คดีไฮดรา กับ เรื่องของ “บุญชัย บัช”

ที่มาภาพ เอพี

เมื่อ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีรายงานข่าวเล็กๆ ของสำนักข่าวเอพี เผยแพร่ออกมา

พูดถึงคำพิพากษาในคดีที่ดูเหมือนไม่ค่อยได้รับความสนใจในเมืองไทยเท่าใดนัก

นั่นคือคดีของนายบุญชัย บัช ซึ่งถูกจับกุมที่บ้านพักในจังหวัดนครพนม เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ในข้อหานำชิ้นส่วนสัตว์ป่าคุ้มครองเข้าประเทศโดยผิดกฎหมายจากประเทศในแอฟริกา คิดเป็นมูลค่า 700,000 ดอลลาร์ ผ่านทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว

โดยที่ผู้สมคบกระทำความผิดอีก 3 ราย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรายหนึ่งถูกจับกุมไปแล้วด้วย พร้อมของกลางเป็นนอแรดจากแอฟริกา น้ำหนัก 11 กิโลกรัม

ผลของคดีก็คือ ศาลมีคำพิพากษาให้จำคุกนายบุญชัย บุคคลสัญชาติไทยเชื้อสายเวียดนาม วัย 41 ปี ไว้เป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน ตามข้อกล่าวหา เพราะมีหลักฐานชี้ชัดว่าเป็นเจ้าของเงินทุนและพยายามเข้าไปนำของกลางออกจากสนามบินดังกล่าว

โดยเชื่อว่ามีเป้าหมายจะลักลอบขนข้ามแดนไปยังลาว เพื่อจัดส่งต่อให้กับผู้สั่งซื้อที่แท้จริง ซึ่งอาจจะอยู่ในเวียดนาม ในจีน ประเทศใดประเทศหนึ่ง

เอพีระบุว่า ข่าวดังกล่าวเผยแพร่ออกมาโดย “ฟรีแลนด์” องค์การที่ดำเนินงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อต่อต้านการลักลอบค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย

ฟรีแลนด์ให้ภูมิหลังของบุญชัยผ่านเอพีเอาไว้ว่า เป็นคนซึ่ง “ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ดำเนินงานเครือข่ายลักลอบค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายขนาดใหญ่ตามแนวชายแดนไทย-ลาว ที่ขยายไปจนถึงในเวียดนาม” ทั้งบอกเอาไว้ด้วยว่า บุญชัยและคนในตระกูลบัช “มีบทบาทสำคัญในแก๊งอาชญากรที่ลักลอบค้าสินค้าผิดกฎหมายทั้งหมด ตั้งแต่ งาช้าง, นอแรด, ตัวนิ่ม หรือตัวลิ่น, เสือ, สิงโต และสัตว์หายากและใกล้สูญพันธุ์อื่นๆ”

นั่นทำให้ “บุญชัย บัช” น่าสนใจมากกว่าที่ผมคิดเอาไว้แต่เดิมมากทีเดียว

 

เมื่อค้นข้อมูลย้อนหลังไป ปรากฏถ้อยแถลงของ “ฟรีแลนด์” เมื่อ 20 มกราคมปีนี้ที่แสดงให้เห็นว่า บุญชัยต้องสงสัยว่าเป็น “ผู้กำกับดูแล” เครือข่ายอาชญากรรมนี้มานานกว่าสิบปีแล้ว ในฐานะเป็น “สมาชิกระดับนำ” ของคนในตระกูลบัช ที่ทำหน้าที่เป็น “ห่วงโซ่อุปทาน” ระดับนานาชาติจัดหาของป่าผิดกฎหมายสารพัดทั้งในเอเชียและแอฟริกา ให้กับ “นายหน้า” สำคัญในลาว, เวียดนาม และจีน

หนึ่งใน “ดีลเลอร์” รายใหญ่ดังกล่าวคือ วิซัย แก้วสะหว่าง ซึ่งถูกนิวยอร์ก ไทม์ส ระบุเอาไว้เมื่อปี 2013 ว่าเป็น “นายหน้าค้าสัตว์ป่าที่ใหญ่โตที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

ในปี 2016 เดอะ การ์เดียน นำเสนอรายงานเกี่ยวกับเครือข่ายเดียวกันนี้อีกครั้ง

คราวนี้ ตระกูลบัชถูกระบุเอาไว้ว่าเป็น “ผู้จัดหาหลัก” สำหรับของป่าผิดกฎหมายทั้งหลายให้กับวิซัย แก้วสะหว่าง ถึงกับให้สมญานามตระกูลบัชว่าเป็น “ตระกูลอาชญากรรมสัตว์ป่าระดับสุดยอดของเอเชีย”

“ฟรีแลนด์” ระบุว่า ข้อมูลที่ปรากฏในรายงานข่าวทั้งสองชิ้นนั้น ส่วนใหญ่มีพื้นฐานมาจากผลการติดตามประมวลข้อมูลและวิเคราะห์ขององค์กรเอกชนเพื่อต่อต้านการค้าสัตว์ป่าระหว่างประเทศแห่งนี้

ซึ่งเชื่อว่าเครือข่ายตระกูลบัช, เครือข่ายวิซัย แก้วสะหว่าง และเครือข่ายอื่นๆ ที่เป็นหุ้นส่วนธุรกิจผิดกฎหมายนั้นรวมอยู่เป็นแก๊งเดียวกัน

ฟรีแลนด์เรียกแก๊งใหญ่โตแก๊งนี้ว่า “ไฮดรา”

 

ข้อมูลของฟรีแลนด์ระบุว่า กลางปี 2013 กระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศให้รางวัล 1 ล้านดอลลาร์ สำหรับผู้ที่ให้เบาะแสและข้อมูลซึ่งนำไปสู่การทลายเครือข่ายของวิซัย แก้วสะหว่าง ได้

แต่ในการร่วมมือกันสืบสวนสอบสวนระหว่างฟรีแลนด์กับเจ้าหน้าที่ของไทย ในปีถัดมาพบว่า ตระกูลบัช คือผู้จัดหาสินค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายหลักให้กับเครือข่ายของวิซัย ด้วยวิธีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ มีการแต่งตั้งตัวแทนอยู่ในหลายประเทศ ทั้งในแอฟริกา, ไทย, ลาว และเวียดนาม ที่ฟรีแลนด์เรียกว่า ไฮดรา นั่นเอง

เครือข่ายของตระกูลบัช เริ่มต้นที่บัช ฟาน ลิม ก่อนที่จะผ่องถ่ายให้กับน้องชาย คือบุญชัย ที่มีที่อยู่ในนครพนม เมื่อปี 2005 และทำให้ที่นั่นกลายเป็น “สำนักงานใหญ่” ขององค์กรอาชญากรรมแห่งนี้ไป ก่อนขยายตัวออกไปเรื่อยๆ ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมด้วยรายได้จากการค้าของป่าและของผิดกฎหมายข้ามลำน้ำโขง ส่งต่อไปยังเครือข่ายในลาว เวียดนาม และจีน

หนึ่งในสามผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมขณะพยายามเข้าไปนำสินค้าผิดกฎหมายออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คือ บัช ฟาน ฮัว ญาติอีกคนของบุญชัยนั่นเอง

สตีเฟน แกลสเตอร์ ผู้ก่อตั้งฟรีแลนด์ ที่ติดตามคดีไฮดรามาตั้งแต่ปี 2003 จนถึงขณะนี้ เชื่อว่าการจับกุมบุญชัยทำให้กลุ่มอนุรักษ์สัตว์ป่ายังพอมีหวังอยู่บ้าง

และคาดหวังว่าข้อมูลเรื่องนี้จะถูกเจ้าหน้าที่ของไทยและอีกหลายประเทศที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ในการสืบสวนสอบสวนต่อ เพื่อขจัดเครือข่ายนี้ให้หมดสิ้นต่อไป