เปิดใจ “ฟิล์ม รัฐภูมิ” เมื่อการร้องเพลง-แสดงละคร ไม่ได้ทำให้ประชาชนสุขได้ เท่าการเป็นนักการเมือง

การร้องเพลง-แสดงหนัง แสดงละคร มันสามารถมอบความสุขให้ประชาชนได้เพียงแค่ชั่ววูบชั่วคราว แต่มันไม่ได้ทำให้เขามีความสุขในชีวิตได้ตลอดไปได้ แต่การอยู่ในสนามการเมือง หากเราได้รับโอกาสจากประชาชนและเข้าไปเป็น ส.ส. เป็นตัวแทนเขา มันสามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขข้อกฎหมายหรือสิ่งต่างๆ ที่เขาถูกเอารัดเอาเปรียบโดนกระทำได้ ผมรู้สึกว่านี่แหละคือสิ่งที่ผมต้องการ

ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ เล่าถึงการค้นหาตัวตนตัวเองเจอในทางการเมือง

หลังตัดสินใจมาสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทยเมื่อสัปดาห์ก่อน

: จุดเริ่มต้น สู่พรรคเพื่อไทย

จุดเริ่มต้นมาจากการคุยกับปุ๊น-ตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส (อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.) ซึ่งเคยเป็นศิลปินร่วมค่ายที่อาร์เอส ผมเข้าวงการมาก่อน แล้วรู้จักกับน้องเขา ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป แล้วพอมาสู่การเมืองเราก็เจอกันตามเวทีดีเบตต่างๆ ก็ได้คุยกันมากขึ้น เวทีสัญจรที่ จ.เชียงใหม่ หลังการเลือกตั้งน้องก็มาชวน เข้ามาสู่บ้านอีกหลังหนึ่งคือพรรคเพื่อไทย

ขณะที่ปุ๊น ตรีรัตน์ ในฐานะเลขาฯ กลุ่มเพื่อไทยพลัส เล่าว่า ตั้งแต่ตอนดีเบต เห็นว่าพี่ฟิล์มมีอุดมการณ์เหมือนกันและพรรคเพื่อไทยก็อยากเปิดรับความคิดใหม่ๆ เราก็เห็นว่าพี่ฟิล์มเป็นคนที่มีความคิดที่ดี หากมีโอกาสก็อยากจะชวนมาอยู่ด้วยกัน และแล้ววันนั้นก็มาถึง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ก็ได้มีโอกาสโคจรมาพบกัน

ผมก็เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นหนึ่งในองค์กรที่เปิดรับความคิดใหม่ๆ แล้วก็อยากจะให้พี่ฟิล์มเข้ามานำเสนอนโยบายที่ดีที่สุด เราไม่ได้เอาตัวคนเป็นที่ตั้ง แต่เราเน้นที่นโยบาย

สโลแกนของเราคือประชาชนคิด เพื่อไทยทำ เราไม่มียาหอมใดๆ ไปโปรยให้ มีแต่อุดมการณ์และความชอบที่ตรงกัน เราก็คุยกับเขานิดหน่อยเพียงแค่ครั้งเดียว เห็นว่าพี่ฟิล์มสนใจอยากจะทำเพื่อประชาชนจริงๆ

ทางเราก็เปิดรับ

: ทำไมถึงสนใจและอยากจะลงหลักปักฐานกับอาชีพการเมือง

ในตอนแรกผมคิดว่าวงการบันเทิงเป็นสิ่งที่เรารัก เราใฝ่ฝัน

แต่พอเรามาสัมผัสกับวงการการเมืองมันทำให้เราได้เจอตัวตนของตัวเองที่แท้จริง ที่ผ่านมาชีวิตเราแสวงหาตลอดว่าเราจะมีโอกาสช่วยคนได้อย่างไรบ้าง เราอยากจะเห็นแฟนๆ ของเรามีชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างไร เพราะแค่ร้องเพลง แสดงหนัง แสดงละคร มันเอาไม่อยู่

การเป็นผู้แทนฯ จะสามารถช่วยได้หมด ผมรู้สึกว่านี่แหละคือทางออกโดยแท้จริง

ผมเองพูดมาเสมอว่าอยากจะทดแทนบุญคุณของประชาชน อยากจะตอบแทนให้เขาได้มีความสุข ตอนเล่นหนังเล่นละคร เขาจะสุขแค่ตอนดู แต่เขาจะเป็นทุกข์ตลอดชีวิตของเขา และถ้าเราปรับเปลี่ยนอะไรได้โดยช่วยให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น ขอแค่ส่วนเล็กๆ ในชุมชนชุมชนหนึ่ง หรือพื้นที่เล็กๆ ทำให้เขาค้าขายร่ำรวยมีเงินทองมากขึ้นได้นี่แหละคือสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นความสุขอย่างแท้จริงของผม

ผมจึงได้มาเจอตัวตน

: อุดมการณ์ของชายที่ชื่อ “รัฐภูมิ”

ตัวเองเป็นคนที่รักษาคำพูดและรักษาสัญญา เราก็เห็นว่าสิ่งที่เพื่อไทยทำ โดยเฉพาะการรักษาคำพูด คำมั่นสัญญา ทำเพื่อประชาชน ผมเลยแทบไม่ต้องคิดเลย

ผิดกับสิ่งที่เราเจอมาก่อนหน้านี้ คือการที่มีคนไม่รักษาคำพูด ไม่ได้เอาประชาชนเป็นตัวตั้ง สิ่งเหล่านี้เลยทำให้ผมได้คิดว่า มันไม่ใช่

แล้วทางปุ๊นก็พาผมมาเจอคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย วันนั้นผมได้พาคุณแม่ของตัวเองเข้ามาคุยด้วย คุณแม่ก็ได้ช่วยคิดวิเคราะห์ให้ผมฟังว่าสิ่งไหนคือสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมที่สุด คุณแม่ก็ไฟเขียวอนุญาตให้เข้ามา ก็ต้องบอกว่าสิ่งที่พรรคเพื่อไทยได้พูดเรื่องนโยบายต่างๆ แนวคิดต่างๆ การเปิดรับฟัง

ผมมองว่าผมเห็นประเทศแล้วสงสาร ว่าทำไมไม่เคารพสิทธิเสรีภาพต่างๆ หรือความเป็นประชาธิปไตยซึ่งกันและกันเลย ผมก็จะยืนหยัดและสู้ต่อไปในเรื่องของอุดมการณ์ เพื่อความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เพราะผมเชื่อว่าในอนาคต กลุ่มคนรุ่นใหม่จะมีพลังและเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม

ไทยก็จะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างแท้จริง โดยที่ใครเสนออะไรคนรุ่นใหม่ก็สนับสนุน ประเทศก็จะเดินหน้าได้โดยไม่ได้ถูกกดไว้ ถูกเก็บไว้ หรือว่าไม่มีใครที่มองเห็น

: การเลือกพรรคท่ามกลางความขัดแย้ง

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการตัดสินใจอยู่พรรคการเมืองใดๆ ก็ตามย่อมมีผลต่อความนิยมชมชอบของแฟนคลับ และในสังคมไทยปัจจุบันก็มีความขัดแย้งอยู่สูง

สิ่งที่ผมเจอมาประการแรกก็คือ หลังการแถลงข่าวเปิดตัว ผมก็เห็นปฏิกิริยาทันที ผมเองก็ไม่คิดว่ามันจะรุนแรงขนาดนี้ ในเพจและช่องทางสื่อสารออนไลน์ของผมก็มีความขัดแย้งแตกแยกทันทีในหมู่แฟนคลับ

ก็ต้องบอกว่าจริงๆ แล้วปัจจุบันนี้อยากให้ทุกคนได้มองที่ “เป้าหมาย” ก่อนว่า เป้าหมายของคนเราคืออะไร ผมเข้าใจดีว่าทุกคนรักประเทศ ทุกคนเคารพรักสถาบันพระมหากษัตริย์ ทุกคนมีความปรารถนาอยากเห็นเศรษฐกิจไทยดีขึ้น เราก็ต้องมาวัดดูว่าที่ผ่านมาสามารถทำได้แค่ไหน

ที่สำคัญคือ เราจะมาแตกแยกกันไปทำไม ในเมื่อถ้าพรรคใดพรรคหนึ่งจะเสนอตัวเองมาทำเพื่อประชาชน มาแก้ไขปัญหาในจุดต่างๆ ที่ไม่เคยมีใครแก้ไขได้ พรรคการเมืองพรรคนั้นคือการรวมตัวของผู้ที่เป็นหัวกะทิแต่ละด้าน เพื่อแก้ไขจุดบอดต่างๆ ที่ไทยไม่เคยประสบความสำเร็จ ผมมองว่าพรรคไหนล่ะที่จะทำตามอุดมการณ์ตรงนี้ได้ ในการเอาคนเก่งๆ มารวมกัน

วันนี้ผมมองมีเพียงแค่พรรคเพื่อไทยที่จะแก้ไขปัญหาจุดนี้ได้

ผมพยายามอธิบายให้ฟังว่าวันนี้ผมไม่ได้มองเรื่องของความขัดแย้ง ผมเข้าใจดีว่า ทุกคนอาจจะยังมีเรื่องที่ค้างอยู่ในใจ ผมเข้าใจ แต่วันนี้ผมอยากให้มองข้ามสิ่งเหล่านั้นไป ผมคือกลุ่มคนรุ่นใหม่ยุคใหม่ที่อยากจะเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้น เพราะฉะนั้น อยากให้เคารพการตัดสินใจของผม

ทุกคนก็เข้าใจและพร้อมจะก้าวไปด้วยกัน แล้วก็หยุดการทะเลาะเบาะแว้ง

: สิ่งที่อยากทำ อยากผลักดัน

อยากผลักดันหลายนโยบาย อย่างแรกที่ควรจะเป็นคือ ไทยควรจะมี startup ที่เกิดขึ้นได้จริง ควรจะต้องมีกองทุนแล้วส่งเสริมให้ความรู้ ให้ทุนและก็ปรับตัว นี่คือสิ่งที่จะแก้ไขความยากจนได้จริง ดีกว่าเอาเงินของประเทศไปแจกจ่ายให้กับคน

ถามว่าการเอาเงินไปแจกให้กับประชาชนมันแป๊บเดียวก็หมดแล้ว แต่ถ้ารัฐบาลได้ออกกฎรวมหัวกะทิคนไทย ซึ่งผมมองว่าคนไทยเก่งมาก เก่งที่สุดในโลกในแต่ละด้าน ผมเชื่อว่าอะไรก็ตามที่ระดับโลกมี คนประสบความสำเร็จ ผมเชื่อว่าต้องมีคนไทยมีอยู่ในนั้นเสมอ

คนไทยเป็นอัจฉริยะอยู่แล้ว ถ้าแก้ได้ รัฐบาลสนับสนุน support เป็นอย่างนั้น ผมเชื่อว่าจะมีเงินมาแจกให้ประชาชนมากกว่าเดิมที่แจกกันอยู่อีก

ประการต่อมา สินค้า OTOP ต้องเปลี่ยนใหม่ rebrand ทำแพ็กเกจใหม่ ที่ผ่านมาเราอาจจะไปแนวจัด Event ซะมากกว่า พาคนไปออกงาน (ของรัฐ) ผมว่าต้องปรับใหม่ น่าจะต้องมีเรื่องของการสอน มีทุน อดีต (ที่ไม่ใช่ยุคเพื่อไทย) กลายเป็นการจัด Event เพื่อให้ภาครัฐได้เงินแล้วก็ทิ้งประชาชนไว้ที่เดิม

โมเดลต้นแบบให้ไปดูญี่ปุ่น Model เขา แนวความคิดเขา เอามา ส่งเสริม Packaging ให้แตกต่าง แพ็กเกจต้องนำ ทำแลนด์มาร์กใหม่ๆ ควบคู่การท่องเที่ยวไปด้วย เอาไปนำด้วย

: มุมมองต่อเศรษฐกิจวันนี้

เศรษฐกิจวันนี้ไม่ดี ผมว่าสัมผัสได้จากค่าเงินของประเทศแข็งตัว ส่งออกตายหมด ต่อมาภาคการเกษตร ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน พ่อค้าแม่ขายตายหมด

ใน Social Media ไม่เห็นมีใครบอกว่าตัวเองมีชีวิตที่ดีขึ้นเลย อย่างไม่กี่วันที่ผ่านมามีข่าวเรื่องการเอาไข่เน่ามาทำไข่พะโล้ให้เด็กกิน นี่ก็เป็นตัวอย่าง วันนี้เป็นเรื่องของชีวิตที่ไม่ดีขึ้นเลย การศึกษาก็ไม่ดี ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย เพราะฉะนั้น อย่าไปเข้าข้าง ขอให้ดูข้อเท็จจริง บางทีผลวิจัยต่างๆ อาจจะเชื่อไม่ได้ สิ่งที่ต้องไปเห็นจริงๆ คือการลงพื้นที่ไปดูว่าแต่ละที่มีปัญหาอะไรเป็นแบบไหน นั่นคือทางแก้

ประเทศไทยมีหนทางเดียวที่จะทำให้คนหายจนได้คือ ทำ application ขึ้นมา หนุนอีคอมเมิร์ซ ผมเชื่อว่า หากมีธุรกิจ รัฐบาลส่งเสริมจริงๆ จังๆ ให้คนไทยมาร่วมกันช่วยกันขาย ให้ประชาชนมีส่วนร่วม เพราะเขาไม่มีเงินทุนสร้างขึ้นเองก็ให้เขามีส่วนร่วม แบ่งขายแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ประชาชน

หัวใจสำคัญของการตัดสินใจครั้งนี้คือ การมีคนรับฟัง ผมเสนออะไรไปผมรู้สึกว่าเขาให้คุณค่ากับสิ่งที่ผมพูด และอยากให้ทุกๆ อย่างที่เราเสนอไปต่อยอดทำได้จริง นี่คือสิ่งที่ผมประทับใจพรรคนี้ ที่สำคัญคือการที่พรรคทำงานเป็นระบบ มีการวางแผนระยะยาว คิดไปถึงการเป็นรัฐบาลในครั้งหน้า มีการจัดการที่ดี

นี่แหละคือสิ่งที่ผมประทับใจ

ชมคลิปเปิดเบื้องหลัง “ฟิล์ม รัฐภูมิ”