‘องอาจ’จวก’บิ๊กตู่’เล่นการเมืองแบบ 0.4 ให้ผลประโยชน์ แลกเสียงหนุนทางการเมือง

“องอาจ” ชี้ ครม.ตั้ง “สนธยา-อิทธิพล” ร่วมงาน เป็นการลากนักการเมืองเข้าร่วมโดยแลกตำแหน่งหวังให้หนุนรัฐ จี้ “นายกฯ” เร่งแก้ 3 ทางออกให้ประเทศ

เมื่อวันที่ 19 เมษายน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติแต่งตั้งนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชลมา เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และนายอิทธิพล คุณปลื้ม เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่า เป็นเรื่องที่ไม่เหนือความคาดหมายที่จะมีการควบรวมพรรคการเมือง กลุ่มการเมือง และนักการเมืองอดีต ส.ส.มาอยู่ในพรรคการเมืองที่กำลังจัดตั้งขึ้นใหม่ โดยคนในรัฐบาลหรือมาเป็นพรรคหนุนรัฐบาลต่อไปหลังเลือกตั้ง ความพยายามควบรวมพรรคการเมือง นักการเมืองที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ล้วนแล้วแต่เป็นไปโดยมีตำแหน่งหรือผลประโยชน์ตอบแทน กรณีนี้คงไม่ใช่กรณีสุดท้ายเชื่อว่าอีกไม่นานนี้คงมีการแต่งตั้งอดีต ส.ส.เป็นรัฐมนตรีเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนที่ยังลังเลใจรีบตัดสินใจเกาะขบวนรถไฟให้ทัน

“ปรากฏการณ์ทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่นายกรัฐมนตรี และคนในรัฐบาลเคยเรียกร้องอยากเห็นการเมืองใหม่การเมืองที่มีธรรมาภิบาลอยากเห็นพรรคการเมืองที่ประชาชนมีส่วนร่วมพรรคการเมืองที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริงแต่สิ่งที่คนในรัฐบาลกำลังทำการเมืองอยู่ขนาดนี้ไม่ใช่การเมือง 4.0 แต่เป็นการเมือง 0.4 ที่ย้อนยุคไปสู่การเมืองน้ำเน่าแบบเก่าที่มุ่งหวังเพียงใช้ประชาธิปไตย และการเลือกตั้งเป็นเครื่องมือในการเข้าสู่อำนาจและสืบทอดอำนาจเพื่อประโยชน์ของตนเอง และพวกพ้อง” นายองอาจกล่าว

นายองอาจ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีและคนในรัฐบาลควรเอาเวลาที่เหลืออยู่อีกประมาณหนึ่งปีก่อนเลือกตั้งในการบริหารประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนที่ยังทับถม สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างมากอยู่ขณะนี้คือ 1. แก้ปัญหาเศรษฐกิจฐานราก เพราะชาวบ้านส่วนมากยังอยู่ในสภาพชักหน้าไม่ถึงหลังเศรษฐกิจฝืดเคือง 2. แก้ไขปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำที่สร้างความชอกช้ำให้กับเกษตรกรไทยที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศทั้งยางพารา ปาล์ม และพืชผลทางการเกษตรมาก 3.แก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง เพราะทุจริตคอร์รัปชั่นกำลังเป็นปัญหาที่สั่นคลอนความรู้สึกของผู้คนในสังคมอย่างมากเนื่องจากมีการแพร่ระบาดไปแทบทุกองค์การ และทุกระดับของสังคม ทั้งนี้ ตนอยากให้นายกรัฐมนตรี และคนในรัฐบาลเอาเวลามาบริหารประเทศมากกว่าบริหารอนาคตทางการเมืองของตนเอง และพวกพ้อง เชื่อว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชนมากกว่าอย่างแน่นอน