จรัญ พงษ์จีน : “ลุงตู่สู้ๆ” เกื้อหนุนภาพ “ประยุทธ์” ในฐานะ “นักการเมือง”

จรัญ พงษ์จีน

“ทริป ครม.สัญจร” ที่นำทีมโดย “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนายกรัฐมนตรี “จบไปแล้ว” แต่ที่ยัง “ไม่จบ” ก็คือ “ผลต่อเนื่อง” ซึ่งมีมากมายหลายเรื่อง

“สัมผัสแรก” รัฐบาล “บิ๊กตู่” ถมงบประมาณลงสู่กรุ๊ปจังหวัด “นครชัยบุรินทร์” อันประกอบด้วย “นครราชสีมา-บุรีรัมย์-สุรินทร์-ชัยภูมิ” ตีนบวม-น้ำบานกันตามๆ ด้วยวงเงินงบประมาณ 20,000 ล้านบาทเศษ

เสร็จสรรพ 73 โครงการ แยกย่อยซอยยิก ทั้งโครงการพื้นฐาน การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว เกษตรและแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกร

“คนบุรีรัมย์” มีความสุขสนุกสุด ได้รับอานิสงส์ทั้งปรับปรุงสนามบินยกระดับให้ใหญ่ยักษ์ รับเครื่องขนาดหนักได้ ก่อสร้างศูนย์ประชุมจัดงานแสดงนิทรรศการ แถมเย็นวันเดียวกันนั้น หลังจาก “ลุงตู่สู้ๆ” คล้อยหลังกลับหลัดๆ ทีม “ปราสาทสายฟ้า” เบิ้ลชัยชนะ เฉียด “ชุนบุก” ยอดทีมฟุตบอลจากเกาหลีใต้ได้อีก

ทุกอย่างสำเร็จสมหวัง ดีงามน่าน้ำตาไหล… “บุรีรัมย์” เคยได้ชื่อว่าเมืองตำน้ำกิน อยู่หลังเขา ชายแดนติด “เขมร” กำลังจะก้าวไกลโกอินเตอร์เป็น “อังกฤษ” อยู่รอมร่อแล้ว เยี่ยมมั้ย

กลับไปที่ผลต่อเนื่องกับ “สัมผัสที่ 2” หลัง “ปรากฏการณ์ช้าง อารีน่า” ต้องยอมรับว่า บุคคลที่มีบทบาทโดดเด่น คนอื่นๆ ต้อง “ชิดซ้าย” ไปหมดเลย เหลือแค่ 2 คน 1.คือ “นายเนวิน ชิดชอบ” ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในฐานะเจ้าบ้าน จัดต้อนรับแขกวีไอพีได้เต็มแมกซ์ทุกประการ อาทิ ระดมชาวบ้านในจังหวัดและละแวกใกล้เคียง เต็มความจุสนามช้างฯ กว่า 30,000 ชีวิตมาต้อนรับ

แถมเจ้าตัวยอมสวมบทผู้นำ “เชียร์ลีดเดอร์” ด้วยตัวเอง ตะโกนนำ “ลุงตู่สู้ๆ” กระหึ่มไปทั้งสนาม ยิ่งกว่านั้น ยังจับ “พล.อ.ประยุทธ์” สวมชุดแข่งมอเตอร์ไซค์ ราวกับ “เด็กแว้น” ควบบิ๊กไบก์ในสนามที่จะเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันโมโต จีพี อีกต่างหาก เล่นเอาฮือฮาไปทุกบาง

“บิ๊กเน” ดังที่ทราบ นอกจากจะเป็นประธานทีมเซราะกราว ซิตี้แล้ว ก็ยังเป็น “เจ้าของ” พรรค “ภูมิใจไทย” ตัวจริงเสียงจริง “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” แค่หัวหน้าพรรคอุปโลกน์ คนที่มีบทบาทซ้ายหันขวาหันชื่อ “เนวิน” ต่างหาก ใครๆ ก็ทราบ

“ชายคนที่ 2” ซึ่งพลาดไม่ได้คือ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ที่นำคณะรัฐมนตรีมาประชุมสัญจรนอกสถานที่ มาแล้ว 7-8 จังหวัด ยังไม่มีที่ไหนจัดได้ยิ่งใหญ่ ยอดเยี่ยม-โดนปังดังใจเท่า “บุรีรัมย์”

 

“บิ๊กตู่” เป็นชายชาติทหาร เห็นแต่ลูกน้องสวมรองเท้าคอมแบต หรือ “ไอ้โอ๊บ” รู้จักมักคุ้นแต่สนามรบ มาเจอ “สนามมวลชน” ผู้คนล้นหลาม ตะโกน “ลุงตู่สู้ๆ”

คนจัดการได้ถูกใจซะขนาดนี้คือกระบี่มือหนึ่ง ที่ชื่อ “เนวิน” และมาถูกที่ถูกเวลา แถมเกาถูกที่คัน เพราะระหว่างนี้ “พล.อ.ประยุทธ์” กำลังอยู่ระหว่างตัดสินใจ จะ “ขี่เสือ” ต่อไปดีหรือไม่ ในการเป็นเชนคัมแบ๊ก กลับมานั่ง “นายกฯ รอบที่ 2”

สนามช้าง อารีน่า สามารถ “ตอบโจทย์” ได้ชัดเจนว่า “บิ๊กตู่” เอาแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์

โดยจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใดมาในฐานะ “นายกฯ คนใน”

ลีลา ท่าทีอิริยาบถในวันนั้นคือ “นักการเมือง” พันธุ์แท้ และไม่ได้ “มือใหม่หัดขับ” หรือเพิ่งกลับมาจาก “ดาวอังคาร” แต่ประการใด “กลอนพาไป” เยี่ยมทุกวรยุทธ์ ทั้งกิจกรรมต่างๆ กลางแจ้งที่แวะทักชาวบ้านที่มาต้อนรับ ล้วนแล้วแต่มืออาชีพ ระดับสมภาร ทั่นเจ้าคุณทั้งนั้น

เป็น “นายกฯ คนใน” ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ 2560 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ หรือ “กฎหมายลูก” ว่าด้วยหมวดพรรคการเมือง ที่กำหนดให้การเลือกตั้งด้วยระบบ “จัดสรรปันส่วนผสม” ที่คะแนนเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต มีผลโดยตรงต่อจำนวนที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ

ซึ่งลือหึ่งกันว่า ออกแบบมาเพื่อคุมกำเนิด “พรรคเพื่อไทย” ไม่ให้ชนะแบบถล่มทลายเหมือนเลือกตั้งเมื่อปี 2548 และ 2554

แค่เห็นร่างเงารัฐธรรมนูญ 2560 หมวดหมู่ดังกล่าว มุ้งต่างๆ ในพรรคเพื่อไทยก็กระโดดอพยพหลบหนีกันจ้าละหวั่นพัลเก ยิ่งกว่าเจอระเบิด

หัสเดิมเพื่อไทย หรือไทยรักไทยเดิม มีมุ้ง กลุ่ม ซุ้มต่างๆ เต็มไปหมด อาทิ “จันทร์ส่องหล้า-วังบัวบาน-วังน้ำเย็น-วังน้ำยม-ซุ้มบ้านใหญ่-ค่ายริมน้ำ-มุ้งนครปฐม-วาดะห์”

ช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา ถูก “ดูด” ไปแล้วหลายก๊วน ที่ตกเป็นข่าว อาทิ กลุ่มพลังชล นำทีมโดย “สนธยา-อิทธิพล คุณปลื้ม” ซึ่งว่ากันว่า ตระกูลนี้สนิทสนมกับ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ ผูกพันกันมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล “ทักษิณ” ซึ่งขณะนั้น “เสี่ยกวง” เป็นรองนายกฯ “วิทยา คุณปลื้ม” น้องรองของตระกูล ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเลขาฯ โดยตำแหน่ง

กลุ่มมัชฌิมา ของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ก็ชัวร์ป้าบ เพราะหัวหน้ากลุ่มก็เคยอยู่ใต้บังคับบัญชาของ “สมคิด” เมื่อช่วงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และเทียวไปเทียวมากันตลอด

ขณะที่ซุ้มนครปฐมของสี่พี่น้อง “สะสมทรัพย์” เจอแรงบวกด้วย “กฎเหล็ก” แห่งรัฐธรรมนูญ กับแรงบีบสารพัด ก็น่าจะตัดสินใจอำลา “เพื่อไทย”

สรุปยอดในเบื้องต้น ที่ “ดูด” มัดเชือกรอเชือดได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วหลายกลุ่ม มีอดีต ส.ส. ไม่น้อยกว่า 30-40 ที่นั่ง นำไปรวมเข่งกับพรรคใหม่ ที่ว่ากันว่า จะให้ “พล.อ.ประยุทธ์” ลงในนามบัญชีรายชื่อ หมายเลข 1 คือ “พลังประชารัฐ” และได้ไล่จับปลาในอ่างมาได้หลายน้ำ

สัดส่วนนี้ มีตัวเลขประเมินที่ 60-70 เสียง

โฟกัสไปที่ “ปรากฏการณ์บุรีรัมย์” ที่เพิ่งปิดฉากลงไปหมาดๆ และได้คำตอบชัดแล้วว่า พระเอกของเรื่อง “ลุงตู่สู้ๆ” เอาแน่แล้วนั้น

“พรรคภูมิใจไทย” ที่ “บิ๊กเน” เป็นเจ้าของ จะได้รับเลือกตั้งได้ที่นั่ง ส.ส. มากกว่าการเลือกตั้งปี 2554 ครึ่งช่วงตัว โดยที่หมายใหญ่คือ “กรุ๊ปนครชัยบุรินทร์” 4 จังหวัดมีอยู่ 38 ที่นั่ง

เสร็จสรรพ “พรรคสีน้ำเงิน” รอบใหม่ ไม่น่าจะน้อยกว่า 60 เสียง นำตัวเลขในฝันไปบวกกับของตายข้างต้น ราว 120 ที่นั่งบวก-ลบ 10

ไม่ปลอดภัย ก็ดึงกลุ่มวาดะห์ ที่แหกด่านมะขามเตี้ยไปตั้งพรรคใหม่ “ประชาชาติ” เพื่อภารกิจหลัก พร้อมเป็นพรรครัฐบาลทุกกรณี 10-15 ที่นั่ง

ไปรวมพลกับคนกันเอง ที่ตั้งมากับมือคือ “พรรค ส.ว.” 250 เสียง

พื้นๆ ยืนๆ หลับๆ ตื่นๆ ก็มีเสียงสนับสนุน “ลุงตู่สู้ๆ” แล้วประมาณ 350 ที่นั่ง