยต่อต้านปฏิวัติซ้อน กับแผงอำนาจ ตท.20 ทัพบก-ทัพเรือ

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.คนใหม่ สายพันธุ์รบพิเศษ จะประกาศให้ลบคำว่า ปฏิวัติซ้อน ไปได้เลย โดยเฉพาะถึงกับใช้คำว่า “เป็นไปไม่ได้ ในสถานการณ์นี้”

เพราะ พล.อ.เฉลิมชัย นั่น รู้สถานภาพกำลังในมือของตนเองเป็นอย่างดี ว่าเขาเป็นรบพิเศษ ที่อยู่ท่ามกลางดงบูรพาพยัคฆ์ และทหารเสือราชินี ที่เป็นฐานอำนาจอันแข็งแกร่งของ “3 ป.” ที่ได้วางเอาไว้มายาวนานถึงหนึ่งทศวรรษ

“การปฏิวัติซ้อนจะไม่เกิดขึ้น และไม่มีทาง ขอให้ลบคำนี้ออกไปได้เลย อย่ากังวล ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชน ถ้ารัฐบาลมีคุณธรรม อะไรก็เกิดขึ้นไม่ได้ ขอให้ลืมไปเลยคำว่าปฏิวัติ และขอให้ถามเป็นครั้งสุดท้าย”

คำพูดของ พล.อ.เฉลิมชัย นี้ ต้องการจะแสดงออกถึงความจริงใจ และสวามิภักดิ์ ต่อบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เพื่อขจัดความหวาดระแวง ไม่แน่ใจ ที่อาจมีอยู่บ้าง

ในเมื่อ พล.อ.เฉลิมชัย ไม่ใช่ทหารเสือราชินี ที่เติบโตมาจาก ร.21 รอ. และไม่ใช่บูรพาพยัคฆ์ ที่เติบโตมาจาก พล.ร.2 รอ. กับ 3 ป. “ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์” แต่เป็นทหารสายรบพิเศษ ที่ทำงานกับบิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ลูกป๋า สายบ้านสี่เสาเทเวศร์ จนเรียกได้ว่าเป็นน้องรัก

แม้ว่าขั้วอำนาจบ้านสี่เสาฯ ภายใต้บารมีของป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ จะไม่ใช่ศัตรูคู่ขัดแย้งของขั้ว 3 ป. บูรพาพยัคฆ์ ภายใต้การนำของบิ๊กป้อม ที่ใครๆ ก็คือว่ามีบารมีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าป๋าเปรม

แต่ทว่า เมื่อบูรพาพยัคฆ์ขึ้นมาคุมอำนาจในกองทัพ ตั้งแต่รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เรื่อยมา จนคุมอำนาจรัฐ จากการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 แล้ว อำนาจและบารมีของขั้วบ้านสี่เสาฯ ก็ลดน้อยลง

แต่เพื่อยุติความหวาดระแวง และกระแสเสี้ยมให้ขัดแย้ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็เลือกที่จะให้ พล.อ.เฉลิมชัย ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. ท่ามกลางความหวาดหวั่นจากในขั้วอำนาจเดียวกันว่า ไม่กลัวถูกปฏิวัติซ้อนหรือไร

นั่นเพราะ พล.อ.ประวิตร ได้วางแผนอย่างรอบคอบแล้ว เพราะมีการวางตัวบิ๊กแดง พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็นแม่ทัพภาค 1 ที่คุมกำลังรบ ที่เรียกว่าขุมกำลังปฏิวัติ

เพราะในตำราปฏิวัตินั้น รู้กันดีว่าแม้ ผบ.ทบ. ก่อการรัฐประหาร แต่หากแม่ทัพภาค 1 ไม่ร่วมด้วยก็ยากที่จะสำเร็จ และอาจเสี่ยงต่อการเป็นกบฏด้วยซ้ำ

พล.อ.เฉลิมชัย แม้จะเป็น ผบ.ทบ. แต่ทว่าก็เป็นแค่ส่วนหัว แต่มือไม้ ขุมกำลังรบ ล้วนเป็นนายทหารเด็กในคาถาของ 3 ป. ทั้งสิ้น

ลำพังเพียง หน่วยบัญชาการรบพิเศษ ที่เปรียบเสมือนกองทัพภาค 5 ที่มีบิ๊กเล็ก พล.ท.ศิริชัย เทศนา เพื่อน ตท.16 ของบิ๊กเจี๊ยบ เป็น ผบ.นสศ. คุมทหารรบพิเศษ อยู่ก็ตาม

“เหตุผลของการปฏิวัติคืออะไร ยิ่งในสถานการณ์นี้ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ การรัฐประหาร 2 ครั้งที่ผ่านมา การที่ทหารเข้ามาก็เพราะเป็นความต้องการของประชาชน แต่เราก็หวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย”

“ผมเป็นทหารอาชีพ ผมบอกได้เลยว่าไม่มีการปฏิวัติ ผมสนับสนุนรัฐบาล และ คสช. ให้เดินไปตามโรดแม็ป ไปสู่การเลือกตั้ง” พล.อ.เฉลิมชัย ยืนยัน
พล.อ.ประยุทธ์ เอง ก็พยายามไม่แสดงออกถึงความหวาดระแวงใดๆ เพราะเขาก็ไฟเขียวให้ พล.อ.เฉลิมชัย ที่เป็นเลขาธิการ คสช. โดยตำแหน่ง ควบเก้าอี้ ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยของ คสช. คุมกำลังทั้งหมดอีกด้วย

แต่ต้องไม่ลืมว่า มีแม่ทัพภาคต่างๆ ที่เป็นนายทหารสายตรงของ 3 ป. เป็นแม่ทัพภาค ที่ทำหน้าที่เป็น ผบ.กองกำลัง รส.ของแต่ละกองทัพภาคอยู่แล้ว เรียกได้ว่า แม้ ผบ.ทบ. สั่งปฏิวัติ แต่แม่ทัพภาค และผู้บัญชาการกองพล จนถึงผู้บังคับการกรม และผู้บังคับกองพันไม่เอาด้วย ก็ยากที่จะก่อการได้

โดยเฉพาะในยุคนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นทั้งนายกฯ และหัวหน้า คสช. ใหญ่สุด และมีอำนาจสูงสุดอยู่แล้ว สั่งตรงไปยังกองทัพได้เลย ทั้งโดยอำนาจและโดยสายสัมพันธ์ส่วนตัว

ยิ่งกับ พล.ท.อภิรัชต์ ด้วยแล้ว ถือเป็นน้องสายตรงของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เลือกมาเองกับมือ จึงไม่แปลกที่เมื่อรับตำแหน่งแม่ทัพภาค 1 คนที่ 50 แล้ว เขาจะปิดประตู การปฏิวัติใดๆ ด้วยการยืนยันที่จะดูแลสถานการณ์ให้เรียบร้อย และจะปฏิบัติตามคำสั่งของนายกฯ และ รมว.กลาโหม รวมทั้ง ผบ.ทบ. อย่างเคร่งครัด และโดยไม่มีข้อแม้

นั่นเป็นสิ่งที่คนในกองทัพรู้กันดีอยู่แล้ว ถึงจุดยืนของ พล.ท.อภิรัชต์ ซึ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยอมขัดใจบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร ที่สนับสนุนบิ๊กตู่ พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา นายทหารน้องรักสายบูรพาพยัคฆ์ แต่ต้องพลาดหวัง เป็นแค่แม่ทัพน้อยที่ 1

เหตุเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ “เชื่อมือ” พล.ท.อภิรัชต์ เพราะรู้ใจรู้ทางกันดี ตอนที่ พล.อ.ประยุทธ์ รัฐประหารนั้น พล.ท.อภิรัชต์ เป็นผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.) คุมกำลังปฏิวัติกลางกรุงฯ

แม้ว่า พล.ท.อภิรัชต์ จะเป็นวงศ์เทวัญ ไม่ใช่บูรพาพยัคฆ์ แต่นายกฯ ก็เชื่อมือ และเชื่อใจ

รวมทั้งมีบิ๊กหนุ่ย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษา เพื่อนรัก ตท.12 ของนายกฯ และบิ๊กต๊อก พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ที่เป็นน้องรักในสายวงศ์เทวัญ ที่ร่วมปฏิวัติมากับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ล้วนโตมาจาก ร.11 รอ .มาด้วยกันทั้ง 3 คน หนุนด้วย

ถึงขั้นที่ตั้งเป็น ผอ.กองสลากฯ ในการแก้ปัญหาราคาลอตเตอรี่ และคุมเงินนอกงบประมาณก้อนโต และจะให้เป็นต่อไป แม้จะเป็นแม่ทัพภาค 1 แล้วก็ตาม

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ พล.อ.ประยุทธ์ เลือก พล.ท.อภิรัชต์ ให้ฝ่าดงบูรพาพยัคฆ์ และทหารเสือราชินี ขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาค 1 แห่งวงศ์เทวัญ คุมกำลังปฏิวัติ คุมกำลั ง 26 จังหวัดรวมทั้ง กทม. ที่เป็น Center of Gravity แห่งอำนาจ

รวมทั้งเป็นหมากเกมอันลึกซึ้งของ พล.อ.ประยุทธ์ ในการป้องกันการรัฐประหารซ้อน ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ หากเขาจะต้องอยู่ในอำนาจไปยาวนาน

 

การที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล้าขัดใจบิ๊กป้อม พี่ใหญ่ ด้วยการเลือกบิ๊กเจี๊ยบขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. ทั้งๆ ที่เป็นรบพิเศษ ไม่ใช่บูรพาพยัคฆ์ แต่เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ มองแล้วว่าปลอดภัย เพราะแม้เป็น ผบ.ทบ. แต่ทว่าก็แค่ “หัวเดียวกระเทียมลีบ” เพราะเป็นรบพิเศษกลางดงทหารบูรพาพยัคฆ์ ทหารเสือราชินี และวงศ์เทวัญที่คุมกำลังสำคัญไว้หมด

โดยเฉพาะมีการวาง พล.ท.อภิรัชต์ ไว้ที่แม่ทัพภาค 1 ก็เพื่อปิดประตูการปฏิวัติซ้อน นั่นเอง

รวมไปถึงการที่ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ให้ พล.อ.เฉลิมชัย ย้ายเข้ามาอยู่บ้านใน ร.1 รอ. ในรั้วเดียวกัน เพื่อที่จะได้เห็นความเคลื่อนไหวต่างๆ และมีอะไรจะได้เรียกคุยได้สะดวก

แต่ที่ถูกจับตามองก็คือ การที่ พล.อ.เฉลิมชัย ไปอวยพรวันเกิด 2 ตุลาคม ของบิ๊กบัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ. ที่บ้าน ร.11 รอ. ด้วยตนเอง พร้อมทั้งปิดประตูห้องคุยกันด้วย

ทั้งๆ ที่ พล.อ.สนธิ ที่แม้จะเป็นรุ่นพี่รบพิเศษที่ทำงานด้วยกันมา แต่ทว่าหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 พล.อ.สนธิ กับ พล.อ.สุรยุทธ์ มีความขัดแย้งกัน จนเดินกันคนละทาง

อีกทั้ง พล.อ.สนธิ ก็มีความขัดแย้งกับ พล.อ.ประวิตร แม้จะเป็นเพื่อน ตท.6 ด้วยกันก็ตาม แต่เป็นที่รู้กันดีว่า ไปกันคนละทาง

ท้ายที่สุด พล.อ.สุรยุทธ์ และ พล.อ.สนธิ ก็ไม่ลงรอยกับ พล.อ.ประวิตร อีกด้วย

แต่สำหรับน้องรบพิเศษ อย่าง พล.อ.สนธิ ก็ไม่จำเป็นต้องไปเอาความขัดแย้งของรุ่นพี่มาเป็นความขัดแย้งของตนเอง

“ผมเชื่อมือเจี๊ยบเขานะ เพราะทำงานชายแดนเขมรด้วยกันมาตั้งแต่เป็นนายทหารเด็กๆ ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก” พล.อ.สนธิ เจ้าของชื่อจัดตั้ง “หัวหน้านาวิก” พูดถึง พล.อ.เฉลิมชัย หรือหัวหน้าชัยสิทธิ์ ที่ทำงานลับในเขมรมาด้วยกัน

พล.อ.เฉลิมชัย เป็น ผบ.ทบ. ที่ขึ้นมาท่ามกลางการถูกจับตามอง เพราะความต่างสาย ต่างชั้ว และเป็นรบพิเศษ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไร แต่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

พร้อมประกาศที่จะทำงานแบบสบายๆ เน้นการ “เห็นงาน” มากกว่า “เห็นหน้า” ภายใต้ม็อตโต้ “งานได้ผล คนเป็นสุข” และสร้างทหารอาชีพ ในทุกด้าน ทั้งร่างกาย จิตใจ การแต่งกาย และแข็งแกร่ง แบบ Smart Man และไม่ต้องการให้คนเป็น ผบ. ทุบโต๊ะแบบเผด็จการ แต่ให้ฟังความคิดเห็น โดยขอให้ฝ่ายเสนาธิการกล้าที่จะเสนอแนะต่อ ผบ.ทบ. ไม่ใช่คล้อยตาม ผบ.ทบ. ตลอด และจะยึดการโยกย้ายแบบ bottom up ให้หน่วยเสนอขึ้นมา

ว่ากันว่า ทหารรบพิเศษย่อมพิเศษ ไม่ธรรมดา พล.อ.เฉลิมชัย คนนี้ก็เช่นกัน ริ้วรอยบนใบหน้าเต็มไปด้วยสตอรี่ เรื่องราว และประสบการณ์ชีวิตมากมาย ที่ทำให้เขาแกร่ง และล้ำลึก ซับซ้อน อ่านยากกว่ารุ่นพี่อย่างบิ๊กแอ้ด และบิ๊กบัง เสียอีก

นั่นจึงต้องรอดูว่า บิ๊กตู่เลือกที่จะลิขิตชีวิต พล.อ.เฉลิมชัย อย่างไร ในโยกย้ายปลายปี 2560 ที่กำลังจะมีการเลือกตั้ง จะเปลี่ยน ผบ.ทบ. หรือว่าใช้เวลา 1 ปีจากนี้ วัดใจก่อนให้เป็นยาว 2 ปี จนเกษียณกันยายน 2561 ดับฝันบิ๊กเข้ พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ผช.ผบ.ทบ. น้องรักบูรพาพยัคฆ์ ที่ขึ้นมาจ่อรอคิวแล้ว ไปเลย

 

แต่ที่แน่ๆ พล.อ.ประยุทธ์ หมายมั่นให้ ตท.20 ภายใต้การนำของ พล.ท.อภิรัชต์ เป็นฐานอำนาจสำคัญในการดูแลกองทัพและชาติบ้านเมือง ในช่วงเปลี่ยนผ่านการเมืองและประเทศ นับจากนี้

พล.ท.อภิรัชต์ ที่มีอายุราชการถึงกันยายน 2563 ถูกมองว่า จากนี้ในปลายปีหน้าก็ขึ้นห้าเสือ ทบ. และจ่อเป็น ผบ.ทบ. ในอนาคตอันใกล้ โดยมี พล.ท.กู้เกียรติ แม่ทัพน้อย 1 เพื่อนรัก ขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาค 1 ต่อ

ขณะที่ฝ่ายอำนวยการก็มี พล.ท.ณัฐพล นาคพานิชย์ ประธาน ตท.20 ขยับจาก เจ้ากรมยุทธการ ทบ. มาเป็น รอง เสธ.ทบ. และเป็น ผอ.ศปป.5 คุมการแก้ปัญหาภาคใต้เอง

เคียงข้างบิ๊กณัฐ พล.ท.ณัฐ อินทรเจริญ ลูกรักบิ๊กป้อม ที่ยังคงเป็น รอง เสธ.ทบ. และมีอายุราชการถึงปี 2564 เลยทีเดียว

 

ขณะที่ เตรียมทหารรุ่น 20 ในกองทัพเรือ ก็ขึ้นมาจ่อในตำแหน่งสำคัญ เพื่อเตรียมขยับขึ้นคุมทัพเรือต่อ และทำกองทัพให้นิ่ง เป็นแผงอำนาจกับ ทบ. ด้วยเช่นกัน เพราะรุ่นนี้มีดาวเด่นหัวกะทิหลายคน

นำรุ่นโดย นายทหารเรือผู้สุขุม นุ่มนิ่ง อย่างบิ๊กเฒ่า พล.ร.ท.สมประสงค์ นิลสมัย ที่ขยับจาก ผบ.ฐานทัพเรือกรุงเทพฯ มาเป็น เจ้ากรมข่าวทหารเรือ ที่สำคัญคือ มีอายุน้อยกว่าเพื่อน เพราะเกษียณกันยายน 2565 จึงเล็งกันว่าจะเป็น ผบ.ทร. ในอนาคต

ขณะที่เพื่อน ตท.20 คนอื่นๆ เกษียณกันยายน 2564 แต่ก็ไม่อาจมองข้าม ทั้งบิ๊กเป้ง พล.ร.ท.วศินสรรพ์ จันทวรินทร์ ผบ.กองเรือบรรทุก ฮ. นายทหารเรือที่ได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย ที่มาเป็น ผบ.ฐานทัพเรือกรุงเทพฯ แทนเพื่อนเฒ่า

โดยเฉพาะบิ๊กแมว พล.ร.ท.สมชาย ณ บางช้าง ที่ขึ้นจากเลขาฯ ทร. มาเป็นหัวหน้าคณะนายทหารฝ่าย เสธ.ประจำ ผบ.ทร. ก็ถือเป็นความหวังของรุ่น

บิ๊กแก๋ง พล.ร.ท.สิทธิพร มาศเกษม ผบ.กองเรือฟริเกตที่ 2 และอดีต ผบ.รล.จักรีนฤเบศร อดีต ผช.ทูตทหารเรือประจำสเปน ที่ขึ้นมาเป็นหัวหน้าคณะนายทหารฝ่าย เสธ.ประจำ เสธ.ทร. และบิ๊กอุ้ย พล.ร.ท ชาติชาย ศรีวรขาน ที่ขึ้นเป็นปลัดบัญชี ทร. ที่ก็ล้วนเป็นครีมของ ตท.20

แต่ในช่วง 1 ปีนับจากนี้ไป บิ๊กนุ้ย พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผช.ผบ.ทร. จะเป็นที่จับตามองว่าเป็นเต็งหนึ่ง ผบ.ทร.คนใหม่ ในฐานะที่มีอาวุโส เพราะขึ้นมาจาก ผบ.กองเรือยุทธการ (ผบ.กร.) และเป็น ตท.16 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับปลัดกลาโหม ผบ.ทบ. และ ผบ.ทอ. อีกด้วย

ขณะที่บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือ ถ้าแรงจริงก็มีสิทธิ์ที่จะแซงโค้งขึ้นเป็น ผบ.ทร.ได้เลยเช่นกัน แม้ว่าจะเป็นรุ่นน้อง ตท.18 และมีอายุราชการถึงกันยายน 2563 ก็ตาม

แต่มองในรูปการณ์นี้แล้วคาดว่า พล.ร.อ.ณะ จะวางตัวให้ พล.ร.อ.นริส ขึ้นเป็น ผบ.ทร. ก่อน 1 ปี จากนั้น พล.ร.อ.ลือชัย ค่อยขึ้นเป็น ผบ.ทร. ต่อ เมื่อบิ๊กนุ้ย เกษียณกันยายน 2561

นั่นหมายถึงว่า นายทหารเรือ ตท.17-18-19 ที่มีอายุราชการถึงปี 2563 เท่ากับบิ๊กลือ ก็จะหมดสิทธิ์ขึ้น ผบ.ทร. ไปเลย

ทั้งบิ๊กจุ๋ม พล.ร.อ.จุมพล ลุมพิกานนท์ หัวหน้าคณะนายทหารฝ่าย เสธ.ประจำผู้บังคับบัญชา แกนนำ ตท.17 ที่พลาดเก้าอี้ เสธ.ทร. ก็ดูจะหมดหวัง และเกษียณกันยายน 2561 เท่า พล.ร.อ.นริส อีกด้วย

แต่ยังมี ตท.17 อีกหลายคนที่ได้ขึ้นมาเป็น พลเรือเอก ทั้งบิ๊กโบ้ พล.ร.อ.พูนศักดิ์ อุบลเทพชัย และบิ๊กโตน พล.ร.อ.รังสฤษดิ์ สัตยานุกูล ที่ขึ้นมาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทร. เกษียณ 2562

รวมทั้ง ตท.18 พล.ร.อ.โสภณ วัฒนมงคล ขึ้นมาเป็นที่ปรึกษาพิเศษ ทร. และนายทหารที่ถูกดึงขึ้นมาเป็น รอง เสธ.ทร. เช่นบิ๊กตุ๋ย พล.ร.ท.พิเชฐ ตานะเศรษฐ และดาวรุ่ง ตท. รุ่น 19 อย่างบิ๊กป๋อง พล.ร.ท.พัชระ พุ่มพิเชษฐ์ เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ ที่ขึ้นมาเป็น รอง เสธ.ทร.

แต่ ตท.19 ที่ต้องจับตามอง เช่น พล.ร.ท.ปกรณ์ วานิช อดีต ผช.ทูตทหารเรือ ประจำกรุงปักกี่ง ที่ขยับจากเจ้ากรมข่าว ทร. มาเป็น เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ พล.ร.ท.ช่อฉัตร กระเทศ ที่ขึ้นมาเป็นเจ้ากรมยุทธศึกษา ทร. และ พล.ร.ต.นิกิตติ์ ฑีฆะยศ ผบ.กองเรือลำน้ำ และ พล.ร.ท.จงกล มีสวัสดิ์ ผบ.ฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาค 2

แต่ก็ยังไม่ได้หมดความหวัง…

 

“ทุกคนยังมีสิทธิ์ คนที่ขึ้นมาเป็นพลเรือเอกในครั้งนี้ ก็สามารถเป็น ผบ.ทร. ได้ เพราะก็มีความสามารถทั้งนั้น” บิ๊กณะให้ความหวัง

“ผมยึดหลักคุณธรรมในการจัดการแต่งตั้งโยกย้าย แต่ตำแหน่งมีน้อย ก็อาจจะมีน้องๆ ที่ผิดหวังบ้าง แต่ผมก็อยากให้ทุกคนระลึกเสมอว่า ที่เราทำหน้าที่ทุกวันนี้ คือเราทำเพื่อกองทัพ ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองหรือใครคนใด แต่เราทำเพื่อเสด็จเตี่ย อยากให้รวมใจไว้ที่พระองค์ แล้วช่วยกันทำงานเพื่อกองทัพเรือ เพื่อกองทัพและประเทศชาติ”

ปีหนึ่งผ่านไปแล้ว แป๊บเดียวจริงๆ มีคนถามว่าเหนื่อยมั้ย พล.ร.อ.ณะ กล่าวว่า บอกได้เลยว่าไม่รู้สึกเหนื่อย ยิ่งมองไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ ท่านทำงานหนักกว่าพวกเรามากนัก ท่านยังบอกว่าไม่เหนื่อยเลย

“ผมมีเวลาอีก 1 ปี ที่เหลือก็จะพยายามทำให้เต็มที่” ผบ.ทร. กล่าว

ท่ามกลางข่าวสะพัดว่า การที่ พล.ร.อ.นริส ได้ขึ้นมาเป็น ผช.ผบ.ทร. และจ่อขึ้นเป็นแม่ทัพเรือในอนาคต เช่นนี้ ไม่ใช่แค่เพราะผลงาน ในฐานะ ผบ.กองเรือยุทธการ ที่ทำงานเต็มที่เท่านั้น

แต่เพราะมี “คอนเน็กชั่น” กับคนใกล้ชิดบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ทั้ง “สวนกุหลาบ คอนเน็กชั่น” กับเครือญาติ และสายสัมพันธ์หลังบ้านกับคนในครอบครัวบิ๊กตู่

“ไม่มีคอนเน็กชั่นอะไรเลย ยิ่งภริยายิ่งเป็นคนธรรมดาเลย ไม่รู้ใจใครถึงระดับนั้นเลยครับ” พล.ร.อ.นริส แจง

แต่ทว่า พล.ร.อ.นริส เป็นนายทหารเรือที่ พล.อ.ประยุทธ์ รู้จักและทักทายทุกครั้งที่พบหน้า

หากเขาขึ้นเป็น ผบ.ทร. ก็จะกลายเป็น ผบ.กองเรือยุทธการ คนแรกในรอบ 30 ปี ที่ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทร. เลยทีเดียว

แต่ไม่ว่า ทัพบก ทัพเรือ หรือทัพฟ้า ณ เวลานี้ก็อยู่ในมือบิ๊กตู่ ม.44 ทั้งสิ้น