กาละแมร์ พัชรศรี : พันธนาการชีวิต

วันที่เรารู้ซึ้งถึงคุณค่าของสิ่งๆ หนึ่ง ก็ในวันที่เราสูญเสียมันไป…

วันที่เดินทางไปที่ Mont Saint-Michel มหาวิหารกลางน้ำที่อยู่บนเกาะกลางทะเลของเมืองนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส ทำให้คิดเรื่องนี้ขึ้นมา

ประวัติของที่นี่นั้นเกิดจากมีเทวทูตชื่อเซนต์มิเชลมาเข้าฝันนักบวชท่านหนึ่งถึง 3 ครั้งให้สร้างวิหารนี้ขึ้นมา โดยในฝันเทวทูตใช้นิ้วจิ้มศีรษะนักบวชท่านนี้ด้วย พอตื่นมาก็เห็นเป็นรอยนิ้วอยู่ที่ศีรษะของตัวเอง เลยคิดว่านี่คือเรื่องจริง การก่อสร้างจึงเกิดขึ้น

ด้วยความที่วิหารนี้ถูกสร้างขึ้นบนเกาะกลางน้ำ จึงต้องดูวันน้ำขึ้นน้ำลงด้วย เมื่อก่อนคนจะเข้าไปต้องใช้เรือ แต่ตอนนี้มีการสร้างสะพานให้เข้าไปสะดวกมากขึ้น นอกจากโบสถ์แล้วยังมีบ้านเรือนประชาชน ร้านค้า ร้านอาหารอยู่บนนั้นด้วย

เมื่อเวลาผ่านมาหลายปี โบสถ์ไม่มีพระอยู่ที่นั่น จึงใช้เป็นเรือนจำสำหรับนักโทษทางการเมือง และกลายมาเป็นมรดกโลกในที่สุด แต่ละปี มีคนมาที่แห่งนี้ 3 ล้านกว่าคน

ท่ามกลางสถานที่ที่สวยงาม วิวสุดลูกหูลูกตา แต่ถ้าไม่มีอิสรภาพ มันจะสำคัญอะไรเล่า

 

ตอนที่อ่านประวัติเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ ฉันคิดถึงบุคคลที่ถูกนำมาจองจำที่นี่ เส้นทางจากปารีสไม่ใช่ใกล้ๆ ไหนจะต้องถูกน้ำล้อมรอบ และยังถูกจำกัดสถานที่ เขาจะรู้สึกอย่างไรกันนะ

หรือแม้แต่ใครก็ตามที่ถูกจำกัดอิสรภาพ เขาจะรู้สึกอย่างไรบ้างนะ

ทำไมแค่การจำกัดที่ จำกัดการกระทำ จำกัดการใช้ชีวิตมันถึงมีความสำคัญกับมนุษย์เราขนาดนี้

ลองคิดดูว่า สุดท้ายของการทำผิดบาปทุกอย่าง มันจะจบลงด้วยการ “จำกัดอิสรภาพ”

แสดงว่าการมีอิสรภาพในชีวิตมันจึงเป็นเรื่องที่สำคัญต่อคนเรามากจริงๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่ลงโทษกันแบบนี้

การไม่ได้อยู่ในที่ที่อยากอยู่

การไม่ได้กินในสิ่งที่อยากกิน

การไม่ได้ไปในที่ที่อยากไป

การไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่อยากใช้

การไม่ได้อยู่กับคนที่อยากอยู่

การไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ

การไม่ได้พูดในสิ่งที่อยากพูด

มันช่างเลวร้ายกับชีวิตเราเหลือเกิน…

 

นั่นเป็นเพราะเราต้องได้รับผลจากการกระทำของเราที่มีต่อผู้อื่น

แล้วถ้าเราทำตัวของเราเองล่ะ บางครั้งมันก็อาจไม่ต่างจากการถูกจองจำแบบที่นักโทษโดนก็เป็นได้

ลองนึกถึงชีวิตของตัวเองดูว่าเรามีอิสรภาพในการใช้ชีวิตอย่างที่เราต้องการหรือไม่ เรากำลังจองจำชีวิตตัวเองอยู่หรือเปล่า และเรากำลังทำร้ายตัวเองอยู่ใช่ไหม

เราได้อยู่ในที่ที่เราอยากอยู่ไหม เราพอใจในบ้านของเราไหม เราต้องการอยากอยู่ที่สถานที่ สิ่งแวดล้อมที่ดีกว่านี้ไหม เรามีบ้านในฝันและอยากทำมันให้เป็นจริงหรือไม่

หรือบางทีเราก็ไม่อยากอยู่ร่วมกับที่คนเราไม่อยากอยู่ด้วย อยู่แล้วประสาทจะกิน อยู่ด้วยแล้วไม่มีความสุข อยู่แล้วต้องหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา อยู่แล้วต้องเสียใจ อยู่แล้วหมดพลังในชีวิต เราจะอยากอยู่ที่นั่นต่อไปหรือ

แล้วทำไมเราไม่ออกมา

หรือเพราะเราออกมาไม่ได้

เราเหมือนถูกจองจำไว้ไหม

ทำไมเราไม่ได้ใช้ชีวิตในแบบที่เราอยากใช้ และยังนำพาตัวเองมาถูกทำร้ายจิตใจ ความรู้สึกจนไม่ยอมออกมาสักที

นี่เราติดคุกทางใจอยู่หรือไม่

เรามีงานที่เราอยากทำหรือเปล่า

เราทำงานด้วยความสุขทุกวันหรือเปล่า

เราตื่นมาด้วยความรู้สึกอยากไปทำงานหรือเปล่า

เรารักงานของเราหรือเปล่า

เราอยากพัฒนาให้มันออกมาดีขึ้นหรือเปล่า หรือเราทำมันไปงั้นๆ ทำให้มันผ่านๆ ไปต่อวัน ทำเพราะมันได้เงิน ทำเพราะเราไม่รู้จะไปทำอะไรดี ทำเพราะมันง่ายดีไม่ต้องคิดอะไรมาก ทำไปงั้นๆ

นี่เราถูกจองจำทางอาชีพการงานหรือเปล่า

หรือบางคนก็ทำงานมากเกินไปจนไม่ได้ไปไหน ไม่มีเวลาทำอะไร ไม่ได้เจอใคร ไม่มีแม้แต่เวลาพักผ่อน เครียfมาก ไม่สบายเป็นโรคต่างๆ อาจเพราะติดกับดักที่ตัวเองสร้างขึ้นมาจนแบ่งเวลาไม่ได้

นี่เราเป็นทาสงานมากเกินไปหรือเปล่า

 

บางทีเราก็ไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง ทั้งในแบบที่เราทำตัวเองและในแบบที่คนอื่นทำให้เราเป็นเช่นนั้น

ในแบบที่เราทำตัวเองคือ เราต้องเสแสร้งแกล้งทำให้เป็นในแบบที่ตัวเองคิดว่าคนอื่นน่าจะชอบ ทำอะไรก็ได้ให้เขาพอใจ ชีวิตขึ้นอยู่กับความพอใจของคนอื่น ขึ้นอยู่ว่าเขาจะมองเราอย่างไร โดยไม่คิดถึงใจและความรู้สึกของตัวเองเลย

คุณกำลังจองจำจิตวิญญาณของคุณอยู่หรือเปล่า ไม่ให้ตัวเองได้เป็นในแบบที่ตัวเองอยากเป็น

หรือในแบบที่คนอื่นบังคับให้คุณเป็นในแบบที่เขาต้องการ ยิ่งบ้าไปกันใหญ่

เราเอาชีวิตเราไปแขวนไว้ที่คนอื่น ให้เขาเป็นเจ้าของเรา ให้เขาบอกว่าเราควรทำอย่างไร คิดอย่างไร พูดอย่างไร แล้วเราจะมีชีวิตของตัวเองไปเพื่ออะไร มันจะน่าเศร้าแค่ไหนที่เราไม่มีตัวตนในโลกใบนี้

มันถึงเวลาหรือยังที่เราทุกคนต้องลุกขึ้นมามีอิสรภาพในการใช้ชีวิต เราไม่ได้ถูกจอง

จำในเรือนจำ เราอย่าทำชีวิตเราให้เป็นแบบนั้น

ไม่โทษโชคชะตา ไม่โยนความผิดให้ใครถ้าชีวิตเราไม่ดี ไม่เป็นไปอย่างที่ต้องการ เพราะเรากำหนดมันได้

เพียงแต่เรามีใจที่มุ่งมั่น เข้มแข็ง กล้าหาญ ไม่ย่อท้อ ยืนด้วยขาของตัวเองให้ได้

เราจะปลดปล่อยพันธนาการนั้นด้วยตัวของเราเอง

อย่าลืมว่า…โลกต้อนรับคุณเสมอ