ศาสนา กับ พรีเมียร์ ลีก เกี่ยวกันยังไง สวดวอนขอพระเจ้าให้ทำประตูได้หรือเปล่า?

พิศณุ นิลกลัด

ศาสนา กับ ฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก ฟังดูไม่เกี่ยวกันสักเท่าไหร่

แต่ทีมฟุตบอลในพรีเมียร์ ลีก อังกฤษส่วนใหญ่ มีเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลด้านกิจการศาสนาของทีม มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า แช็พพลิ่น (Chaplain) หรือเรียกเป็นภาษาไทยว่าอนุศาสนาจารย์ ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านจิตใจให้กับนักเตะตั้งแต่เรื่องส่วนตัว เมื่อนักฟุตบอลมีปัญหาครอบครัว ประสบปัญหาข่าวลือ ปัญหาบาดเจ็บ หรือรู้สึกอ่อนไหวขาดความมั่นใจ เพราะไม่ว่าจะเป็นนักเตะหน้าใหม่ หรือนักเตะเก๋าของทีม ก็มีปัญหาด้วยกันทั้งนั้น

อย่างนักเตะหน้าใหม่มักมีปัญหาเหงาหงอยเศร้าสร้อยคิดถึงบ้าน ส่วนนักเตะเก๋าก็กังวลว่าจะถูกลดความสำคัญเมื่อทีมซื้อนักเตะหนุ่มฟอร์มสดมาเสริมทีม

สาธุคุณ หรือ ศาสนาจารย์ จอห์น บอยเยอร์ส (Reverend John Boyers) ซึ่งเป็นผู้สอนศาสนานิกายโปรแตสแตนต์ ทำหน้าที่อนุศาสนาจารย์ให้กับทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 1992 เป็นที่ปรึกษาด้านจิตใจให้กับนักเตะทีมแมนฯ ยู ทีมจริง ทีมเยาวชน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของทีม

ถาม สาธุคุณ จอห์น บอยเยอร์ส ว่าเวลาช่วยทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้น เคยสวดให้ทีมชนะ หรือแช่งให้ทีมคู่แข่งแพ้หรือเปล่า?

สาธุคุณตอบว่า ไม่เคยสวดเพื่อผลแพ้ชนะใดๆ ทั้งสิ้น แต่ถ้ามีนักเตะที่เคยบาดเจ็บและตอนนี้หายแล้วจะลงแข่งขันเข้ามาหาเพราะกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บและขอให้สวดภาวนาคุ้มครองให้ปลอดภัย สาธุคุณจะช่วยสวดภาวนาให้

แต่จะไม่สวดขอให้นักเตะยิงประตูได้ เพราะว่าไม่ใช่บทบาทของตัวเอง และไม่คิดว่าพระเจ้าสนใจที่จะบันดาลผลแพ้ชนะในการแข่งขันฟุตบอล

สาธุคุณ จอห์น บอยเยอร์ส กล่าวว่า บทบาทสำคัญคือให้ความช่วยเหลือด้านจิตใจ ดังนั้น จะไม่ให้คำแนะนำใดๆ แก่นักเตะถึงเทคนิค กลยุทธ์การเล่นฟุตบอล เพราะนั่นเป็นหน้าที่ของโค้ชและผู้จัดการทีม

สาธุคุณ จอห์น บอยเยอร์ส พูดถึงความสำคัญของแช็พพลิ่น หรืออนุศาสนาจารย์ต่อทีมฟุตบอลว่า มีคนเคยบอกกับท่านว่ามีบทบาทสำคัญมาก เพราะหากนักฟุตบอลลงแข่งขันโดยที่จิตใจยังพะวงกับเรื่องส่วนตัว เช่น ภรรยาจะคลอดแต่ไม่ทราบจะบอกกับภรรยายังไงว่าต้องลงแข่งขัน อยู่เฝ้าที่ห้องคลอดไม่ได้ ซึ่งนักเตะก็จะคิดถึงแต่เรื่องภรรยากำลังจะคลอด ใจไม่จดจ่อกับการแข่งขัน

การมีอนุศาสนาจารย์คอยเป็นที่ปรึกษาปัญหาส่วนตัวจึงเป็นที่พึ่งทางจิตใจช่วยให้นักฟุตบอลจิตใจสงบ และมุ่งมั่นกับการแข่งขัน

สาธุคุณ จอห์น บอยเยอร์ส บอกสิ่งที่ท่านสวดภาวนาเสมอก็คือ ขอให้นักฟุตบอลสามารถลงแข่งขันได้อย่างเต็มความสามารถ จากนั้นก็จะสวดให้ผู้ตัดสินทำหน้าที่อย่างถูกต้อง ไม่ตัดสินผิดซึ่งส่งผลเสียให้กับการแข่งขัน

แต่สาธุคุณ จอห์น บอยเยอร์ส ก็กล่าวอย่างมีอารมณ์ขันว่า แม้จะไม่เคยสวดอ้อนวอนพระเจ้า เพื่อผลแพ้ชนะ แต่ก็มีการแข่งขันนัดแห่งความทรงจำที่ตื่นเต้นที่สุดจนท่านอดพูดกับพระเจ้าถึงผลการแข่งขันไม่ได้

คราวนั้นเป็นการแข่งขันแชมเปี้ยน ลีก ปี 1999 รอบชิงชนะเลิศระหว่างทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ บาเยิร์น มิวนิก

ขณะนั้นบาเยิร์น มิวนิก นำ 1-0 และเหลือช่วงทดเวลาบาดเจ็บอีก 3 นาที ณ เวลานั้นแฟนๆ ทีมบาเยิร์น มิวนิก เตรียมฉลองชัยชนะกันแล้ว

สาธุคุณเล่าด้วยความขำถึงช่วงเวลาตึงเครียดสำหรับแฟนแมนฯ ยู ว่าตัวท่านได้พูดกับพระเจ้า แต่ไม่ได้ภาวนาว่า หากพระเจ้าประสงค์ให้ทีมแมนฯ ยู ชนะ ตอนนี้มีเวลาแข่งขันเหลือไม่มากแล้ว ซึ่งผลปรากฏว่าปาฏิหาริย์ได้เกิดขึ้นโดยทีมแมนฯ ยู ยิงประตูตีเสมอนาทีที่ 90:36 และยิงประตูชัยในนาที 92:17 ทำให้ทีมแมนฯ ยู ได้แชมป์ ซึ่งสาธุคุณ จอห์น บอยเยอร์ส อมยิ้มพร้อมย้ำแล้วย้ำอีกว่า พูดกับพระเจ้าเฉยๆ ไม่ได้สวดภาวนาขอให้ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดชนะ

สาธุคุณ จอห์น บอยเยอร์ส พูดถึงทีมแมนฯ ยู ว่าสมัยการคุมทีมของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทีมเอาชนะคู่แข่งในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของการแข่งขันอยู่บ่อยๆ ซึ่งท่านสาธุคุณ วิเคราะห์ถึงความสำคัญของช่วง 10 นาทีสุดท้ายของการแข่งอย่างน่าสนใจ

สาธุคุณ จอห์น บอยเยอร์ส กล่าวว่า ช่วงเวลา 10 นาทีสุดท้ายของการแข่งขันนั้น สำหรับทีมที่ตามหลัง เวลา 10 นาทียังพอเพียงที่จะพลิกสถานการณ์จากการตามหลังให้มาเสมอหรือชนะ

ซึ่งสาธุคุณได้เห็นความคิดนี้เป็นสิ่งปลูกให้บรรดานักเตะทั้งทีมใหม่และทีมเยาวชนของแมนฯ ยู

เพราะแม้เวลาจะเหลือ 5 นาทีสุดท้าย ทีมก็ยังมีโอกาสชนะได้ ดังนั้น นักเตะต้องทุ่มเทเต็มที่จนถึงวินาทีสุดท้าย

สาธุคุณ จอห์น บอยเยอร์ส บอกว่า “It only takes a second to score a goal. Remember that.”

แปลว่า “การยิงประตูใช้เวลาแค่วินาทีเดียว จำไว้”