กาละแมร์ พัชรศรี : ชีวิตไร้ขีดจำกัด

โตมาขนาดนี้เพิ่งได้เรียนรู้เพิ่มว่า “เราสามารถทำอะไรก็ได้บนโลกใบนี้แบบไร้ขีดจำกัด”

เอาจริงๆ คือเราได้ยินประโยคเหล่านี้มาบ่อยครั้งทั้งจากในหนังสือหรือคำโฆษณา แต่ไม่เคยเอามันไปคิดอย่างจริงจังหรือนึกถึงการปฏิบัติอย่างแท้จริง

ฉันเพิ่งมารู้ว่าคนที่จะหยุดยั้งหรือทำให้เราไม่สำเร็จจากเรื่องใดๆ ก็ตาม คนคนนั้นคือ…ตัวของเราเอง

จากการเข้าคลาสเรียนกับครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง หลายคนอาจสงสัยว่าไปเรียนทำไมบ่อยๆ

มันก็คล้ายกับการออกกำลังกายน่ะค่ะ ถ้าเราอยากมีกล้ามเนื้อตรงไหนเราก็ต้องทำมันซ้ำๆ

ฉันต้องการกล้ามเนื้อสมอง หัวใจ อารมณ์ที่แข็งแรง สดใส คิดบวกอยู่เสมอ

การเรียนจึงเป็นการกระตุ้นและเสริมสร้างสิ่งเหล่านั้น

เหมือนเป็นคอร์สเสริมสร้างชีวิตให้ดีขึ้น อย่างที่เราชอบไปเทกคอร์สเรียนต่างๆ น่ะค่ะ เพื่อให้เราติดอาวุธในการดำรงชีวิตให้มีพัฒนาการมากขึ้น เป็นคนดีขึ้น และแม้แต่แก้ไขข้อบกพร่องของตัวเอง

คิดดูนะคะจะมีคนสักกี่คนที่กล้าเผชิญหน้ากับข้อเสียของตัวเองแบบตรงไปตรงมาแล้วลุกขึ้นมาปรับปรุงตัวเองจากระบบจิตใต้สำนึก

เพราะถ้าไม่สำนึกบ่อยๆ เดี๋ยวมันก็ทำอีก มันต้องเคลียร์ให้จบ แล้วจะได้ไปทำอย่างอื่นต่อ

การเรียนแบบนี้มันลงลึกไปถึงจิตใต้สำนึกและแก้ไขความคิดบางอย่างของตัวเราเองที่ไปสกัดกั้นความเจริญในชีวิตตัวเอง

เช่น ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ

ทำงานตั้งนานไม่มีเงินเก็บตั้งตัวกับเขาเสียที

ทำไมเจอแต่คนแย่ๆ ในชีวิตทั้งหุ้นส่วน คนรัก เพื่อน

หรือไม่มีความสุขเลยอยากฆ่าตัวตาย

หรือแม้กระทั่งชีวิตไม่เป็นโล้เป็นพายทั้งที่ผ่านมาครึ่งชีวิตแล้วก็ตาม

ไม่กล้าที่จะลุกขึ้นมาทำสิ่งแปลกใหม่ กลัวไปหมด กลัวคนว่า กลัวไม่สำเร็จ กลัวคนอื่นจะดูถูก กลัวอับอาย ก็เลยไม่ทำอะไรสักอย่าง แล้วบอกกับตัวเองว่า เราพอแล้ว

แต่เป็นพอแบบไม่วาง เหมือนมีอะไรติดอยู่ในใจสักอย่าง แล้วเราก็จะตายไปกับอาการสงสัยค้างคา เสียดายและเสียใจที่เราไม่ทำมันลงไป

 

ก่อนหน้านี้ฉันเป็นคนไม่กล้าขายของค่ะ มันขัดเขิน มันจั๊กกะดึ๋ยที่จะบอกสิ่งดีๆ ของตัวเอง หรือสิ่งที่ตัวเองทำอยู่เพื่อให้คนมาสนับสนุน มันไม่มั่นใจ ไม่รู้สึกว่าดีพอเหรอ เกรงใจเขาน่า มันกระดากปาก

ฉันจึงไม่ชอบการไปขายโฆษณา ไปขายของตามที่ต่างๆ คือมันไม่ใช่ตัวตนเลยอ่ะค่ะ

แต่พอวันนี้ ฉันค้นพบพลังบางอย่างในตัวเองค่ะ

ในวันที่เราได้เรียนรู้ว่าพ่อแม่รักเรามากขนาดไหน

ในวันที่เรารู้ว่าศักยภาพในตัวเรามันยิ่งใหญ่ขนาดไหน

และวันที่ครูสอนให้เราทำสิ่งดี คือเมื่อก่อนก็ไม่ใช่ว่าเลวระยำตำบอนอะไร เพียงแต่ทำตัวกลางๆ ชอบช่วยเหลือคน สัตว์ก็ทำไป

แต่วันนี้นอกจากสิ่งที่เคยทำ ฉันรักษาศีล 5 อย่างครบถ้วนเป็นครั้งแรกและจะทำมันตลอดไป

รู้จักการให้ทานอย่างประณีต และเรียนรู้การภาวนาเป็นครั้งแรกในชีวิต มีสติและใช้ปัญญาในการดำรงชีวิตมากขึ้น

พอเราได้ทำสิ่งเหล่านี้เป็นปรกติในชีวิตประจำวัน อะไรที่ไม่ดีเราไม่ทำ เราก็รู้ตัวเองว่าเราตั้งมั่นในความดี ไม่ต้องให้ใครมาชมมาบอก

ของแบบนี้คนเราต้องรู้ตัวเอง ไม่ได้หลงว่าดีเลอเลิศเหนือใคร

รู้ว่าเราตั้งใจทำดีก็พอ แค่นี้เราได้ทันที ใจมันสงบ สบาย ยิ้มเบาๆ อยู่ในใจ

คราวนี้พอชีวิตเราเข้าที่เข้าทางแล้ว ใจเรามันก็รู้สึกถึงความคู่ควรกับสิ่งดีๆ เราจะไม่เอาชีวิตเราไปยุ่งเกี่ยวกับคนไม่ดี สิ่งไม่ดี เรื่องไม่ดี ความคิดไม่ดีอีก อะไรที่เป็นเรื่องลบ เราจะไม่ไปข้องแวะอย่างอัตโนมัติ ไม่เสพเรื่องดราม่า ไม่เสียเวลาไปกับการนินทาคน นั่งดูเรื่องชาวบ้าน หรือแม้แต่วันที่มีเรื่องให้ใจหมอง ใจเศร้าหรือขุ่นเคือง เราจะพยายามมีสติ ปรับโหมดในใจทันที

เพียงเท่านี้เราก็จะดึงดูดแต่เรื่องดีๆ คนดีๆ งานดีๆ เข้ามา และนำมาซึ่งความมั่นใจที่จะลุกขึ้นมาทำสิ่งดีๆ เพื่อผู้อื่นและตนเอง

 

สําหรับฉันแล้ว ฉันชอบทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ผ่านการพูด ผ่านการเขียน เจออะไรดี ทำอะไรแล้วดี กินอะไร ใช้อะไร ไปที่ไหน เจอใคร ก็อยากจะบอกกล่าวเล่าให้ฟัง

และฉันได้กลับไปคิดถึงตัวเองในวัยเด็กว่าเราชอบเล่นอะไร ชอบเล่นทำกับข้าวขายของ ชอบเล่นห้องสมุด ชอบเล่นธนาคาร และชอบคุณเทิ่ง สติเฟื่อง!!!

นอกจาก คุณผุสชา โทณวณิก พี่หม่ำ จ๊กมก ก็นึกถึงคุณเทิ่ง สติเฟื่อง ออกอีกหนึ่งคนที่เป็นคนโปรดในทีวี

คุณเทิ่งขายของในรายการทีวีได้สนุกมาก ขายเตารีด หม้ออบ แชมพู ผงซักฟอกได้อย่างออกรสออกชาติเหลือเกิน ทำให้เราดูอย่างเพลิดเพลินและไม่เบื่อหน่าย ฉันไม่เคยเปลี่ยนช่องเวลาถึงช่วงคุณเทิ่งขายของ

ตัดสลับมาที่ฉันตอนนี้ มีคนอยากให้ฉันขายของเขาเต็มไปหมดค่ะ แต่ฉันก็มีกฎ กติกาในการรับเช่นเดียวกัน นั่นคือ มันต้องเป็นของดีจริงๆ น่าเชื่อถือ ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ที่สำคัญฉันต้องชอบของนั้นจริงๆ!!

เพราะฉันไม่สามารถพูดถึงสิ่งที่ไม่ชอบได้ สีหน้า แววตาทำหลอกๆ ไม่ได้ และที่สำคัญคือจรรยาบรรณ

ฉันมีความสุขกับการแนะนำสิ่งดีๆ ให้กับคน บางเจ้าทำของมาดีมากแต่ไม่โฆษณาประชาสัมพันธ์อะไรเลย แล้วคนเขาจะรู้ได้อย่างไร ฉันอยากให้ทั้งคนตั้งใจทำก็ขายได้ คนซื้อก็ได้ซื้อของดีๆ ไป คนอยู่ตรงกลางฟินมาก พูดเลย!!

และที่ฉันชอบมากที่สุดคือ ฉันได้ทำงานอยู่ที่บ้านที่ฉันรัก ไม่ต้องแต่งหน้า ทำผม ใส่ชุดแน่นๆ รองเท้าส้นสูงให้เมื่อย

ฉันแค่เป็นตัวของตัวเอง และบอกเล่าความจริงให้คนได้รู้กัน…