ฉบับประจำวันที่ 8-14 มิถุนายน 2561

“(แล้ว) ผู้นำขบวนปิดกรุงเทพฯ ปิดสถานที่ราชการ จนภิกษุผู้ร่วมงานถูกศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ต้องนอนในคุก ก็ประกาศตั้งพรรคด้วยน้ำตานองหน้าเสมือนน้ำตาจระเข้ ประกาศตั้งพรรค
โดยมีผู้ร่วมอุดมการณ์จากกลุ่มคนชั้นสูง
ที่เคยประกาศว่าชนชั้นตนเท่านั้นที่ควรมีส่วนร่วมในทางการเมือง
ทึกทักเอาว่าชนชั้นตนเท่านั้นเป็นผู้เสียภาษี
ซึ่งเป็นความคิดที่ตั้งอยู่บนความโง่เขลา ignorance หรืออคติ bias ของคนชั้นสูง
คนเหล่านี้แยกตัวออกจากพรรคประชาธิปัตย์
แล้วมาตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทยอย่างหน้าตาเฉย
ทั้งๆ ที่เคยให้สัญญากับมวลมหาประชาชนว่าตนจะไม่เล่นการเมือง
ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง
ไม่ตั้งพรรคการเมือง..
จนบัดนี้กว่า 85 ปี ที่เราได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
แผ่นดินประเทศไทยก็ยังวนเวียนอยู่กับรัฐบาลเผด็จการทหาร
หรือรัฐบาลที่สืบทอดจากการปฏิวัติรัฐประหาร โดยการยึดอำนาจมาจากประชาชน
เป็นรัฐบาลของทหาร โดยทหาร และเพื่อทหารมาโดยตลอด
เราประชาชนเป็นเพียงคนดู”

นี่คือความเห็น ของ “วีรพงษ์ รางมางกูร”ที่ เขียนไว้ในมติชนรายวัน ฉบับวันที่ 7 มิถุนายน 2561
วันที่เป็นเริ่มต้นแห่งฤดูฝน
ที่น้ำน่าจะไหลรวมเอาสิ่ง”ดี-ดี”มารวมกัน
แต่กระนั้นการที่คนดี-คนชั้นสูง มารวมกัน ในนามพรรครวมพลังประชาชาติไทย
โดยมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หลั่งน้ำตา ให้กับคนตายและบาดเจ็บ จากการชุมนุมของกปปส. อันเป็นเหตุให้ต้องยอมตระบัดสัตย์
มาสืบทอดเจตนาข้างต้น
เป็นสิ่งที่ชวน ซาบซึ้งใจด้วยหรือไม่
หรือ เป็นเหตุให้ประชาชนต้องน้ำตาไหลเช่นกัน
ไม่ใช่ด้วยเหตุเดียวกับนายสุเทพ
หากแต่หลั่งไหลน้ำตา กับการต้องเป็น”คนดู”อย่างที่ผ่านมา 85 ปี ต่อไป
—————–